นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า รายได้จากการประมูลทะเบียนรถเลขสวย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้กำลังซื้อประชาชนกลับมา รวมทั้งค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จัดโปรโมชั่นจูงใจ และมีรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยสถิติการประมูลเลขสวย ในเดือน ต.ค.-พ.ย. แต่ละหมวดในกรุงเทพฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่รายได้จากประมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 17.5 ล้านบาท ส่วนรายได้ในภูมิภาค เพิ่มขึ้นเช่นกัน เฉลี่ยอยู่ที่ 23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 19 ล้านบาท เชื่อว่าปีนี้รายได้จากการประมูลเลขสวย จะสูงขึ้นจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 858 ล้านบาท ส่วนรายได้ในปี 54 จะไม่ต่ำกว่านี้แน่นอน
“รายได้จากการประมูลเลขทะเบียนรถเลขสวยทั้งหมดจะไปสนับสนุนจัดกิจกรรมรณรงค์ ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เช่น มอบอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการยังชีพแก่ผู้พิการที่ประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถ ใช้ถนน จัดซื้ออุปกรณ์เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แม้ว่าช่วงที่มีน้ำท่วม เดิมกรมฯ คาดว่าจะทำให้รายได้จากการประมูลเลขสวยลดลง แต่จากการเปิดประมูล หลังน้ำลดกลับพบว่า ยอดการประมูลเลข ทะเบียนสวยของ จ.พระนครศรีอยุธยา นั้น เพิ่มขึ้นจากเดิม 16 ล้านบาท เป็น 19 ล้านบาท ที่ จ.ขอนแก่น ทำรายได้เกินเป้าที่ตั้งไว้จาก 14 ล้านบาท เป็น 16.5 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจในภาพรวมของไทยยังดี จึงมีประชาชนสนใจ ใช้เลขสวยและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
อย่างไรก็ตามจากการประมูลเลขสวยทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัดที่ผ่านมาพบว่า มีกลุ่มผู้ยื่นประมูลแล้วไม่มารับป้ายทะเบียน ทำให้มีเลขประมูลค้างอยู่ที่กรมฯ สูงถึง 10% จากรายได้รวมของการประมูล กรมฯ จึงมี มาตรการออกมา เพื่อลงโทษผู้ที่ไม่มารับป้ายทะเบียน ซึ่งส่วนหนึ่งประมูล เพื่อนำไปขายต่อ แต่ยังขายไม่ได้ จึงไม่มารับป้ายทะเบียน ทำให้กรมฯ ขาดรายได้ ซึ่งตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการประมูลระบุชัดเจนว่า ผู้ประมูลจะต้องชำระเงินในวันประมูล 10% จากนั้นอีก 30 วัน ผู้ประมูลจะต้องชำระเงินอีก 40% รวมเป็น 50% ของมูลค่าการประมูล หลังจากนั้นอีก 90 วัน จะเรียกผู้ประมูลมาชำระเงินอีก 30% โดยจะเหลือเงินค้างชำระอีก 20%
ทั้งนี้หากผู้ประมูลไม่มาชำระเงินกรมฯ จะทำหนังสือแจ้งเตือน พร้อมทั้งโทรศัพท์ติดตาม แต่โดยส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาเบ็ดเสร็จประมาณ 6 เดือนเท่านั้น ส่วนกรณี ผู้ที่ประมูลไว้แล้วไม่มาชำระเงิน หรือที่เรียกว่าทิ้งประมูลกรมฯ จะมีมาตรการเฉียบขาด คือ จะถูกขึ้นแบล็กลิสต์ของกรมฯ และหมายเลขทะเบียนดังกล่าวจะถูกนำมาเข้าสู่กระบวนการประมูลอีกครั้ง.
