หากอ่านบทความไม่พอดีกับจอมือถือ ดูเนื้อหาและคลิปวีดีโอที่เกี่ยวข้อง> เว็บไซต์ใหม่ของพวกเรา w ww.ubmthai.com เวอร์ชั่นสมาร์ทโฟน >>คลิ๊ก!!
https://www.pohchae.com/2019/12/16/4-step-to-learn-------------------------------------------------------
4 step เรื่องง่ายๆ เก่งอังกฤษได้ด้วยตัวเองปฎิเสธไม่ได้เลยนะครับว่าภาษาอังกฤษในทุกวันนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ไม่เพียงแต่ส่งผลกับเกรดของเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงหน้าที่การงานในอนาคตอีกด้วย วันนี้โป๊ะเชะดอทคอมขอนำเสนอ 4 ขั้นตอน ในการเก่งภาษาอังกฤษ ที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ (ไม่จำเป็นต้องไปเรียนถึงเมืองนอกด้วยนะ ^^)
step 1 จำคำศัพท์และฟังให้เยอะ
ขั้นแรกนี้ เราจำเป็นต้องรู้คำศัพท์ครับ ภาษาอังกฤษมีมายมายหลายคำใช่มั้ยหล่ะ แต่ที่ใช้จริงๆมีอยู่ไม่มากครับ แค่ 3000-4000 คำเอง 55 นี่น้อยแล้วนะ แต่ไม่ต้องกลัวครับ ไม่ว่าคำศัพท์จะมากมายแค่ไหนเราก็จะไม่หวั่นไหวเลยถ้ามี วิธีการจดจำที่ดี แล้วไอ้ วิธีการจำที่ดี คืออะไรกันหล่ะ คำตอบคือ การนำไปใช้ให้บ่อย ครับหรืออาจจะพูดหรูๆว่า การทำให้สมองนำความทรงจำระยะสั้นนั้นไปเก็บไว้ในส่วนเก็บความทรงจำระยะยาวนั่นแหละ
สรุป step 1 > ใช้ให้บ่อย วิธีที่แนะนำคือ ฟังให้เยอะครับ ฟังทุกวัน อาจจะเป็นซีรีย์ซับไทย ฯลฯ แรกๆจะฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับ แต่ถ้าทำควบคู่ไปกับการจำคำศัพท์ที่จำเป็นระยะนึงแล้ว เราจะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น (ลองนึกถึงตอนเราเด็กๆครับ เราเริ่มจากการฟังใช่มั้ยหล่ะ 55)
step 2 แกรมม่าไม่ต้องแม่น แต่ต้องรู้
หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ! ทำไมขั้นที่สองถึงไม่ใช่การฝึก พูด หล่ะ ไม่ใช่ว่าจะเป็น ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน หรอกเหรอ จริงๆมันขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคนนะครับ แต่สำหรับ 4 step ที่นำเสนอในวันนี้นั้นมันเป็นวิธีที่ทำให้เราสารถต่อยอดความรู้เป็นขั้นๆ โดยไม่ต้องไปอยู่ต่างประเทศครับ (จะเข้าใจเหตุผลใน step ที่ 4 นะ) การฝึกแกรมม่านี้จะทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมทางภาษาได้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ขาดไม่ได้ในขั้นนี้คือ หนังสือนั่นเอง (บางคนอาจจะหาโหลดหรืออ่านในเว็บก็ได้แล้วแต่ ^^) หนังสือที่แนะนำคือ Essential Grammar in Use สำหรับคนงบน้อย เล่มนี้เล่มเดียวเอาอยู่ครับ สงสัยหัวข้อไหนในหนังสือก็สามารถหาอ่านในเว็บ หรือดูคลิปจากยูทูปก็ได้ เล่มนี้คือดีมากบอกเลย
สรุป step 2 > ทำความเข้าใจโครงสร้างทางภาษาและนำไปใช้ (ไม่จำเป็นต้องจำได้แม่น แค่ก็ต้องรู้)
step 3 นำความรู้จาก 1-2 มาใช้จริงในการอ่าน
นอกจากที่บอกไปว่า ใช้ให้บ่อย แล้วขั้นนี้จะทำให้เราได้นำความรู้ที่ได้มาใช้ให้ บ่อย ยิ่งขึ้นไปอีก โดยเราต้องเริ่มจากการอ่านอะไรที่ง่ายๆ อย่างเช่น วรรณกรรมเยาวชน(แฮรี่พอตเตอร์) และ diary of a wimpy kids ถ้าอ่านได้คล่องขึ้นแล้วอาจจะไปอ่านหนังสือที่ยากขึ้นเช่น animal farm เป็นต้น แต่! ห้ามอ่านภาษาอังกฤษอย่างเดียวนะ 55 เรายังไม่เจ๋งพอที่จะทำแบบนั้นหรอก ดังนั้น การอ่านแรกๆ เราจำเป็นต้องมีฉบับที่ แปลแล้ว ด้วย โดยเราอ่านจะอ่านแบบภาษาไทยให้จบทีเดียวแล้วไปอ่านฉบับภาษาอังกฤษก็ได้ แต่วิธีที่ผมชอบที่สุดคือ อ่านภาษาอังกฤษก่อนหน้านึง สงสัยตรงไหนก็เปิดภาษาไทยดูครับ
สรุป step 3 > เลือกอ่านบทความหรือหนังสือที่มีระดับความยากไม่มากนัก ให้ดีควรมีแบบที่แปลแล้วด้วย จากนั้นก็บินเดียวอ่านภาษาอังกฤษล้วนเลย
step 4 ฝึกพูด
การพูดเป็นดั่งยาขมสำหรับหลายๆคนใช่มั้ยหล่ะ สิ่งแรกที่เราต้องทำจริงๆไม่ใช่พูดเลยนะครับ แต่ต้อง ทิ้งความอายนั้นไปซะ เพราะความอายนี่แหละครับที่ทำให้เราพูดไม่ได้ เราไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องสำเนียงครับ ฝรั่งเขาฟังออกอยู่แล้ว(มั้ง 55) อีกอย่างถ้าเราฟังบ่อยๆอยู่แล้ว เราจะชินกับสำเนียงของเขาไปเองครับ คำถามที่หลายคนกำลังสงสัยคือ ให้ไปฝึกพูดกับใครหล่ะ คำตอบคือเดี๋ยวนี้มันทันสมัยครับ มีแอปชื่อนึง ว่า hello talk สามารถโหลดได้ใน play store และ app store ซึ่งเขาไม่ได้เป็นสปอนเซอร์แต่อย่างใด (สาเหตุที่แนะนำแอปนี้เพราะหลายที่ส่วนใหญ่มักจะออกไปทางเรื่องชู้สาวหรือหาคู่ แต่แอปนี้คนที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่กำลังฝึกภาษานั้นจริงๆ) เมื่อเราโหลดมาแล้วก็สมัครใช้งานตามปกติ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) หาบุคคลที่เราสนใจจากนั้นให้ ทิ้งความอาย แล้วพิมพ์ทักทายไปเลยครับ อาจจะเป็น การแนะนำตัว บอกว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษนะ พอช่วยหน่อยได้ไหม ซึ่งตรงการพิมพ์นี้เราจะได้นำความรู้จากขั้นตอนที่ 1-3 มาใช้ครับถ้าไม่รู้ตรงไหนก็สามารถหาใน google ได้นั่นเอง
สรุป step 4 > หาเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติโดยใช้เทคโนโลยีช่วย ทิ้งความอาย แล้วมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จนั้นซะ!!!
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ 4 step เก่งอังกฤษได้ด้วยตัวเอง เพื่อนๆท่านใดมีเทคดีๆเพิ่มเติมสามารถแนะนำกันได้เลยนะครับ
สำหรับบทความนี้ขอทิ้งท้ายด้วยประโยคเด็ดจาก Aristotle ว่า
Educating the mind without educating the heart is no education at all.
ให้ความรู้แก่สมองโดยที่หัวใจปราศจากการเรียนรู้ มีค่าเท่ากับไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
ที่มา https://www.pohchae.com/2019/12/16/4-step-to-learn