สถานทูตจีนออกแถลงกรณ์ด่วน กรณี "แนนซี เพโลซี" เยือนไต้หวัน
ช่วงเช้าวันนี้ (3 มี.ค.)
โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย
ตอบคำถามสื่อมวลชนสำหรับการเดินทาง
เยือนไต้หวันแห่งประเทศจีนของนางแนนซี เพโลซี
ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุข้อความว่า
๑.ความเป็นมาของปัญหาไต้หวันเป็นอย่างไร
ไต้หวันเป็นของประเทศจีนตั้งแต่สมัยโบราณ
เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน
และเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนที่แบ่งแยกมิได้
นับตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งในศตวรรษที่ 10
รัฐบาลจีนทุกสมัยต่างก็ได้จัดตั้งหน่วยงานบริหารราชการ
ในไต้หวันอย่างเป็นลำดับ
เพื่อปฏิบัติตามอำนาจการบริหารและปกครอง
เมื่อวันที่ 1 เดือนตุลาคม ค.ศ. 1949
รัฐบาลกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สถาปนาขึ้นมา
โดยทดแทนรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐจีน
และกลายเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงรัฐบาลเดียวของทั่วประเทศจีน
และก็เป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวในประชาคมโลก
จึงสามารถือครองและใช้อำนาจอธิปไตยของประเทศจีน
ตามสิทธิ์อย่างทั่วไป ซึ่งรวมทั้งอธิปไตยเหนือไต้หวันด้วย
หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้น
กลุ่มอำนาจของพรรคก๊กมินตั๋งได้ถอยไปยังมณฑลไต้หวันของจีน
โดยอาศัยการสนับสนุนจากอิทธิพลต่างประเทศ
ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลกลาง
จึงเป็นเหตุที่ทำให้ปัญหาไต้หวันเกิดขึ้นมา
เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.1971
สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 26
ได้ผ่านมติหมายเลขที่ 2758 ขับไล่ผู้แทนของทางการไต้หวันออกไป
และฟื้นฟูที่นั่งและสิทธิชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด
ของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในสหประชาชาติ
เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1978 จีนกับสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่า
ด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
โดยทางสหรัฐฯ ยอมรับว่ารัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
เป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงรัฐบาลเดียวของประเทศจีน
และรับรองจุดยืนของจีนซึ่งก็คือ มีแค่ประเทศจีนเดียว
และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน
ปัจจุบัน ทั้งหมด 181 ประเทศ
ที่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนต่างก็ยอมรับว่า
ในโลกนี้มีแค่ประเทศจีนเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีน
๒. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ
บอกว่าไม่สนับสนุน
การแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน
ทำไมผู้นำสภาฯของสหรัฐฯ
ยังดันทุรังเดินทางเยือนไต้หวัน
ปัญหาไต้หวันเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดและละเอียดอ่อนที่สุด
ในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ทางสหรัฐฯ
ได้เน้นย้ำหลายครั้งในหลักการประเทศจีนเดียว
และไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน
เมื่อวันที่ 28 เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ได้หารือทางโทรศัพท์ตามนัดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ
ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้เน้นย้ำว่า
การที่ทางสหรัฐฯยึดถือนโยบายจีนเดียวไม่ได้เปลี่ยนและจะไม่เปลี่ยน
ทางสหรัฐฯไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน
การที่นางแนนซี เพโลซี เดินทางเยือนไต้หวันได้แสดงให้เห็นว่า
ทางสหรัฐฯ พูดอย่างทำอย่าง ไม่มีความน่าเชื่อถือและสัจธรรม
ถูกคนทั่วไปดูถูกกัน และทำให้เครดิตรัฐของสหรัฐฯ สูญหายไปหมด
ปัจจุบัน สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันกำลังเผชิญ
กับความตึงเครียดและความท้าทายที่รุนแรงรอบใหม่
สาเหตุที่แท้จริงก็คือ ทางการไต้หวันและฝ่ายสหรัฐฯ
ได้พยายามเปลี่ยนสถานะ
ที่เป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทางการไต้หวันอยากจะพึ่งสหรัฐฯเพื่อแสวงหาเอกราช
ส่วนทางสหรัฐฯ พยายามใช้ไต้หวันในการควบคุมจีน
และหนุนหลังให้กิจกรรมการแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน
๓.ประธานสภาฯ นางแนนซี เพโลซี เดินทางเยือนไต้หวัน
จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค
การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี
จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค
นางเพโลซี เป็นผู้นำสภาคองเกรสของสหรัฐฯ คนปัจจุบัน
การเดินทางเยือนไต้หวันอย่างเปิดเผยนั้น
ถือว่าเป็นการกระทำทางการเมืองที่ยั่วยุอย่างรุนแรง
ในการยกระดับการไปมาหาสู่กันอย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวัน
และก็เป็นการสนับสนุนต่อกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน
วัตถุประสงค์อันแท้จริงที่ทางสหรัฐฯ เล่นไพไต้หวันนั้น
คือจะใช้ไต้หวันในการควบคุมและกดขี่จีน ชะลอการพัฒนาของจีน
รักษาสถานะความเป็นเจ้าของตนเองและผลักดันความเป็นอำนาจบาตรใหญ่
ซึ่งเป็นการเหยียบย่ำหลักการขั้นพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ผลักให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯไปสู่ความเผชิญหหน้าและปฏิปักษ์ต่อกัน
ทำให้สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันทวีความตึงเครียด
จนนำไปสู่เหตุการณ์และผลที่ตามมาอย่างร้ายแรงยิ่ง
ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงจนกระทั่งภัยพิบัติ
ต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค
๔.จุดยืนและท่าทีของจีนเป็นอย่างไร
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา
ได้เดินทางเยือนไต้หวันของประเทศจีน
โดยไม่สนใจการคัดต้านอย่างรุนแรงและ
การแสดงท่าทีอย่างจริงจังของฝ่ายจีน
ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหลักการประเทศจีนเดียว
และแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับอย่างร้ายแรง
เป็นการบ่อนทำลายรากฐาน
ทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างร้ายแรง
เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีนอย่างร้ายแรง
เป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง
และก็เป็นการส่งสัญญาณผิดพลาดอย่างร้ายแรงไปยังกลุ่มอิทธิพล
ที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน สำหรับเรื่องนี้
ฝ่ายจีนคัดค้านอย่างเด็ดขาดและขอประณามอย่างรุนแรง
ได้แสดงท่าทีอย่างจริงจังและประท้วงอย่างรุนแรงต่อฝ่ายสหรัฐฯ
รัฐบาลและประชาชนจีนได้ใช้มาตรการที่เด็ดขาดและทรงพลังแล้ว
และจะยังคงดำเนินการต่อไป เพื่อปกป้องอธิปไตย
และบูรณาภาพแห่งดินแดนอย่างแน่วแน่
ทางสหรัฐฯและกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวัน
ออกจากประเทศจีนต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด
ฝ่ายจีนเรียกร้องให้ทางสหรัฐฯ ยุติการเล่นไพ่ไต้หวัน
เพื่อใช้ไต้หวันในการควบคุมจีนต่อไป
ยุติการแทรกแซงกิจการของไต้หวันและกิจการภายในของประเทศจีน
ยุติการสนับสนุนกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยก
ไต้หวันออกจากประเทศจีนในทุกๆ รูปแบบ
ยุติการพูดอย่างทำอย่างในปัญหาไต้หวัน
และยุติการบิดเบือนทำลายหลักการประเทศจีนเดียว
ยึดมั่นในหลักการจีนเดียวและ
แถลงการณ์ร่วมระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับ
โดยนำคำมั่นสัญญาของผู้นำสหรัฐฯ มาปฏิบัติอย่างจริงจัง
ซึ่งรวมทั้งไม่คิดที่จะทำสงครามเย็นใหม่กับจีน
ไม่คิดที่จะเปลี่ยนระบอบของจีน ไม่คิดที่จะคัดค้านจีน
โดยอาศัยการกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตร
ไม่สนับสนุนการแยกตัวออกไปเป็นเอกราชของไต้หวัน
และไม่ประสงค์ที่จะเกิดปะทะกันกับจีน
โดยหลีกเลี่ยงเดินต่อไปในเส้นทางที่ผิดพลาดและอันตราย
จีนกับไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน
ตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี ค.ศ.1975 เป็นต้นมา
ฝ่ายไทยยึดมั่นในหลักการจีนเดียวมาโดยตลอด
ซึ่งได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนในเอกสารสำคัญๆหลายฉบับ เช่น
แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับราชอาณาจักรไทย
แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยแผนงานความร่วมมือในศตวรรษที่ 21 ระหว่างจีน-ไทย
แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วน
ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน
วิสัยทัศน์การพัฒนาสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทยในระยะยาว
และแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย
ฝ่ายจีนเชื่อว่า ประเทศไทยในฐานะที่เป็นมิตรประเทศของจีน
จะยึดมั่นในความเที่ยงธรรมและความเป็นธรรมของหลักสากล
สนับสนุนความพยายามของจีนในการปกป้องอธิปไตย
และบูรณาภาพแห่งดินแดน สนับสนุนภารกิจอันยิ่งใหญ่
ในการรวมประเทศจีนเป็นหนึ่งเดียว
ร่วมกับฝ่ายจีนในการพิทักษ์รักษาสันติภาพ
และเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันและของภูมิภาค
กรมศุลกากรจีน (General Administration of Customs)
ได้ประกาศแบนสินค้าไต้หวันเมื่อวันจันทร์
โดยจะครอบคลุมสินค้าจำพวกอาหารทะเล, ชา และน้ำผึ้ง
ตามรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่น United Daily News
https://mgronline.com/china/detail/9650000073635