เสพสุราพาเลว (ปุณณปาติชาดก)
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เสพสุราพาเลว (ปุณณปาติชาดก)  (อ่าน 1810 ครั้ง)
หนุ่มเกษตร
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9


อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2008, 12:27:59 pm »

เสพสุราพาเลว (ปุณณปาติชาดก)
--------------------------------------------------------------------------------

อบายมุข ปิดหู ปิดตา
อยากสุรา พาคิด ผิดชั่ว
น้ำนรก หลงติด เมามัว
น่ากลัว นิสัย ใฝ่เลว

เวลาที่เราไม่มีความหลงแล้ว เราจะไปเสพสุรา ให้มันเสียเงินเสียทองทำไม  จะไปเสพสุรา ให้มันกลายเป็นคนไม่มีสติสตังทำไม  เพราะว่าเวลาที่เราเสพสุราไปแล้ว ทำให้เราไม่สามารถควบคุมจิตใจของเราได้  ไม่มีสติที่จะยับยั้งความคิดต่างๆได้  ไม่มีสติที่จะยับยั้งคำพูด  และการกระทำต่างๆได้   ถ้าเราสังเกตดู  เราจะเห็นว่า เวลาเสพสุราเข้าไปแล้ว เราจะทำความชั่วได้ง่าย แต่เวลาที่ไม่เสพสุรา เรายังมีความเกรงกลัวต่อบาป มีความอาย แต่พอเสพสุราเข้าไปในร่างกายแล้ว ก็เกิดความเมาขึ้นมา เกิดความบ้าระห่ำขึ้นมา เกิดความไม่กลัวบาปขึ้นมา  เกิดความไม่มียางอายขึ้นมา ก็จะพูดเลอะเทอะ พูดจาหยาบคาย ถ้อยคำที่พูดเมื่อพูดออกไปแล้ว ฟังแล้วไม่รื่นหู ไม่น่าฟัง คนอื่นก็ไม่อยากเข้าใกล้ 

เวลาที่ไม่ได้เสพสุรา จะพูดอะไรก็จะมีความระมัดระวัง ให้สิ่งที่พูดออกไปนั้น เป็นคำพูดที่สุภาพเรียบร้อย ไม่พูดถ้อยคำที่หยาบคาย แล้วทำไมถึงต้องไปเสพสุรา ก็เพราะความหลงนั้นเอง หลงคิดว่า เสพสุราเข้าไปแล้ว มันจะสบายใจ เวลามีความทุกข์ ได้ดื่มสุราเข้าไป มันจะดับทุกข์ได้ เวลาว่างไม่รู้จะทำอะไรดี เบื่อ เซ็ง ก็ดื่มสุราเข้าไป พอกินเข้าไปแล้ว มันก็กลายเป็นการกระทำ ที่จะนำไปสู่อกุศลกรรมทั้งหลาย คือเหตุซึ่งจะนำมาซึ่งความทุกข์ นำไปสู่อบาย นำไปสู่นรก นั้นเอง

ดื่มสุราของมึนเมา - เสียเงิน เสียเวลา เสียบุคลิกภาพ สุขภาพก็ไม่ดี เป็นที่รังเกียจของคนอื่น เขาจะว่าเราไอ้ขี้เมา คนเราปกติสติก็ยังไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว ยังต้องมาฝึกหัดกันอยู่เลย นี่มาดื่มสุราเพิ่มให้สติต้องเลอะเลือนไปอีก..ก็ลองคิดดูว่าดื่มสุรา และเสพสิ่งเสพติดแล้วจะทำให้เราฉลาดขึ้นหรือโง่ลง ...ที่สำคัญคือพอดื่มสุราแล้วทำให้ขาดสติและจะทำผิดศีลข้ออื่นได้อย่างง่ายดาย..

นิทานมงคลธรรม (บุตรเศรษฐี)
บุตรเศรษฐีจะว่าเป็นผู้มีบุญก็ได้ เพราะเป็นผู้ "คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด" บางคนก็คาบวัสดุขนาดใหญ่ เช่น พานเงินพานทอง (แท้ๆ ไม่ปลอม) มาเกิด หมายถึงเป็นคนสร้างบุญไว้มากแต่ปางก่อน มาชาตินี้จึงสบายตั้งแต่เกิด จะว่าแกมีบาปก็ได้ เพราะบุญเก่าพาให้มาเกิดในตระกูลดี ร่ำรวย แต่ถ้าแกประมาทไม่ประพฤติตัวดีสมกับที่เกิดมาดี แกก็จะกลายเป็นคนที่ไร้ค่า ไร้ศักยภาพ

รู้จักแต่ใช้จ่ายทรัพย์สินที่พ่อแม่หามาให้ ไม่รู้จักค่าของเงินไม่รู้จักสร้างสรรค์ จริงอยู่ ทรัพย์มหาศาลนั้นกินชั่วโคตรก็อาจไม่หมด แต่ที่หมดเกลี้ยงไม่เหลือหลอก่อนทรัพย์ คือ "ความเป็นคนที่รู้จักพึ่งพาตนเอง" คนพวกนี้ บางคนใส่รองเท้าเองไม่เป็นต้องพึ่งคนใช้ ถ้าวันหนึ่งข้างหน้า (ใครจะไปรู้) ไม่มีคนใช้แล้วแกจะใส่เป็นไหมเนี่ย น่าสงสัยจัง

ดูบุตรเศรษฐีมหาศาลคนนี้เป็นตัวอย่าง แกเป็นลูกโทนเกิดมาท่ามกลางทรัพย์สินมหาศาล ใครจะคิดว่าชีวิตจะผันแปรแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ของพรรค์นี้มันไม่แน่ใช่ไหมนาย

วันหนึ่งบุตรเศรษฐีเดินกลับจากธุระนอกเมือง ติดตามด้วยบอดี้การ์ดหลายนาย ผ่านชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งกำลังดื่มเหล้าฉลองกันอย่างสนุกสนาน แกก็เดินเลี่ยงไป เพราะพ่อแม่เคยบอกว่าอย่าคบคนแปลกหน้า

หนึ่งในกลุ่มหนุ่มนั้นกระซิบกับพวกว่า "เฮ้ย นั่นมันนายดวงมเหศักดิ์ ลูกเศรษฐีฉฬะภิญโญ มิใช่หรือวะ"

"ใช่ แล้วทำไม" อีกคนถามขึ้น

"ไม่ทำไมดอก อยากจะให้แกดื่มเหล้าหน่อย ช่วยเรียกแกหน่อย" ว่าแล้วก็รินเหล้าใส่กระทงใบบัว ถือเข้าไปหาบุตรเศรษฐี กล่าวด้วยความนอบน้อมว่า...

"คุณชายครับ กรุณาให้เกียรติพวกเรา ดื่มน้ำใบบัวนี้สักหน่อยนะครับ" แล้วยื่นกระทงใบบัวบรรจุสุราให้

บุตรเศรษฐีรับมาดื่มเพื่อมิให้เสียไมตรี หมดไปกระทงหนึ่งรู้สึกว่ารสมันซาบซ่าไปทั่วสรรพางค์ ไม่เคยลิ้มมาก่อน นักเลงหนุ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง จึงรีบยื่นกระทงที่สองให้ เสี่ยหนุ่มรับมาดื่มอย่างรวดเร็ว พวกบอดี้การ์ดเห็นไม่ได้ความ จึงพากันดึงเจ้านายออกจากวงเหล้า พากลับบ้าน

จากนั้นมา เสี่ยหนุ่มก็มีอันต้องเดินผ่านวงเหล้านั้นเรื่อยและได้รับเชิญให้ดื่มครั้งละกระทงสองกระทงเสมอ มิไยลูกน้องจะทัดทานอย่างไรก็ไม่ฟัง เวลาผ่านไปไม่นาน เสี่ยแกก็กลายมาเป็นขาประจำ ณ ร้านเหล้าแห่งนั้น

วันหนึ่งขณะกำลังดื่มกันสนุกสนาน เสี่ยแกเรียกหาน้ำอมฤตมาดื่มไม่ขาดระยะ เสียงใครคนหนึ่งร้องบอกว่า น้ำไหหมดแล้วครับ เจ้านาย (ตอนนี้ไม่ใส่กระทงใบบัวแล้วครับ บรรจุไหเลยเรียกสั้นๆ ว่า น้ำไห)

"อ๋าย หมดได้ยังไงวะ ข้าเห็นตั้งเรียงรายอยู่หลายไห"

"ที่จริงมีอยู่ แต่ไม่มีเงินซื้อครับ เจ้านาย"

"บ้าชัดๆ พวกแกเห็นข้าเป็นอะไร ข้านี่แหละเว้ย ลูกฉฬะภิญโญ เศรษฐีบารมีคับบ้านนี้เมืองนี้ ไอ้นี่วอนเสียแล้ว เอ้าเอาเงินนี้ไปซื้อมา" เสี่ยควักกษาปณ์ฟ่อนใหญ่ให้ไป (กหาปณะหรือ กษาปณ์ เป็นเงินตราของชมพูทวีปครับ)

ดวงมเหศักดิ์ บุตรฉฬะภิญโญมหาเศรษฐี แกตั้งวงดื่มน้ำอมฤตทุกวัน พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ตักเตือนอย่างไรก็ไม่ฟัง บรรดานักเลงน้อยใหญ่ได้กลายมาเป็นบริวารแกหมดสิ้น เมื่อพ่อแม่สิ้นชีวิต แกก็ได้รับมรดกทั้งหมด เพราะเป็นลูกชายโทน แกใช้จ่ายทรัพย์อย่างสุรุ่ยสุร่าย ชั่วเวลาเพียงไม่กี่ปี ทรัพย์สินที่มีก็หมดเกลี้ยง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

จะไม่หมดได้อย่างไร มีแต่จ่ายๆๆ ไม่มีหามาใหม่เลย แถมถูกบริษัทบริวารยักยอกไปคนละเล็กละน้อยอีกต่างหาก ต่อให้มีทรัพย์กองเท่าภูเขาก็ต้องมีวันหมด

โคลงโลกนิติว่า "เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์แล้วแหนงหนี..." นั้นเป็นความจริง เมื่อทรัพย์หมดเพื่อนก็หายหน้าไปหมด เหลือแต่เสี่ยขี้เมากับลูกน้องไม่กี่คน แม้ลูกน้องไม่กี่คนนั้น ในที่สุดก็อันตรธานเหลือแต่แกคนเดียว
 


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: