ท่องคาถาให้ขลัง
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องคาถาให้ขลัง  (อ่าน 3251 ครั้ง)
Nattawut-LSV Team
E23IUY
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน808
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3581


อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 15, 2009, 04:14:27 pm »



ถาม : เรื่องเกี่ยวกับคาถาสมัยก่อน....?

ตอบ: สมัยนี้ก็ขลัง สำคัญว่าโยมทำจริงมั้ย ? เรื่องของเวทย์มนต์คาถามันเป็นบาทของอภิญญา คนจะทำอภิญญาต้องเป็นคนเด็ดขาด จริงจัง สม่ำเสมอ ไม่ย่อท้อ สมัยนี้บอกให้ไปท่องคาถา หลวงพ่อท่านมีคาถาอยู่บท เรียกว่า คาถาเงินล้าน ถ้าหากว่าใครท่องจะรวย ท่านบอกว่าอย่างน้อยให้ท่อง ๗ จบ ๙ จบ โยมหลายคนมาบ่น บอกอยากจะรวย ถามว่ารู้จักคาถาเงินล้านมั้ย ? รู้...แล้วเคยท่องมั้ย ? เคย ท่องวันละกี่จบ ? หนึ่งจบ มันน่ารวยอยู่หรอก อาตมาบอกไปท่องไม่ต้องมาก วันละ ๑๐๘ หรือ ๓๐๐ จบก็ได้ เขาถามแล้วอาจารย์เคยท่องวันละกี่จบ ? บอกเคยท่องสูงสุดประมาณ ๑,๒๐๐ มันหมดวันซะก่อน คือท่องกันแบบเอาคุณภาพ ไปช้าๆ อย่ารีบ เหมือนกับกินข้าว ค่อยๆ เคี้ยวหน่อย เอาคุณภาพ ว่าไปเรื่อยๆ สบายๆ ใจไม่ต้องไปนึกอะไร คิดว่าเราทำเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ของที่ดีที่สุดที่ครูบาอาจารย์ให้มา หน้าที่ของเราคือท่องบ่นเป็นการรักษาไว้ ถ้าเราทำอย่างแบบนี้ จริงจัง สม่ำเสมอ ไประยะหนึ่ง ผลที่มันสะสมตัวมามันจะเริ่มเกิดมันก็จะส่งให้ จุดที่คาถาให้ผลจริงๆ ก็คือ กำลังใจของเราที่เป็นสมาธิ ยิ่งท่องเป็นสมาธิสูงเท่าไหร่ คาถายิ่งให้ผลมากเท่านั้น

สมัยก่อนเขาท่องกันจริงจังสม่ำเสมอ อาตมาเคยรู้จักอดีตโจรคนหนึ่ง แก่มากแล้ว เรียกแกว่า ลุง ถามว่าสมัยของลุงทำไมมันหนังเหนียวกันเยอะแท้ สมัยของพวกผมไม่เห็นได้อย่างลุงเลย บอกไอ้หนูลุงถึงจะเป็นโจร แต่ถ้าหากว่ารู้ตัวเมื่อไหร่ต้องรีบภาวนา เพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าทรัพย์จะฆ่าเราหรือเปล่า ? ไม่รู้ว่าตำรวจจะยิงเราหรือเปล่า ? ว่างเมื่อไหร่ต้องภาวนา โอ้โห...ยิ่งกว่าพระอีก เพราะฉะนั้นเขาทำกันอย่างจริงจังสม่ำเสมอ และพวกนี้เขามีสัจจะ คำว่ามีสัจจะ อย่างโจรสมัยก่อนไปปล้น เขามีสัจจะอยู่ ถ้าหากว่าเป็นของที่เขาใช้อยู่จะไม่เอา เอาเฉพาะของที่เขาเก็บ เป็นของที่เขาเก็บก็จะไม่เอาหมด เอาครึ่งหนึ่ง เอาหนึ่งในสาม อะไรอย่างนี้ ถ้าหากเป็นของทำบุญนี่ จะไม่แตะต้องเลย

อาตมาอยู่นครปฐม มีโจรดังอยู่คนหนึ่ง คือ เสือผาด ทับสายทอง วันนั้นแกตั้งใจจะไปปล้นโรงสี ปักป้ายล่วงหน้าไว้ ๗ วัน ถึงวันนั้นฉันไปปล้นแน่ ถ้าอยากจะสบายๆ ก็เก็บเงินเก็บทองใส่กำปั่นรอไว้ ถึงเวลาไปหิ้วเสร็จ ก็จะไปเลย ไม่รบกวนอะไร ถ้าคิดจะสู้ ก็ไปหาคนมา ไปแจ้งตำรวจมาจะได้ฟัดกัน ปรากฏว่าเข้าไปถึงในงาน เถ้าแก่โรงสีกำลังบวชลูกชายอยู่ เสือผาดแทนที่จะได้สตางค์ ต้องควักตัวเองไป ๘๐๐ ไปให้เขา ถ้าทำบุญอยู่เขาไม่ยุ่งเลย แล้วอีกอย่างถ้าไปบ้านไหน เขาเคยให้ข้าวให้น้ำกิน เขาถือเป็นผู้มีบุญคุณ ให้อาหารเป็นการต่อชีวิต เขาจะไม่รบกวนบ้านนั้นอีกเลย

สมัยนี้ไม่มีหรอก มันปล้นกระทั่งพ่อแม่ตัวเอง ข่าวหนังสือพิมพ์ ดูหรือเปล่า มันเป็นสายให้เขาไปปล้น ให้เขาไปขโมยบ้านตัวเองก็มี ในเมื่อไม่มีความจริงจัง ความสม่ำเสมอ ขาดสัจจะ เรื่องเหล่านี้ทำไป ก็ไม่มีผล สมัยก่อนสัจจะเขามี ครูบาอาจารย์ห้ามอะไรเขาจะทำตามนั้น ห้ามด่าแม่คนอื่น ห้ามลอดราวผ้า ลอดใต้ถุนบ้าน เขาทำกันอย่างนั้นเลย

ปัจจุบันอาตมาก็เจอหลายคน เดินๆ ไป เห็นเขามองโน่นมองนี่ เลยถามว่าทำไม ? ระวังอยู่ กลัวจะไปลอดอะไรเข้า ถ้าอย่างนั้นเอ็งไม่ต้องเข้ากรุงเทพ เข้ากรุงเทพเมื่อไหร่ สะพานลอยเพียบ (หัวเราะ) เดี๋ยวมันก็ลอดจนได้ ทำให้จริง เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของคนจริง ต้องทำจริงจัง แล้วจะมีผล ส่วนใหญ่ไปทำๆ ทิ้งๆ ยังไม่ทันจะเกิดผลก็ท้อเสียก่อน




สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ



บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: