เล่าเรื่อง เศรษฐีผู้มีฤทธิ์ โดยหลวงพ่อฤาษี
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าเรื่อง เศรษฐีผู้มีฤทธิ์ โดยหลวงพ่อฤาษี  (อ่าน 2060 ครั้ง)
kittanan_2589
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน630
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2363


NightBaron


เว็บไซต์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 05:21:00 am »

---วันนี้เราจะคุยกันเรื่อง โสเรยยเศรษฐี ผู้มีฤทธิ์จำไว้นะถ้าถามว่าทำไมถึงมีฤทธิ์ ก็ตอบว่าเขาคนเดียวเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเพราะอะไร ไม่ใช่กระเทย ไม่ใช่บัณเฑาะก์นะ เรื่องเป็นอย่างนี้ โสเรยยเศรษฐีนี้หรือ ว่าลูกชายของเศรษฐีเมืองโสเรยยะ แต่จริงๆแล้วชื่ออะไรบาลีไม่ได้บอก ปรากฏว่าคนนี้เขามีภรรยาแล้วและมีลูกด้วยกัน 2 คน วันหนึ่งไปท่านน้ำ ไปอาบน้ำกับเพื่อน นั่งยานน้อย คำว่ายานหมายความว่ารถย่อมๆ ที่ใช้ลากด้วยม้า ท่าน้ำอยู่ไกล ตั้งใจจะไปอาบน้ำ แต่บังเอิญเวลานั้นไปพบ พระมหากัจจายนะ ที่ชาวบ้านเรียก พระมหากัจจายน์ จำไว้นะองค์เดียวกันนะ

---คือ พระมหากัจจายนะองค์นี้เดิมทีเดียว ท่านปรารถนาพุทธภูมิ และก็มีบารมีใกล้เต็ม ถือว่ากันตามส่วนชาตินี้เป็นชาติที่มีบารมีเต็ม และถ้าบำเพ็ญบารมีชาตินั้นและบารมีเต็มแล้วก็รออีกชาติหนึ่งจะได้บรรลุ อภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ แต่ว่าในเมื่อท่านมาพบพระพุทธเจ้าเข้า ก็ทราบว่าการจะแสวงหาอภิเนษกรมณ์จะเป็นพระพุทธเจ้าในชาติต่อไปนั้นมันแสน ลำบาก

---คือ พระพุทธเจ้าตรัสให้ทราบว่า เราออกแสวงหาอภิเนษกรมณ์ใช้เวลา 6 ปี มีความลำบาก ท่านมหากัจจายนะก็คิดว่าการปรารถนาพุทธภูมิเป็นของดี แต่ทว่าชาตินี้ถ้าเราลาพุทธภูมิเราก็ไปนิพพานได้ การต้องการที่สุดของคนก็คือนิพพาน ฉะนั้นเราขอ ลาพุทธภูมิเห็นไหม ใครจะมาโทษหลวงพ่อไม่ได้นะ เพราะมีตัวอย่าใช่ไหม (หลวงพ่อก็ลาพุทธภูมิในชาติปัจจุบัน)

---ปรารถนาเป็น สาวกภูมิ เมื่อปรารถนาเป็นสาวกภูมิแล้วก็ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าจบเดียวก็เป็น พระอรหันต์พร้อมไปด้วยปฏิสัมภิทาญาณ แต่ว่ามีปฏิภาณ คำว่าปฏิภาณก็ตัวปัญาไวมาก เป็นปัญญาที่มีความคิดอ่านที่ไวมากจึงเรียกว่า ปฏิภาณ ใครถามอะไรมาคิดอะไรจะรู้ทันทีทันใด ตอบได้ทันทีทันใด เก่งมาก พระพุทธเจ้าจึงให้เป็นเลิศในด้านปฏิภาณ เอตทัคคะ แปลว่า ผู้เป็นเลิศในด้านปฏิภาณ



---แต่ พระมหากัจจายนะนี้ในฐานะที่ท่านปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน และก็เป็นชาติสุดท้ายที่มีบารมีเต็ม ถ้าบำเพ็ญบารมีชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ฉะนั้นทรวดทรงลักษณะต่างๆ สมส่วนสมสัดหมด ส่วนสัดต่างๆ เสมอกันหมด แล้วก็มีผิวสวย ผิวเหลืองคล้ายทองคำ ผิวเหลืองเป็นพิเศษ มองแล้วจะคล้ายทองคำสีอ่อนๆ อ่อนกว่าสีผ้าเหลืองนิดหน่อย ท่านสวยมาก และทรวดทรงก็สวย


กรรมที่ปรามาสพระอรหันต์


---ฉะนั้นลูกชายของมหาเศรษฐีเมืองโสเรยยนครนั่งยานน้อยๆ ไปกับเพื่อนจะไปท่าน้ำ ก็พอดีไปเห็นพระมหากัจจายนะเข้า จึงปรารภกับเพื่อนว่า “พระองค์ นี้ผิวสวยจริงๆ ทรวดทรงก็สวย ถ้าพระองค์นี้เป็นเมียเรา (เห็นไหม มาดีแล้วไหมล่ะ) หรือว่าเมียเรามีผิวสวย มีทรวดทรงอย่างนี้ เราจะรักมาก”


---ด้วยความเป็นอรหันต์ของท่าน ท่านไม่ได้ทำอะไรนะ ท่านยังไม่รู้เรื่อง อาจจะรู้ก็ได้ ปฏิสัมภิทาญาณ เป็นอันว่า โสเรยยเศรษฐีกลายเป็นผู้หญิงทันที เห็นไหมเขาได้เปรียบผู้อื่น ผู้หญิงก็สงสัยเป็นผู้ชายเป็นอย่างไร ผู้ชายก็สงสัยเป็นผู้หญิงเป็นอย่างไร ใช่ไหม คิดว่าผู้หญิงมีความรู้สึกแบบนั้น พวกผู้หญิงคิดว่า ผู้ชายมีความรู้สึกแบบนั้นอาจจะไม่ตรง ก็รวมความว่าโสเรยยเศรษฐีเขารู้หมด รู้ตามความเป็นจริง ใช่ไหม เป็นผู้หญิงแล้วนี่


---พอ ร่างกายเป็นผู้หญิงปั้บความรู้สึกเป็นหญิงก็ปรากฏ ความอายก็เกิดขึ้น อายเพื่อนว่าเรามากับเพื่อนในฐานะผู้ชาย แต่เวลานี้เรากลายเป็นผู้หญิงเสียแล้ว อยู่ไม่ได้ทำอย่างไร เหาะ รีบหนี ก็หลบหน้าหลบตาเพื่อน หายไปเลยออกไปจากที่ตรงนั้น


---ไอ้ เจ้าเพื่อนก็หาเพื่อนไม่พบ หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว หาเท่าไรติดตามเท่าไร ให้คนติดตามเท่าไรก็ไม่พบ ผลที่สุดก็กลับมาบ้านโสเรยยเศรษฐี พ่อแม่และเมียถาม ก็เลยบอกว่าไม่รู้หายไปไหน ทางบ้านก็ส่งคนติดตามก็หาไม่พบ เขาเลยทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ เห็นไหม กลายเป็นผีตายไปเลย


แต่งงานใหม่


---แต่ ว่าโสเรยยเศรษฐีคนนี้ก็ยังไม่ตาย ในเมื่อแกอายเพื่อน ไม่สามารถจะสู้หน้ากับเพื่อนได้ ก็เดินเรื่อยๆ ไปตามทาง ก็ไปเจอยานน้อย คำว่ายานน้อยอาจจะเป็นเกวียนระแทะรู้จักไหม เกวียนระแทะ คือ เกวียนเดี่ยว ตามธรรมดาเขาใช้โค 2 ตัว หรือควาย 2 ตัวใช่ไหม ถ้าเกวียนเล่มไหนที่มีตัวเดียว เขาเรียกเกวียนระแทะนะ จะเป็นเกวียนระแทะหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เขาว่ายานน้อย มียานน้อยคันหนึ่งขับไปข้างหน้า แล้วสาวคนใหม่ เป็นสาวใหม่ หญิงใหม่ ก็เดินตามยานน้อยไป


---พวก นั้นเห็นเข้าก็ถามว่า คุณไปไหน เขาก็ตอบว่าฉันจะไปเรื่อยๆ ก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันคุณเดินไปไม่มีที่หมายปลายทางแน่นอนอาศัยเกวียนฉันก็ แล้วกัน อาศัยยานน้อยไป เธฮก็ขึ้นนั่งบนยานน้อย


---ที นี้พวกนั้นเป็นลูกศิษย์ของมหาเศรษฐีในเมืองข้างหน้า เขาเข้าไปเมืองนั้นแล้ว มหาเศรษฐีนี้นี้เป็นมหาเศรษฐีหนุ่มยังไม่มีเมีย เขาก็ไปรายงานกับเจ้านายของเขา บอก ผมได้หญิงงามมาคนหนึ่ง เป็นกุลสตรีดีมาก ขอมอบให้แก่เจ้านาย เมื่อเจ้านายเห็นก็ชอบ ก็เลยเป็นภรรยาอยู่ไม่รู้กี่ปี มีลูก 2 คน เป็นอันว่ามีลูกกับเมียเก่า 2 คน แล้วมาเป็นเมียเขาก็เลยมีลูกเสียอีก 2 คน เป็นอันว่าคนนี้เก่งได้เป็นทั้งผัวทั้งเมีย


เพื่อนเก่าแนะให้ขอขมา


---ต่อ มาปรากฏว่าเพื่อนคนนั้นแหล่ะ คนที่มาอาบน้ำด้วยเขาก็ไปเมืองนั้น เขาเอาของไปขายด้วยเกวียน 500 เล่ม ทีนี้หญิงกลายนี้อยู่ที่หน้าต่าง เห็นเพื่อเข้าก็จำได้ ก็สั่งให้คนใช้ไปเรียกเขาเข้ามา พอไปเรียกมาแล้วเพื่อนก็จำไม่ได้ เพราะตามปรกติเพื่อนเป็นผู้ชายใช่ไหม คนนี้เป็นหญิง แล้วก็เป็นบ้านมหาเศรษฐี เธอก็เลี้ยงดูอย่างดี อาหารบริโภคต้อนรับเป็นอย่างดี เพื่อนก็นึกในใจว่า ผู้หญิงคนนี้รู้จักเราได้อย่างไร


---จึง ถามว่า น้องหญิงเธอรู้จักฉันได้อย่างไร ก็เลยเล่าให้ฟังว่า เพราะคิดมีความรู้สึกในพระมหากัจจายนะว่า ท่านมีผิวสวย มีทรวดทรวงสวย ผิวคล้ายๆ กับทองคำ คิดว่าพระองค์นี้ถ้าเป็นเมียเรา เราจะรักมาก หรือว่าเมียของเรามีรูปร่างอย่างนี้ มีผิวอย่างนี้เราจะรักมาก คิดเพียงเท่านี้ก็กลายเป็นผู้หญิงทันที



---เพื่อน ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เธอขอขมาพระมหากัจจายนะแล้วหรือยัง เพราะท่านเป็นพระอริยะเจ้า เขาก็บอกว่ายัง ยังไม่ได้พบกันเลย แต่ความจริงพระมหากัจจายนะอยู่ในเมืองนั้น จำพรรษาในเมืองนั้น เพื่อนก็เลยรับอาสา บอก ฉันจะไปนิมนต์พระมหากัจจายนะมาเอง


---พอ วันรุ่งขึ้น เขาก็ไปนิมนต์พระมหากัจจายนะบอกว่า ขอพระคุณเจ้าไปฉันภัตตาหารเพลที่บ้านผม พระมหากัจจายนะท่านก็ทราบว่า ท่านเที่ยวไปหลายๆ เมืองท่านจำได้ ท่านบอกว่า ท่านเศรษฐี ท่านเป็นคนเมืองอื่นใช่ไหม ท่านเป็นแขกของชาวเมืองนี้แล้วท่านเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระได้อย่างไร


---เขา ก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไรครับ ผมจะเป็นคนเมืองนี้หรือเป็นคนเมืองไหนก็ตาม ผมมีทรัพย์พอจะจัดภัตตาหารได้ ผมอยากทำบุญ ขอนิมนต์พระคุณเจ้าไปบ้านหลังโน้นครับ ผมจะคอยที่บ้านหลังนั้น อาหารจะจัดที่นั่น


---พอ วันรุ่งขึ้น พระมหากัจจายนะท่านก็ไปพร้อมกับคณะของท่าน เขาไม่ได้นิมนต์องค์เดียวนะ นิมนต์หลายองค์เท่านที่มีอยู่ คงมีไม่มาก สัก 4-5 องค์ พอพระมหากัจจายนะไปที่นั่นแล้ว เขาก็ถวายภัตตาหาร เมื่อถวายภัตตาหารเสร็จก่อนที่จะให้พร


---เศรษฐี ใหม่ที่เป็นเพื่อนสมัยเป็นผู้ชายก็เล่าความเป็นมาให้พระมหากัจจายนะทราบว่า หญิงคนนี้เดิมทีเป็นผู้ชาย เป็นเพื่อนของกระผม เป็นลูกเศรษฐีเมืองโสเรยยนคร มีความคิดอย่างที่เล่ามาแล้ว เมื่อคิดอย่างนั้นจบก็ปรากฏว่าเพื่อนกลายเป็นผู้หญิงทันที อันนี้ก็เห็นจะเป็นเพราะการปรามาสพระคุณเจ้า ขอให้พระคุณเจ้าให้อภัยด้วยถิดขอรับ


พระมหากัจจายนะอโหสิกรรม

---พระมหากัจจายนะท่านเป็นพระอรหันต์ท่าน จะถืออะไรท่านอาจไม่รู้อยู่ก่อน ท่านก็บอกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็ขอให้อภัย ถือว่ากรรมทั้งหลายยุติตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป คืออโหสิกรรม พอพระมหากัจจายนะอโหสิกรรมให้ ก็ปรากฏว่า เพศของยายคนนั้นก็เป็นตาคนนั้นทันที


---ไม่ รู้ไปเก็บไว้ตรงไหน ฉันอ่านไปแปลมาก็เลยนึกสงสัยว่า เพศมันเอาไปซ่อนไว้ตรงไหน มันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ พอเปลี่ยนแพล้บเดียวอารมณ์เป็นผู้ชายทันทีนะ มันเปลี่ยนทั้งเพศเปลี่ยนทั้งอารมณ์เสร็จ ก็เป็นอันว่าพอเปลี่ยนเป็นผู้ชายปั๊บอารมณ์ก็เป็นผู้ชายทันทีเหมือนกัน


---ต่อ มาสามีเป็นผู้ชายนี่ จะไปมีเมียเป็นผู้ชายไม่ได้ใช่ไหม ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเพื่อน เขาเรียกเป็นสหายที่รัก ไหนๆ ก็เคยอยู่ร่วมกันในฐานะสามีภรรยา มีลูก 2 คน เวลานี้เธอเป็นผู้ชาย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ลูก 2 คนขอทิ้งเป็นภาระของเธอ แต่ว่าฉันขอเที่ยวไปไม่ขออยู่


ลูกที่ตัวท้องกับลูกที่เกิดกับเมีย


---ต่อมาเขาก็เที่ยวไปในที่นั้น เมืองนั้นแหล่ะ วนไปวนมาใกล้ๆ พระมหากัจจายนะ ก็มีพระถามว่า
คุณ ลูกที่เกิดใน 2 ท้องคือ
1.ลูกที่คุณสร้างให้เกิดกับภรรยา
และประการที่ 2 ลูกที่สามีของคุณสร้างให้เกิดกับคุณ
มี 2 สร้าง สร้างให้เขา และรับการสร้าง มี 2 อย่างนะ ลูกทั้ง 2 ประเภทนี้ คุณมีความรักลูกประเภทไหนมากกว่า

---นั่น พระถามไม่ใช่พระมหากัจจายนะถามนะ พระลูกวัดถาม มีความรักลูกที่เกิดในท้องของตนมากกว่า ต่อมาเธอก็ขอบวชในพระพุทธศาสนา ก็ฟังการอบรมกับพระมหากัจจายนะ คนก็ชอบจะถามทุกวัน ถามว่าลูกทั้ง 2 ท้องนี้รักท้องไหนมากกว่า เธอก็ตอบว่า รักในท้องของตัวมากกว่า


ท่านเห็นทุกข์จึงเป็นพระอรหันต์


---พอ วันที่ 3 ผ่านไป ท่านก็มาพิจารณาความไม่เที่ยง กลับกลายเป็นผู้หญิงเสียได้ พอเป็นผู้หญิงแล้วก็ไม่เที่ยง มาเป็นผู้ชายเสียได้ อาศัยความไม่เที่ยงเป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์ ในที่สุดความอนัตตาก็เกิด อนัตตาคือสลายตัว


---คือ ความเป็นสามีของภรรยาคนเก่าก็สลายตัวไปแล้วเพราะห่างกันมา และก็มามีลูกอีก 2 คน หลายปี เขาอาจจะมีผัวใหม่ก็ได้ ว่าไม่ได้นะ ความจริงเขามีสามีใหม่โทษเขาไม่ได้เพราะเขาคิดว่าตายไปแล้ว แต่สามีไม่มี บาลีไม่บอก


---และ ต่อมาเป็นหญิง เป็นผู้หญิงก็ไม่เที่ยงอีกกลับมาเป็นผู้ชาย อาศัยโลกนี้เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความไม่เที่ยง ในเมื่อไม่เที่ยง ความไม่เที่ยงเกิดขึ้นครั้งใดเราก็มีแต่ความทุกข์ คราวที่เพศชายสลายตัวมีเพศหญิงปรากฏ เราก็อายเพื่อน อยู่ไม่ได้ต้องเดินหนีเพื่อนออกมา จุดหมายปลายทางไปทางไหนก็ไม่ทราบ

---ครั้น เมื่อมามีสามี มีลูกเข้า ก็มีความเป็นทุกข์ วันไหนห่างจากลูกวันนั้นไม่มีความสุขใจ แล้วต่อมาไปๆ มาๆ ก็กลับเป็นผู้ชายใหม่ แล้วต่อไปจะกลายเป็นกระเทยเมื่อไรก็ไม่รู้ ใช่ไหม กลับเปลี่ยนเพศนี่อาจเป็นกระเทยก็ได้นะ ก็รวมความว่าท่านคิดแบบนี้ ก็เบื่อหน่ายในการเกิด เป็นพระอรหันต์พร้อมไปด้วยปฏิสัมภิทาญาณ


---พอวันที่ 3 พระไปถามใหม่ ถามว่า
“ท่าน ความรู้สึกของท่านกลับหรือยังว่า ความรักในลูกที่เกิดในท้องท่านมันมากกว่าความรักในลูกที่เกิดในท้องภรรยา เวลานี้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลหรือยัง”
ท่านบอกว่า

“ขึ้น ชื่อว่าความรักด้วยอาการใดๆ ในลูกก็ดี ในภรรยาก็ดี ในสามีก็ดี ในทรัพย์สินต่างๆ ก็ดี ไม่มีแล้ว ขึ้นชื่อว่าความรักทั้งหมด การยึดมั่นทั้งหมด แม้แต่ร่างกายผู้อื่นก็ไม่มี”


---พระ พวกนั้นฟังแล้วก็คิดว่า พระองค์นี้พยากรณ์ตัวเองเป็นพระอรหันต์ แต่ความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกของพระอรหันต์ พระสมัยนั้นก็ไม่ด้อยนะ ทุกองค์ที่ฟังแล้วก็ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ฟ้องใช่ไหม ก็ไปฟ้องพระพุทธเจ้าว่า พระองค์นี้พยากรณ์ตัวเองว่าเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงเรียกไปสอบสวน ก็ตรัสว่า
“ลูกของเราตัดราคะกิเลสแล้ว สิ้นความเป็นคนมีกิเลส เวลานี้เป็นพระอริยะเจ้าแล้วเป็น พระขีณาสพ”


---ก็เป็นอันว่าจบกัน เรื่องจบแค่นี้ ในเรื่องจริงๆ ก็ยังไม่จบ เรื่องของท่านจบแค่นี้

ผู้หญิงอยากเกิดเป็นผู้ชาย


---แต่ ว่ายังมีเรื่องของพระอรรถกถาจารย์ พระอรรถกถาจารย์บอกว่า กรรมปัจจุบันเป็นปัจุบันกรรม คือว่าคนมีความรู้สึกในพระอรหันต์อย่างนั้น ก็เกิดกลายเพศอย่างนั้น ถือเป็นปัจจุบันกรรม ม่านบอกว่าถ้าสัตรีใด ถ้ามีความต้องการคิดว่าเป็นผู้หญิงมันไม่ดี ต้องการอยากจะเป็นผู้ชาย ให้ปฏิบัติกับสามีเหมือนเทวดา นี่มันเป็นไปไม่ได้ล่ะมั้ง


---แต่ ทว่าในบางจุดท่านก็บอกว่าให้มีความรู้สึกในสามีเหมือนบิดา มีความเคารพในสามี อันนี้หายากนะ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะสามีแกก็อาสาจะมีอยู่เรื่อย ภรรยาก็โกรธ แกอาสาจะมี จุดนี้หายาก หลวงพ่อคิดว่าสักสองสามแสนคนจะมีสักคนที่จะเคารพแบบนั้นนะ ก็เป็นอันว่าผู้หญิงที่คิดว่าอยากจะเป็นผู้ชายก็หมดโอกาส



---แต่ พระอรรถกถาจารย์ท่านก็บอกว่ายังไม่หมดโอกาส ถ้าหาผู้ชายที่ควรปฏิบัติเคาระแบบนั้นไม่ได้ ก็จะมีอีกอย่างที่ผู้หญิงจะเป็นผู้ชายได้ นั่นก็คือ ปฏิบัติ รักษาศีลให้ทาน ตามธรรมดาๆ แต่ว่าทำทุกครั้งให้อธิฐานว่า ชาติต่อไปพ้นจากชาตินี้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าเกิดเป็นผู้ชาย


---ความ จริงถ้าอธฐานแค่นี้แล้วมันก็ยังไม่ดีพอ ถ้าเป็นผู้ชายขี้เหล้า ขี้กัญชานี่แย่ใช่ไหม ถ้าอธิฐานต้องอธิฐานให้ครบ ว่า พ้นจากชาตินี้ไปแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าเกิดเป็นผู้ชายทุกชาติจนกว่าจะเข้าพระนิพพาน


---และ การเป็นผู้ชายแต่ละคราวหนึ่ง จะต้องมีทรัพย์สินมาก ประการที่สอง มีตา 3 ตา ไหวไหม มีตาซ้าย มีตาขวา มีตาใน คือภรรยา ตา 3 ตา แต่ยายคนเดียวก็ได้นะ นี่หมายความว่า อธิฐานให้ครบเวลาทำบุญ ให้ทานก็ดี รักษาศีลก็ดี จะต้องขอไปให้ครบ จะขอผิวพรรณ ขอทรวดทรง ขอความมั่งมีศรีสุข อะไรก็ตาม ขอให้ครบ



---เวลา ไปได้จริงๆ จะได้มีครบๆ ไม่ใช่ว่าขอชาติหน้าให้เกิดเป็นผู้ชาย แต่เกิดเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ขาเป๋ไปบ้าง ก็ไม่ดี เกิดเป็นผู้ชายตาเหล่ไปข้าง ก็ไม่เป็นเรื่อง หรือเกิดเป็นผู้ชายห๔แหว่งจมูกวิ่น ก็ไม่เป็นเรื่อง รวมความว่าท่านยืนยันว่า ผู้หญิงถ้าต้องการเป็นผู้ชาย ถ้าทำบุญให้ทานธรรมดาๆ อธิฐานขอเกิดเป็นชายนี่ย่อมได้


ผู้ชายอยากเกิดเป็นผู้หญิง


---ที นี้ถ้าผู้ชายต้องการเกิดเป็นผู้หญิงมีไหม มีนะ พวกกระเทยสมัยนี้มันมาจากโทษกฎของกรรมเดิม ถ้าผู้ชายต้องการเกิดเป็นผู้หญิงไม่ยาก เป็นชู้กับภรรยาเขา เรื่องเล็กน้อย เป็นคนมีเมตตาบารมีสูง เป็นชู้กับเมียเขาส่งเดช


---ตาย จากความเป็นคนก็ไปลงนรก จากนรกก็มาเป็นดปรต จากเปรตก็เป็นอสุรกาย จากอสุรกายเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์เดรัจฉานถูกทำลายเพศ ถูกทรมานร้อยชาติ


---เกิดมาเป็นคนก็เป็น บัณเฑาะก์ ต้องถูกทำลายเพศอีกประมาณร้อยชาติ ต่อมาก็มาเป็นกระเทยอีกประมาณร้อยชาติจึงมาเป็นคนเป็นผู้หญิง


---ท่านจึงได้อ้าง พระอานนท์ พุทธอนุชา พระอานนท์เคยเกิดเป็นผู้หญิงเพราะกฎของกรรมแบบนี้ เกิดมาเป็นผู้หญิง 100 ชาติ จึงได้เป็นชาย


---ฉะนั้น คนที่เกิดเป็นผู้หญิงตั้งร้อยชาติ นิสัยผู้หญิงมันก็ติด อย่างพระอานนท์เป็นพระที่ละเอียดลออมาก เป็นพุทธอุปัฏฐาก คือเป็นพระที่ปฏิบัติพระพุทธเจ้าดีมาก ชั้นเลิศทีเดียว ละเอียดลออทุกอย่าง งานครบถ้วนทุกอย่างเหมือนผู้หญิง เพราะอะไรรู้ไหม ท่านเป็นผู้หญิงมาร้อยชาติ


---ท่าน พิสูจน์แล้ว ผู้ชายที่ไม่เคยเกิดเป็นผู้หญิงก็หายาก และผู้หญิงที่ไม่เคยเกิดเป็นผู้ชายก็หายาก ต่างคนต่างเปลี่ยนกัน ถ้าผู้หญิงเคยเกิดเป็นผู้ชายก็ดูลักษณะในชาติใกล้ ๆ จะมีลีลาคล้ายๆ กับลีลาผู้หญิงอยู่เสมอ ถ้าหากผู้หญิงมาจากผู้ชาย ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงก็ลีลาคล้ายๆ ผู้ชาย เหลือเวลาอีก 6 นาที คุยเรื่องอะไรดี


อธิฐานให้รูปร่างเปลี่ยนแปลง


---ต่อ มาพระมหากัจจายนะ อย่าลืมนะ พระมหากัจจายนะ คือ พระสังกัจจายน์ แต่ความจริงใครเขาปั้นรูปอ้วนพลุ้ยนี่ที่นครปฐมหนักไปหน่อย อ้วนมาก ผ้าพาดนิดเดียวสะดือโบ๋ นานเข้าตั้ง 2,000 ปีกว่าก็อ้วนขึ้นทีละหน่อย สะดือโบ๋ หลวงพ่อไปดูมาแล้วก็สลดใจ พระอรหันต์ไม่ทำแบบนั้น


---แต่ ความจริงพระมหากัจจายนะท่านเป็นพระอรหันต์ ท่านเป็นผู้มีปัญญาชั้นเลิศ เขาเรียกว่าปฏิภาณเลิศมาก ไม่ทำแบบนั้น แต่ในเมื่อท่านทราบว่ารูปร่างของท่าน ผิวพรรณของท่านเป้นเหตุให้คนมีทุกข์ คือโสเรยยเศรษฐีต้องกลายเป็นผู้หญิง เพราะมีความชอบในผิดพรรณและทรวดทรง


---ท่านก็เลยคิดว่าในเมื่อรูปร่างของเราเป็นโทษกับคนก็เห็นว่าไม่ควร จึงอธิษฐานตัวเองให้อ้วนเตี้ย อ้วนก็ไม่มากนักหรอกและผิวก็คล้ำมานิดหนึ่ง คำว่าเตี้ยก็เตี้ยมานิดหนึ่ง คือทรวดทรงไม่สมสัดไม่สมส่วนมาเล็กน้อย ไม่ใช่อ้วนมาก


---แต่ ว่าสมัยนี้ดัดแปลงเสียแปลก ล่ออ้วนพลุ้ยไปเลยและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ล่อสะดือโบ๋นี่สิ หลวงพ่อเห็นแล้วสลดใจ เขาเลยเห็นเป็นตุ๊กตาไป ก็ไม่มีใครเคารพ รวมความว่าคนสมัยนี้ดัดแปลงท่านเสียย่ำแย่


---เป็น อันว่าพระสังกัจจายน์คือพระมหากัจจายนะ ก็คือพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ องค์นี้มาจากไหน อย่าลืมเบื้องต้นนะ มาจากพุทธภูมิ การที่พระพุทธเจ้าให้เป็นผู้เลิศเพราะว่าบางทีพระพุทธเจ้าเทศน์ยาวๆ คนฟังแล้วไม่เข้าใจในคำเทศน์ ก็ไปหาพระมหากัจจายนะ ท่านพยายามย่อให้สั้นแต่ได้ใจความ คนฟังเข้าใจ
ในกาลบางครั้งพระพุทธเจ้าเทศน์สั้นๆ เช่น เทศน์ว่า
นัตถิ สันติ ปรัง สุขัง
“สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี”
ท่านพูดเพียงเท่านี้ คนฟังไม่เข้าใจก็ไปถามพระมหากัจจายนะ ท่านก็อธิบายออกไปให้เข้าใจได้

ที่ พระพุทธเจ้าทำอย่างนั้นเพื่อให้คนทั้งหลายรู้ว่า พระมหากัจจายนะนี้เก่งด้านปฏิภาณ ปฏิภาณคือไหวพริบแล้วควงามว่องไวของปัญญา ทรงประชุมสงฆ์ ทรงยกย่องแต่งตั้งพระมหากัจจายนะเป็นผู้เลิศ เอตทัคคะก็เป็นผู้เลิศในด้านปฎิภาณ


---เหลือ เวลาอีก 2 นาที พระมหากัจจายนะรูปทรงท่านสวยมากเพราะปรารถนาพุทธภูมิ ว่วนสัดต่างๆ สมสัดสมส่วน ผิวพรรณก็สวย จึงเป็นที่เสน่หาของคน แต่โสเรยยเศรษฐีท่านไม่ได้กล่าวถึงกฎของกรรมในชาติก่อน ท่านเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว อาจจะเป็นบุญของท่านก็ได้

เวลาท่านเทศน์ หลวงพ่อคิดว่าท่านเทศน์ได้ดีกว่าองค์อื่น
เทศน์เรื่องความทุกข์องผู้ชายก็เทศน์ได้ถูกต้อง
เทศน์เรื่องความทุกข์ของผู้หญิงก็เทศน์ได้ถูกต้อง
พูดถึงความปรารถนาของผู้ชายก็ถูกต้อง พูดถึงความปรารถนาของผู้หญิงก็พูดได้ถูกต้อง ท่านถูกหมดนะ


เพราะ อะไร ถาม ตอบ ได้ทันทีเพราะฉันเคยเป็นผู้ชายมาแล้ว เป็นผู้หญิงมาแล้ว เป็นสาวโสดฉันเป็นมากี่วัน อธิบายความรู้สึกของสาวโสดได้ และสาวที่แต่งงานแล้วมีความรู้สึกอย่างไร ที่ลูกแล้ว 1 คน 2 คนมีความรู้สึกอย่างไร อธิบายได้ถูกต้อง เพราะอะไร ฉันมีมาแล้ว แล้วผู้ชายที่แต่งงานมาแล้วมีความสุขความทุกข์เป็นอย่างไร ทราบแล้ว ก็รวมความว่าเรื่องทั้งหมดก็จบบริบูรณ์...


(จากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม 17 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ) 


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: