ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์ นัดวันจันทร์ที่ 27 ธ.ค. "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เปิดบ้านเอมิเรตส์ สเตเดียม รับการมาเยือนของคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอน "สิงห์สำอาง" เชลซี ที่ฟอร์มกำลังย่ำแย่ไม่ชนะใครในลีกมา 5 นัดติดต่อกัน
อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือ "เดอะ กันเนอร์ส" มีการปรับทัพพอสมควร โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์ ห้อยเป็นกองหน้าตัวเป้า ปล่อยให้ มารูยาน ชามัคห์ เป็นแค่สำรอง ส่วนแดนกลางมี เชส ฟาเบรกัส, แจ็ค วิลเชียร์, อเล็กซ์ ซง ร่วมด้วย ซาเมียร์ นาสรี และ ธีโอ วัลคอตต์ ยืนริมเส้นซ้ายขวา ขณะที่ เชลซี ได้ตัว แฟรงค์ แลมพาร์ด ลง 11 คนแรก และกองหน้ามีตัวแสบ ดิดิเยร์ ดร็อกบา
เกมครึ่งแรก อาร์เซนอล เป็น ฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่ เชลซี เล่นได้อย่างรัดกุม จนแทบไม่มีจังหวะหวาดเสียวมากนัก กระทั่งนาที 41 โอกาสใกล้เคียงได้ประตูมากที่สุดของ อาร์เซนอล มาจากลูกชิพไกลของ นาสรี ที่บอลเกือบจะมุดมุมสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่ ปีเตอร์ เช็ก โชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้ อย่างไรก็ตามก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว ซง ได้โอกาสซัดตูมเดียวไม่เหลือตรงด้านซ้ายในกรอบเขตโทษเป็นประตูให้เจ้าถิ่นออกนำ 1-0
ครึ่งหลังเริ่มต้นไม่นานเพียงแค่ นาที 51 มิคาแอล เอสเซียง สกัดบอลพลาดมาเข้าทาง วัลคอตต์ วิ่งหลุดเดี่ยว ก่อนปาดบอลหนีมือ ปีเตอร์ เช็ก มาให้ ฟาเบรกัส ซัดโล่งตุงตาข่ายให้ อาร์เซนอล เขยิบนำห่าง 2-0 นักเตะเจ้าบ้านยิ่งได้ใจ เมื่ออีก 2 นาทีถัดมา ฟลอรองต์ มาลูดา จับบอลไม่ดีเจอ วัลคอตต์ ฉกบอลส่งให้ ฟาเบรกัส ที่ส่งคืนให้ วัลคอตต์ หลุดเข้าไปซัดเรียดเสียบมุมเสานำไกลถึง 3-0
แต่ เชลซี ยังไม่ถอดใจตีไข่แตกไล่มา 1-3 ในนาที 57 จากจังหวะที่ ดร็อกบา เปิดบอลมาให้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ขึ้นโขกตุงตาข่าย ช่วงเวลาที่เหลือ เชลซี พยายามบุกเพื่อตีตื้นแต่ก็ทำไม่ได้ จบเกม อาร์เซนอล เอาชนะ 3-1 มีเพิ่มเป็น 35 แต้ม รั้งอันดับ 2 ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูง 2 แต้ม แต่ อาร์เซนอล เตะมากกว่า 1 นัด ส่วน เชลซี ฟอร์มแย่ต่อไปมี 31 แต้มเท่าเดิม อยู่อันดับ 4