ซีเซียม 137 คืออะไร มีอันตรายอย่างไร?
ภายหลังจากที่ ท่อเก็บสารกัมมันตรังสี
ซีเซียม-137 (Sesium-137) หายไป
จากโรงงานไฟฟ้าพลังงานไอน้ำแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
และยังค้นหาไม่พบ ( ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องท่อวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่หายไป )
(พบแล้วในโรงหลอม 22/3/2566)
อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่ได้สัมผัสกับสารกัมมันตรังสี
ที่อาจรั่วไหลหากสัมผัสในปริมาณสูงและยาวนาน
ซึ่งอาการจะขึ้นอยู่กับปริมาณรังสีที่ได้รับด้วย
แล้วสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 คืออะไร มีอันตรายอย่างไร
ส่งผลให้เกิดโรคภัยอะไรได้บ้าง
ซีเซียม-137 คืออะไร
ซีเซียม 137 คือ สารไอโซโทปของซีเซียมซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสี
ที่มีเลขอะตอมเท่ากับ 55 มีครึ่งชีวิต 30 ปี
สลายโดยปล่อยรังสีบีตาและรังสีแกมมา
เป็นหนึ่งในผลผลิตการแบ่งแยกนิวเครียสและซีเซียม 137
ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งโอกาสที่จะเป็นมะเร็งต้องได้รับสารปนเปื้อน
เมื่อได้รับเข้าไปจะกระจายไปทั่ว ส่วนใหญ่จะสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อ ตับ และไขกระดูก
ประโยชน์จากซีเซียม
ส่วนใหญ่ ซีเซียม 137 จะถูกใช้ในงานหรือเครื่องมือเฉพาะ
แต่ปริมาณรวมของการใช้ไม่มากนัก
มีการใช้ในทางการแพทย์ มาตรวัดกระแสน้ำในท่อโรงงานอุตสาหกรรม
และโรงงานนิวเคลียร์ ดังนี้( 395 โรงงาน/ในประเทศไทยใช้สารนี้)
1. ใช้ในการผลิต photoelectric cell เพราะเป็นธาตุที่ถูกอิออไนซ์โดยแสงได้ง่าย
(เปลี่ยนเป็นอิออนบวกโดยแสงได้อย่างง่ายดาย)
2. ใช้ผลิต cesium vapor thermionic converter
3. ใช้ในระบบการผลิตพลังงานและ magnetohyhrodynamic
4. ใช้เป็นตัวเร่งสำหรับปฏิกิริยาไฮโดรพิเนชันและเชื้อเพลิงจรวด
5. ซิเซียมไฮดรอกไซด์ (CsOH) ใช้เป็นอิเลกโตรไลต์
ของเซลล์สะสมไฟฟ้าแบบด่าง (alkaline stronge batteries)
6. ซีเซียมคาร์บอเนต (Cs2CO3) ใช้ทำแก้วที่ใช้งานเฉพาะ
อันตรายจากซีเซียม
สารซีเซียม-137 เป็นกัมมันตภาพรังสี (radioactivity)
หากสัมผัสในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจจะไม่มีผลต่อร่างกายที่ชัดเจน
แต่หากสัมผัสในระยะเวลานานและปริมาณสูงขึ้น
จะเริ่มมีผลต่อร่างกาย ทำให้เกิดผื่นแดงตามผิวหนัง ผมร่วง แผลเปื่อย
หากสัมผัสในปริมาณสูงและยาวนาน
อาจเกิดพังผืดที่ปอด เกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
เกิดต้อกระจกขึ้นในนัยน์ตา ซึ่งอาการจะขึ้นอยู่กับ
ปริมาณรังสีที่ได้รับ
โดยมีคุณสมบัติดังนี้
สามารถทำปฏิกิริยากับน้ำและกลายเป็นซีเซียมไฮดรอกไซด์ (cesium hydroxide)
ซึ่งเป็นสารประกอบที่ละลายน้ำ
มีคุณสมบัติในทางชีววิทยาคล้ายกับโปแตสเซียม (potassium)
และรูบิเดียม (rubidium) เมื่อเข้าไปในร่างกาย
ซีเซียมจะกระจายไปทั่วร่างกาย โดยมีความเข้มข้นสูงที่กล้ามเนื้อและกระดูก
ถ้าบังเอิญได้รับซีเซียม-137 เข้าไปในร่างกาย
ควรรับประทานปรัสเซียนบลู (Prussian blue)
ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยาเคมีโดยจับกับซีเซียม
ทำให้ขับออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น
การควบคุมดูแลซีเซียม-137 ที่ใช้เป็นต้นกำเนิดรังสีแกมมาที่ไม่รัดกุมพอ
อาจจะทำให้เกิดการรั่วไหลของรังสีไอโซโทปและ
เกิดการเจ็บป่วยจากรังสีได้ ซึ่งซีเซียมที่ใช้เป็นต้นกำเนิดรังสีแกมมา
จะถูกเก็บอยู่ในภาชนะโลหะ
อาจจะถูกทิ้งปะปนไปกับโลหะเก่าและถูกนำไปหลอม
ทำให้เกิดโลหะผสมที่มีกัมมันตภาพรังสี
นอกจากนี้ หากปนเปื้อนลงไปในน้ำ
จะส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์ในสัตว์
ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณการรับและการสะสม
หากสัตว์รับสารรังสีเข้าไปจะเพิ่มความเข้มข้นสะสมในห่วงโซ่อาหาร
แต่ยังไม่มีผลยืนยันที่ชัดเจนว่าจะถึงขั้นเปลี่ยนระบบนิเวศน์ใต้ทะเลได้
อุบัติเหตุจาก ซีเซียม-137 เคยเกิดที่ไหนบ้าง
1. อุบัติเหตุที่ Goiania accident ที่มีการทิ้งสารกัมมันตรังสี
จากอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำรังสีรักษาจากคลินิกในเมือง Goiania ประเทศบราซิล
ทำให้คนเก็บขยะนำไปขายให้กับคนที่รับซื้อ
เนื่องจากคิดว่าเป็นของแปลก กรณีนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
และเสียชีวิตจากการได้รับรังสีจำนวนหลายคน
2. อุบัติเหตุที่ Acer inox accident ในปี 1988
เมื่อบริษัท Acer inox ซึ่งดำเนินกิจการแปรรูปของเก่า (recycling company ) ของสเปน
ได้เกิดอุบัติเหตุโดยทำการหลอมซีเซียม-137 จากต้นกำเนิดรังสีแกมมา
3. ในปี 2009 บริษัทซีเมนต์ของประเทศจีน ในจังหวัด Shaanxi
ได้รื้อโรงงานผลิตซีเมนต์เก่าที่เลิกใช้แล้ว
โดยไม่ได้ดำเนินการตามมาตรฐานการปฏิบัติงานกับสารรังสี
ทำให้ซีเซียม-137 บางส่วนที่ใช้ในเครื่องมือตรวจวัดซีเมนต์
ถูกส่งไปหลอมรวมไปกับโลหะที่ไม่ใช้แล้ว 8 คันรถที่โรงงานหลอมเหล็ก
สงสัยว่าเจอ ซีเซียม-137 ทำอย่างไร
ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม
ให้คำแนะนำว่า วัตถุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่สูญหาย
มีลักษณะเป็นแท่งทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว
มีตะกั่วปกป้องอยู่ชั้นในและห่อหุ้มด้วยเหล็ก
หากยังอยู่ในสภาพเดิมจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
และจากการประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่า
วัตถุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่สูญหาย
ได้หลุดออกจากเครื่องกำบัง จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
ของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นหากเจอวัตถุต้องสงสัย โดยเฉพาะชนิดที่เป็นโลหะ
มีสัญลักษณ์รูปใบพัด มีคำเตือนภาษาอังกฤษ Dangerous หรือคำว่า Radio Active และอื่นๆ
ขอให้อยู่ให้ห่างและแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ
ทั้งนี้หากบังเอิญว่ามีการสัมผัสโดยไม่รู้ตัว ให้ถอดเสื้อผ้า ชำระร่างกาย
นำเสื้อผ้าชุดนั้นใส่ถุงมัดปากไว้ในที่ปลอดภัยห่างไกล
แจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบปริมาณรังสีและเพื่อนำไปทำลายต่อไป
Cr: https://www.smk.co.th/newsdetail/3012