ใช้เวลา แค่ 2
วิกฤตการณ์ที่รุนแรงที่สุด ของประเทศไทย
อาบังก็น่ากลัว จะเอาทางใต้ /
อาเจ็กก็ยิ่งน่ากลัว จะกลืนทั้งประเทศ
คนไทยรู้ตัวกันบ้างไหม ไทยกำลังกำลังตกเป็นเมืองขึ้น
ธุรกิจดีๆในไทยส่วนใหญ่ถูกคนจีนยึดไปแล้ว
โรงสี ห้องเย็น โรงแรม ท่องเที่ยว คอนโดอสังหา
บ้านจัดสรร ร้านอาหาร ทุเรียน ข้าวโพด กล้วย ข้าว
ผลไม้อื่นๆ อาหารทะเล
โรงงานผลิตสินค้าต่างๆ ตลาดขายส่ง ฯลฯ
ณ เวลานี้ คือ เวลาเปลี่ยนมือ ไม่ใช่ของไทยแล้ว
เมื่อเขายึดได้ เขากลับเอาคนจีนเขาเข้ามาทำงาน
งานของคนไทยที่อยู่เดิมค่อยๆหลุดจากวงโคจร..
คนไทยเกือบครึ่งของคนที่มีงานทำวันนี้
กำลังจะตกงานในปี2563
คนไทยเจ้าของแผ่นดินกำลังจะไม่มีกิน
เดิมผมเคยเขียนเรื่องเอไอแย่งงานคนไทย
วันนี้ ผมเจอเรื่องที่เร็ว แรง
และชัดเจนกว่านั้นคือ คน และ ทุนจีน
กำลังกลืนประเทศไทย
โรงสีใหญ่ในหกจังหวัดภาคกลางกว่าครึ่ง จีนซื้อไปแล้ว
โรงแรมเกือบครึ่งในเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย เป็นของคนจีน
คอนโดเปิดใหม่ในทำเลทองหลายแห่ง
ลูกค้ารายใหญ่คือคนจีน
ห้องเย็นรายเล็ก ที่มหาชัย
เป็นของคนจีนเกือบร้อยแห่ง
ตลาดสำเพ็ง พันทิพย์ สี่มุมเมือง ตลาดไท ฯลฯ.....
เจ้าของร้านหน้าใหม่เป็นคนจีน
รร. ในพัทยา ภูเก็ต สุราษฎร์ ขอนแก่น
เชียงใหม่ เชียงราย ก็เสร็จคนจีน
ทุเรียนวันนี้ที่จันท์ไปดูเอาเองครับ
ฟาร์มกล้วยไม้ ผลไม้ กุ้ง ปลา.... จาระไนไม่หมด
เขามาซื้อแพงกว่าราคาปกตินะครับ
แผงเซ้งกัน 30000 เขามาบอก ขอเซ้ง 50000
เป็นเรายอมไหม ตอนโดขายกัน2 ล้าน
คนไทยต่อเหลือล้านแปด
เขามาบอกให้สองล้านห้าถึงสามล้าน
นโยบาย และแผนงานรัฐบาลจีนไม่ได้น่ากลัว
แต่เป็นความขยันและพลังทุนมหาศาล
ของนักธุรกิจจีนต่างหาก...
รัฐบาลไม่มีนโยบายรุกรานเบียดเบียนใคร
แต่คนจีนพร้อมไปทุกที่ที่มีโอกาส
คนจีนรุ่นนี้ต่างกับรุ่นเก่าที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น
แต่เขาออกมาแสวงหาความมั่งคั่ง
ฉะนั้นการทะนุถนอมดูแลแผ่นดิน
ที่เข้าไปทำมาหากินจะต่างกัน...
ผมทราบมาว่า... ผู้คนในจีนที่ประสงค์
ออกทำมาหากินต่างแดนมีแหล่งเงินกู้
ระดับสิบล้านให้เข้าถึงได้เสมอ
คนจีนไม่กลัวการไปทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
ไม่กลัวการไปยังดินแดนใหม่
ไม่กลัวความยากลำบาก ไม่กลัวขาดทุน
พร้อมออกจากคอมฟอร์ทโซนไปแสวงหาโอกาสตลอดเวลา
ที่สำคัญยังไม่กลัวกฎหมายประเทศนั้นๆ
นศ ที่ได้ทุนที่รัฐบาลให้ไปเรียนต่างแดน
ถ้าไม่กลับบ้านและทำงานอยู่กินในดินแดนนั้นๆต่อ
ไม่ต้องใช้ทุนแถมมีทุนเพิ่มให้ประกอบอาชีพ
ถ้าเรามีตาทิพย์ มองเห็นคนจีนเป็นสี
มองไปทั้งโลก เราจะเห็นว่าตอนนี้สีนั้น
กำลังเข้มขึ้นในทุกที่อย่างรวดเร็ว
ผมฟังเรื่องราวการเข้าแทรกซึม
ทางการค้าในระดับรากหญ้าของประเทศเพื่อนบ้าน
มาตั้งแต่ช่วงสองปีก่อน ที่ลาว พม่า มาเลย์ อินโด เวียดนาม เขมร ฟิลิปปินส์
ได้ยินเรื่องปัญหาความกระทบกระทั่ง
แย่งงานคนท้องถิ่น เจ้าซื้อกิจการ
การนำสินค้ามาขายแข่งในราคาต่ำกว่า...
ด้วยความที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในต่างประเทศ
เพิ่งมีโอกาสได้มองสถานการณ์ไทย
อย่างจริงจัง จึงได้เห็นว่าไม่ต่างกัน.
ที่จะต่างกันบ้างคือของเรายังไม่เคย
เป็นเรื่องเป็นราว รัฐบาลไม่เคยออกมาทำอะไร
คนไทยยังไม่เคยโวยวายเหมือนเวียดนาม มาเล อินโด
ส่วนลาว เขมร พม่า ฟิลิปปินส์ผมยังไม่เคยได้ยิน.
นี่ว่ากันเฉพาะในเอเชียนะครับ
เพราะมองทางไกลไม่เป็นยังนับถือแค่เศษเงิน.
เรารู้สึกว่าเงินฝืด แต่เคยมองไปรอบๆไหมว่าเงินไปไหน?
คนไทยที่ยากจนกำลังโดนขึงพืดรุมโทรม..
เอไอแย่งงาน นายทุนทำธุรกิจสะดวกซื้อครบวงจร
ทุนต่างชาติเข้ามายึดแย่งสูบความมั่งคั่ง และทรัพยากร
รัฐบาลบริหารไม่เฉียบขาดรวมทั้งประชาชนคนไทยเห็นแก่ตัวการเรียนการศึกษาไม่มีคุณภาพ เป็นพาณิชย์
ค่ารักษาแพงโหดคุณภาพห่วย
ของมอมเมาล่อลวงเยาวชนและคนไม่มีสติมีให้เข้าถึงได้ง่ายดาย
ยาเสพติดอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิดฯลฯ
อยากรอดต้องคิดสร้างสรรค์
ลงมือทำไม่ขายตัวเองและทรัพย์สิน
ทำตัวดี อดทน หนักเอาเบาสู้ ไม่ฟุ้งเฟ้อ
ไม่สร้างเรื่องช่วยกันสามัคคีกัน
คิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว
แต่หากยังเอื่อย ไม่พร้อมก็รอรับชะตากรรมได้
ผมขอบอกให้ปี2563คนไทยรอตกงาน600000คน รู้เรื่องแน่นอน
แต่ในทุกวิกฤติ มีโอกาส มองดีๆ
ก็จะพบว่ายังพอมีหนทางอยู่รอดได้.
ถ้าไม่เห็นแต่ตัวช่วยกัน
และกล้าลงมือทำกันเถอะครับ
กล้าๆหน่อยครับคนไทย......!!!
บอกตามตรง เมื่อนึกถึงอนาคตของไทย
ผมแอบเช็ดน้ำตา...
(ไม่มีชื่อผู้เขียน แต่เห็นว่ามีข้อที่น่าคิด ร่วมกัน เลย COPY ส่งต่อครับ)