ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก โดยมีพื้นที่รวม 513,115 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ อาทิ พม่า ลาว กัมพูชา ทะเลอันดามัน และมาเลเซีย ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่นักท่องเที่ยวต้องการมาเยือนเพราะมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ ในด้านอุตสาหกรรมชิ้นส่วนทางอิเล็คทรอนิกส์นั้น มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐศาสตร์มหภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่จะนำเทคโนโลยีแอลอีดีมาประยุกต์ใช้ในอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆเพิ่มมากขึ้น
ตลาดแอลอีดีมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีพ.ศ. 2553 ธุรกิจแอลอีดีมีมูลค่ามากกว่า 7 พันล้านยูโร (9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ธุรกิจแอลอีดีสามารถจำแนกได้หลายประเภท อาทิ หลอดไฟแอลอีดี ไฟแสงสว่างที่ใช้ในธุรกิจยานยนต์ และจอแอลอีดี ในปัจจุบันตลาดหลอดไฟแอลอีดี มีมูลค่าถึง 27 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยคิดเป็น 12% ของตลาดไฟฟ้าแสงสว่างทั้งหมด และคาดว่าจะพุงขึ้นสูงถึง 45-50% ในปีพ.ศ. 2558 ส่งผลให้ตลาดหลอดไฟแอลอีดีมีแนวโน้มที่จะเติบโตและพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
หากพิจารณาในแง่ของโอกาสทางธุรกิจ จะเห็นว่ามูลค่าตลาดแอลอีดีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งโครงการรัฐบาลและเอกชนมากมายที่ต้องการใช้สินค้าแอลอีดี อาทิ:
หลอดไฟแสงสว่างที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ - จำนวนรถยนต์ที่ใช้ไฟหน้ารถแบบแอลอีดีคาดว่าจะสูงขึ้นจาก 5 ล้านคัน ในปีพ.ศ. 2556 เป็น 1.5 ล้านคัน ในปีพ.ศ. 2558 (กล่าวโดย Mr. Dirk Banderhaeghen จาก บริษัท Philips Lumileds)
โครงการรัฐบาล : การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีโครงการที่จะเปลี่ยนไฟส่องสว่างตามท้องถนนจำนวน 1 ล้านดวงเป็นหลอดไฟแอลอีดี
โครงการก่อสร้างและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคทั้งจากภาครัฐและเอกชน อาทิ การก่อสร้างรัฐสภา สนามกีฬา ที่อยู่อาศัย โครงการที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการและเอ็นเตอร์เทนเมนท์
ประตูสู่เอเชีย
ประเทศไทยเปรียบเสมือนประตูเบิกทางสู่ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่น่าจับตามองในด้านการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ประเทศไทยเป็นเมืองท่าที่สำคัญและนำไปสู่นานาประเทศ อาทิ จีน อินเดีย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งเป็นแถบประเทศที่มีตลาดเกิดใหม่และโอกาสทางธุรกิจในด้านต่างๆมากมาย
ประเทศไทยเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของการขับเคลื่อนตลาดต่างๆในเอเชีย เพราะมีประชากรกว่า 67 ล้านคน และยังเป็นผู้นำทางด้านการเปิดเขตการค้าเสรี ส่งผลให้บริษัทจากนานาประเทศต้องการสร้างฐานการผลิตในประเทศไทย เพราะจะได้รับผลประโยชน์ทางตรงจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะมีผลบังคับใช้ในปีพ.ศ. 2558 รวมไปถึงความพร้อมของประเทศในด้านระบบสาธารณูปโภคและประชาชนไทยที่ยินดีให้การต้อนรับชาวต่างชาติ
การเติบโตของเศรษฐกิจ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนลำดับ 10 ของโลก
นโยบายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่มุ่งเน้นการเปิดเขตการค้าเสรี
นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาล
หน่วยงานภาครัฐต่างให้การสนับสนุนนักลงทุน อาทิ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่กำหนดมาตรการจูงใจด้านภาษี และการยกเว้นอากรขาเข้าให้กับสินค้าและกิจการบางประเภท
สถิติจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยชี้ชัดตลาดไฟฟ้าแสงสว่างในปีพ.ศ. 2554 มีมูลค่า 7 พันล้านบาท โตขึ้น 4 % จากปีพ.ศ. 2553 โดยตลาด LED นั้นโดยคิดเป็น 12% ของตลาดไฟฟ้าแสงสว่างทั้งหมด และคาดว่าจะพุงขึ้นสูงถึง 45-50% ในปีพ.ศ. 2558 ส่งผลให้ตลาดหลอดไฟแอลอีดีมีแนวโน้มที่จะเติบโตและพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีหน่วยงานภาครัฐหลายภาคส่วนร่วมรณรงค์และออกนโยบายให้ใช้ไฟที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอย่างสูงสุด
จากกระแสรักษ์โลกที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ส่งผลให้รัฐบาลไทยตั้งพันธกิจที่สอดคล้องกับการการประหยัดพลังงานเพื่อโลกสีเขียว โดยหันมาใช้เทคโนโลยีแอลอีดีแทนการใช้หลอดไฟแบบเดิม
กระทรวงพลังงานตั้งเป้าแผนงานที่จะลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 20% ภายในปีพ.ศ. 2573
อุตสาหกรรมแอลอีดี
ในปัจจุบันการใช้หลอดไฟแอลอีดีกำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ทำให้ความต้องการหลอดแอลอีดีสูงขึ้นในทุกปี
อ่านเพิ่มเติมที่ w w w.ledexpothailand.c
om/thailand/why-thailand.html