สำหรับท่านที่ชื่นชอบการไปซื้อของ ซื้อสินค้าเทคโนโลยี ตามงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น commart, comworld หรือ งานแสดงเทคโนโลยีต่างๆครับ จริงๆแล้ว หลายๆ ท่านคงจะมีประสบการณ์เหมือนกัน ที่ไปเจอะเจอกันมา
บ้างก็ได้สิ่งที่ต้องการ ถูกใจ บ้างซื้อมาแล้วไม่ได้ตามต้องการ ไม่ได้ตามใจบ้าง บ้างก็ซื้อมาใช้ได้ไม่นานไม่ทน เป็นต้นครับ สิ่งเหล่านี้ เกิดจากบรรยากาศและสถานการณ์ในงานที่มักจะทำให้เรารู้สึกอย่างซื้อ ดังนั้น บทความนี้จึงอยากให้หลายๆ ท่านเอาเป็นแนวทางก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าต่างๆ ในงานเหล่านี้ครับ
1.สำรวจตัวเองก่อน ว่า จำเป็นต้องซื้อ หรือไม่
เป็นสิ่งแรกที่ท่านต้องเตรียมตัวก่อนเป็นอันดับแรกครับ ว่า เราจะไปงานนี้เพื่อเลือกซื้อสินค้า หรือว่าไปดูๆ ไว้เผื่อๆ ถ้าเจอของดีและถูก ก็เอา หรือว่า ไปดูเฉยๆ ครับ เพราะส่วนมาก ผู้ที่ไปในงานนี้ จะมีหลักอยู่สองกลุ่มแรกครบ คือ อยากซื้อจริงๆ กับ เผื่อซื้อ ครับ ซึ่งจากประสบการณ์พบว่า กลุ่มหลังนี้ มักจะเป็นกลุ่มที่พบปัญหา มากที่สุดครับ ดังนั้น ตั้งใจให้แน่กับการไปงานครับว่า คุณจะซื้อหรือไม่ หรือเผื่อซื้อ
2. สำรวจสินค้าและราคาตลาดปรกติเสียก่อน
หลังจากที่คุณรู้แล้วว่า คุณจะซื้อแน่ๆ หรือ อาจจะซื้อ ถ้าเจอรุ่น ราคาที่ถูกใจ หรือโปรโมชั่นยั่วยุสุดๆ ควรหาข้อมูลไปให้เรียบร้อยครับ หรือหมายตารุ่นที่ต้องการเอาไว้ก่อนให้มั่นใจครับ เพราะการันตีได้เลยว่า คุณจะต้องเจอสิ่งต่างๆ มากมายในงานที่ ล้วนแต่แนะนำว่า อันนี้ดี อันนั้นดี เหมือนๆกันหมด ถ้าคุณไม่มีบรรทัดฐาน หรือมาตรฐานอยู่ล่ะก็ คุณอาจจะหลวมตัว พลาดเอารุ่นที่แย่กว่ามาก็ได้ครับ
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการมองหา NoteBook สักตัว คุณก็ควรเลือกก่อนว่า คุณอยากได้รุ่นไหน spec เท่าไหร่ และที่สำคัญ งบประมาณในกระเป๋าเท่าไหร่ จากนั้นลองมองหาราคาตามเว็บต่างๆ ในรุ่นที่สนใจ ซึ่งผมแนะนำว่า ให้มองๆ ไว้อย่างน้อย 1-2 รุ่นที่คุณสามารถซื้อหาได้ และคุ้มค่าที่สุด ในวงเงินที่คุณมีครับ
3. ทำใจกับสิ่งยั่วยุ และโปรโมชั่นยั่วเย้า
ในงานเหล่านี้ ไม่ต้องห่วงเลยครับกับเรื่องของพนักงานขายที่แทบจะชักแม่น้ำทั้งโลกมาบอกว่า สินค้าของตนดี รุ่นเยี่ยมยอด รุ่นนี้มีโปรโมชั่นกันมากมาย โดยเฉพาะท่านที่เป็นผู้ชาย รับรองว่า งานนี้ มีพริตตี้น่ารักๆ มาแนะนำแน่ๆ
ดังนั้น ให้นึกถึงมาตรฐานที่ท่านดูมาก่อนหน้านี้ครับ เช่น ท่านดู notebook มาตัวหนึ่ง ใช้ cpu ความไวเท่าไหร่ แรมเท่าไหร่ ให้มองหารุ่นที่หมายตาไว้ก่อนครับ และสอบถามราคา รวมทั้งของแถม และจะดีมากๆ ถ้าหากเราจดมันไว้ทั้งหมดครับ
จากนั้น เมื่อเดินดูในงาน หากเจอสิ่งยั่วยุ หรือ promotion ต่างๆ แล้ว ก็ให้ยกที่จดไว้ หรือที่จำไว้มาเปรียบเทียบครับ
4. เปรียบเทียบราคา คือสิ่งแรก
สำหรับท่านที่เจอสิ่งที่หมายตาไว้แล้ว ให้จำราคา มาเปรียบเทียบกับที่สำรวจมาก่อนหน้านี้ครับ เพราะหลายครั้งที่ผมเจอะเจอมา คือ ราคาของสินค้า แทบไม่ต่างจากราคาตลาดปรกติ พนักงานขายบอกมีแถมกระเป๋าแถมเม้าส์ ด้วยในงานนี้ ซึ่งนั่นไม่ต่างกับการซื้อตามร้านทั่วไปครับ เพราะอย่างเช่น NoteBook ทั่วๆไปแล้ว ก็มักจะแถม กระเป๋า แถมเม้าส์ เป็นอุปกรณ์ มาตรฐานกันอยู่แล้ว ดังนั้น หากราคาแทบไม่ต่างกัน ก็ไม่ควรจะรีบซื้อเสียในงานครับ
ในขณะที่ สินค้าหลายๆ ตัวมีการปรับราคาลงมา อย่างมากมาย ตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น แต่ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจซื้อ ก็ควรจะเช็คในงานอีกครั้งว่า สินค้าตัวนั้นๆ มันลดราคามากมายเพราะอะไร มีรุ่นใหม่มาแทนหรือไม่ หรือว่ารุ่นนี้กำลังถูกโล๊ะทิ้ง หรือเป็นโปรโมชั่นจริงๆ ครับ
5. สำรวจให้ทั่วก่อนซื้อ
หลังจากเจอสิ่งที่ต้องการและหมายตาไว้แล้ว ให้เดินสำรวจอีกครั้งให้ทั่วครับ เปรียบเทียบราคาคุณภาพ และประสิทธิภาพของสินค้ากับยี่ห้ออื่นๆ หรือบูทอื่นๆ ครับ เพราะบางครั้ง สินค้าตัวเดียวกัน อาจจะมีร้านค้ามาออกบูทแข่งกัน ทำให้ราคาไม่เท่ากันครับ ดีไม่ดี สินค้าตัวเดียวกัน อาจจะได้ราคาถูกกว่ากันอีกหลักพันก็มีครับ
6. เมื่อตัดสินใจซื้อ ควรถามให้ชัด ฟังคำตอบให้เคลียร์
หลายครั้งที่ผมตัดสินใจจะซื้อสินค้า แต่มักจะได้คำตอบว่า สินค้าตัวนี้เหลือแต่ตัวโชว์ ถ้ารีบก็ยกไปเลย ถ้าไม่รีบให้รอ สองถึงสามวัน จะมีสินค้าไปส่ง
บางครั้งก็เจอตัวหนังสือเล็กอยู่ข้างๆ ว่า สินค้าตัวนี้ รับประกันเพียง 1 เดือน ทั้งที่จริงๆแล้ว ถ้าซื้อปรกติทั่วไปตามร้าน รับประกันถึง สามปี เป็นต้น
ดังนั้น ก่อนการซื้อขายให้สอบถามให้แน่ใจครับว่า คุณจะได้สินค้าตัวใหม่ แกะกล่อง ทันทีที่จ่ายเงิน โดยไม่ต้องเดินทางไปรับสินค้าที่นั่นที่นี่ หรือสินค้าชิ้นนั้นๆ ได้รับการประกันเต็มระยะเวลาที่ควรจะเป็นครับ
7. หลังจากตัดสินใจซื้อ
ให้พยายามทดลองให้เรียบร้อยครับ ว่าใช้งานอะไรอย่างไร บ้าง ของแถมที่ได้มามีอะไรบ้าง ครบถ้วนหรือไม่ ใช้งานได้ไหม รวมทั้งแผ่นเสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Driver, โปรแกรมเสริม เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้ บางครั้งเมื่อพลาดไปแล้ว การหาใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย เช่น Driver ต่างๆ ที่เราคิดว่า หาได้ในเน็ตอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดครับ และผมเจอหลายครั้งเหมือนกัน โดยเฉพาะNotebook บางยี่ห้อ ที่พอเอาเข้าจริงๆ กลับหา driverได้ยากเย็นนัก ในเว็บเจ้าของสินค้าก็ไม่มีรุ่นที่เราซื้อมา ต้องไปไล่หาแบบแยกๆ เอา Driver sound ไปหาเว็บนึง Driver Wireless อีกเว็บนึง กว่าจะได้ครบ แทบปวดหัวครับ ดังนั้นเช็คให้ถี่ถ้วน
สำหรับอุปกรณ์บางอย่างที่เคยลองๆ ซื้อมากับเพื่อนแล้วมักไม่ค่อยได้อย่างใจที่สุดครับ ตลอดเวลาที่ไปซื้อๆ สินค้ามา คือ ลำโพงและหูฟังครับ เพราะในงานค่อนข้างจะแออัด มีเสียงกวนตลอดครับ แถมดังสู้กับลำโพงที่เราจะซือ้เสียด้วย ทำให้ผลคือ ได้ลำโพงด้านซ้ายกับขวาดังไม่เท่ากันบ้าง มีเสียงแทรกซ่าๆ บ้าง หรือว่าเสียงไม่เพราะ ก็มีครับ ดังนั้น ก็เลือกกันดีๆ นะครับ (อันดีๆ ก็เจอมาบ้างครับ)
8. หลังจากซื้อแล้ว สอบถามศูนย์ วิธีติดต่อช่างๆ ให้แน่ใจอีกครั้ง
เพราะเผื่อไว้ก่อนเลยว่า สินค้านั้น ไม่ใช่เต็มร้อยทั้งหมดทุกชิ้น เราอาจะเป็นผู้โชคร้ายก็ได้ ดังนั้น การขอเบอร์ติดต่อศูนย์ต่างๆ ไว้อย่างน้อย ก็เพื่อความอุ่นใจครับ สำหรับการใช้งานอุปกรณ์อย่างที่อยู่ในประกัน ตั้งแต่ 1-3 ปีครับ ก็ต้องเผื่อไว้ครับ
creadit : คุณ playmaker7 stepclub.net