บ้านที่ดีตามราศีเกิด
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 26, 2024, 11:25:41 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บ้านที่ดีตามราศีเกิด  (อ่าน 8903 ครั้ง)
ANR
Senior Member
member
*

คะแนน101
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« เมื่อ: มิถุนายน 17, 2008, 07:22:20 pm »

บ้านที่ดีตามราศีเกิด

บ้านที่ดีตามราศีเกิด





บ้านคนปีชวด (พ.ศ. 2527, 2515 และ 2503)
เพื่อความมั่งมีศรีสุข บ้านของคนปีชวด ควรมีเครื่องดนตรีอย่างน้อย 1 ชิ้นอยู่ในบ้าน เช่น ขลุ่ย เมาท์ออร์แกน เปียโน กีตาร์ ฯลฯ แม้จะเล่นไม่เป็น เพียงมีไว้ประดับบ้านก็ถือว่าถูกโฉลก นำโชคดีมาสู่ในบ้าน แต่ถ้าเป็นเครื่องดนตรีที่สมาชิกในบ้าสามารถเล่นได้จริงๆ หรือมีการเล่นร่วมดนตรีด้วยกันภายในครอบครัว เสียงดนตรีที่ดังขึ้นดุจดั่งเสียง สวรรค์ที่เรียกทรัพย์นับล้านเข้าสู่บ้านคนปีชวด

บ้านคนปีฉลู (พ.ศ. 2528, 2516 และ 2504)
เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย บ้านของคนปีฉลู ไม่ควรมีอะไรที่เป็นทรงกลมยกเว้นโต๊ะอาหารที่เป็นโต๊ะกลมได้ นอกนั้นแล้วสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านควรเป็นเหลี่ยมเป็นมุมทั้งหมด ตัวอย่างเช่น นาฬิการทรง 8 เหลี่ยม อ่างบัวทรง 5 เหลี่ยม กระถางต้นไม้ทรง 4 เหลี่ยม รวมไปถึงลวดลายของเหล็กดัด วอลล์เปเปอร์ ก็ควรเป็นรูปทรงเหลี่ยมหลีกเลี่ยงรูปวงกลมและรูปโค้งมนต่างๆ

บ้านคนปีขาล (พ.ศ. 2529, 2517 และ 2505)
เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านของคนปีขาล ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง ควรมีขนาดใหญ่กว่าปกติ หน้าบ้านควรมีต้นไม้ใหญ่ หรือสัญลักษณ์ที่ใหญ่โตโดดเด่น อาทิ มีประตูหน้าบ้านบานใหญ่ มีโอ่งน้ำขนาดใหญ่ มีบ่อน้ำขนาดใหญ่ เป็ นต้น ในห้องรับแขกควรมีรูปภาพพระอาทิตย์ขึ้นประดับไว้ จะช่วยเพิ่มพลังอำนาจ และบารมีให้มีมากขึ้นกว่าเดิม

บ้านคนปีเถาะ (พ.ศ. 2530, 2518 และ 2506 )
เพื่อความสุขและความสำเร็จ บ้านของคนปีเถาะ ควรเป็นบ้านที่มีความร่มรื่น ร่มเย็น มีสนามหญ้า ต้นไม้ ดอกไม้ อ่างบัว ตัวบ้านมีความโปร่งโล่งสบาย มีแสงแดดและแสงสว่างพอประมาณ ในห้องนอนหรือห้องรับแขกควรมีตุ๊กตาเซรามิครูปกระต่าย รูปไก่ รูปไข่ รูปหมู รูปเด็กทารก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย จะช่วยให้เงินทองไม่รั่วไหลไปไหน ได้ปรับเงินเดือน ได้เลื่อนตำแหน่ง ได้พบกับความสมหวังและสมปรารถนาทุกประการ

บ้านคนปีมะโรง (พ.ศ. 2531, 2519 และ 2507)
เพื่อความเป็นสิริมงคล บ้านของคนปีมะโรง ควรจะมีชื่อบ้าน โดยเป็นชื่อที่เป็นมงคลและถูกต้องตามหลักทักษาของเจ้าของบ้านซึ่งโดยปกติแล้วมักจะใช้ชื่อหรือนามสกุลของเจ้าของบ้านมาเป็นชื่อบ้าน ซึ่งถ้าชื่อหรือนา! มสกุลถูกโฉลกอยู่แล้ว ชื่อบ้านก็ย่อมจะดีตามไปด้วย ชื่อบ้านต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับลักษณะของบ้านและ ผู้อยู่อาศัย ห้ามขัดแย้ง หรือตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น บ้านทาสีฟ้าทั้งหลังแต่ตั้งชื่อบ้านว่าเรือนสีชมพู หรือ บ้านอยู่ติดภูเขา แต่ตั้งชื่อบ้านว่า บ้านริม! ทะเล ลักษณะอย่างนี้ถือว่าไม่เหมาะสมจะทำให้อับโชค พบเจอแต่อุปสรรคขวากหนามในการดำเนินชีวิต

บ้านของคนปีมะเส็ง (พ.ศ. 2532, 2520 และ 2508)
เพื่ อความเจริญรุ่งเรือง บ้านของคนปีมะเส็งต้องมีแสงสว่างอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ต้องให้ความรู้สึกว่าสว่างอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ควรจะมีไฟภายนอกบ้านอย่างน้อยสัก 1 ดวงที่เปิดให้ความสว่างอยู่ตลอดคืนโดยเฉพาะไฟดวงไหนหากเปิดไว้แล้วนอกจากจะให้ความสว่างแก่บ้านของเรายังให้ความสว่างและความปลอดภัยแก่บ้านหลังอื่นและผู้ที่เดินทางผ่านไปมา ถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง บ้านมืดๆ จะนำภัยอันตรายและโชคร้ายมาสู่คนปีมะเส็ง

บ้านคนปีมะเมีย (พ.ศ. 2533, 2521 และ 2509)
เพื่อความเจริญก้าวหน้า บ้านของคนปีมะเมีย ต้องมีความเคลื่อนไหว เช่น มีธงโบกสะบัด มีน้ำพุ มีกังหัน มีโมบาย มีสุนัขหรือแมววิ่งเล่นกัน มีต้นไม้ใหญ่ที่โอนเอนตามสายลมภายในบ้าน ก็ควรมีสัญลักษณ์ของความเคลื่อนไหวหรือความเร็ว เช่น รถยนต์โบราณ รถไฟ เรือใบ เรือสำเภา เครื่องบิน จรวด ฯลฯ เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งร่ำรวย บ้านที่สงบ นิ่งและเงียบเกินไป จะทำให้คนปีมะเมียอึดอับและอับโชค

บ้านคนปีมะแม (พ.ศ. 2534, 2522 และ 2510)
เพื่อความสุขและความสำเร็จ บ้านของคนปีมะแม ควรเป็นบ้านที่สะสมงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพวิวทิวทัศน์ งานหล่อ งานปั้น งานแกะสลัก หนังสือ ซีดีเพลง ดีวีดีภาพยนตร์ ฯลฯ ล้วนถูกโฉลกและนำโชคดีมาสู่คนปีมะแม และ! ถ้าผลงานศิลปะเหล่านั้น เป็นฝีมือของเจ้าของบ้านด้วยแล้ว จะยิ่งถูกโฉลกและโชคดีเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

บ้านของคนปีวอก ( พ.ศ. 2523, 2511 และ 2499)
เพื่อความเจริญรุ่งเรือง บ้านของคนปีวอก ควรเป็นบ้านที่มีการขยับขยาย เพิ่มเติมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาเพื่อให้สอดคล้องสมดุลกับผู้อยู่อาศัย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นบ้านที่มีการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น มีต้นไม้ใหม่ๆ มาปลูกเพิ่มอยู่เสมอมีเฟอร์นิเจอร์ใหม่มาทดแทนของเดิมที่ชำรุดเสียหาย มีเก้าอี้ม้าหินชุดใหม่มาตั้งแต่เพิ่มในสวน มีการเปลี่ยนผ้าม่านใหม่ทุกๆ 2 ปี และทาสีบ้านใหม่ทุกๆ ! 3 ปี

บ้านของคนปีระกา (พ.ศ. 2524, 2512 และ 2500)
เพื่อความเป็นสิริมงคล บ้านของคนปีระกาต้องสวย สะอาด สดใส และดูใหม่อยู่เสมอ สิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน ควรจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย รั้วบ้านและอาคารภายนอกบ้านควรทาสีใหม่ทุกๆ 3 ปี ภายในบริเวณบ้าน ห้ามมีสิ่งของแตกหัก ชำรุด เสียหาย ใบไม้แห้ง ต้นไม้หรือกิ่งไม้ที่เหี่ยวเฉาโรยรา โดยเด็ดขาด รอยร้าวบนผนัง หากพบเจอต้องรีบแก้ไขในทันที หลอดไฟ กลอน กุญแจ ประตู หน้าต่าง ต้องพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

>
บ้านของคนปีจอ (พ.ศ. 2525, 2513 และ 2501)
เพื่อความมั่งมีศรีสุข บ้านของคนปีจอ ควรจะมีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัข ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงนำโชคของคนปีจอ เพราะความซื่อสัตย์และแสนรู้ของสุนัข จะช่วยให้คนปีจออารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใส สมองปลอดโปร่ง ไม่เครียด ดังนั้นไม่ว่าจะคิดหรือทำอะไรก็ล้วนแต่โชคดีมีความสำเร็จ สุนัขที่เลี้ยงไว้ไม่ควรเลี้ยงตัวเดียว ควรเลี้ยงตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป แต่ก็อย่าให้มากเกิน ควรให้เหมาะสมกับบริเวณบ้านและกำลังในการดูแลเอาใจใส่

บ้านของคนปีกุน (พ.ศ. 2526, 2514 และ 2502)
เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย บ้านของคนปีกุน ต้องมีห้องครัวที่กว้างขวาง สะอาด สะดวก สบาย มีอุปกรณ์ในการทำครัวครบครัน เพราะการเข้าครัวทำอาหารของคนปีกุน ถือเป็นเรื่องมงคลนำมาซึ่งโชคลาภ ความสำเร็จ และความร่ำรวย และถ้ามีตุ๊กตาเซรามิครูปหมูสีขาวหรือสีชมพู สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ วางไว้ในห้องรับแขกหรือห้องรับประทานอาหารด้วย จะยิ่งถูกโฉลก โชคดี เฮง เฮง เฮง เพิ่มมากขึ้น

 


บันทึกการเข้า

ANR
Senior Member
member
*

คะแนน101
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2008, 07:23:40 pm »

"สวน" กับดุลยภาพแห่งพลังชีวิต "ฮวยจุ้ย" กับทิศหน้าบ้าน

"สวน" กับดุลยภาพแห่งพลังชีวิต "ฮวยจุ้ย" กับทิศหน้าบ้าน


ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยมีความเชื่อว่า ในการสร้างให้เกิดดุลยภาพแห่งพลังชีวิตที่ดี "พลังชี่" หรือพลังชีวิตจะต้องไหลเวียนได้ อย่างราบรื่นไม่ติดขัด หากพลังชี่ไม่สามารถไหลเวียนได้สะดวก หรือถูกปิดกั้นไว้จะทำให้พลังชีวิตของสถานที่นั้นอ่อนแอหรือหยุดนิ่ง แต่หากพลังชี่ไหลเวียนได้สะดวกไม่ติดขัด จะส่งผลดีต่อผู้อยู่อาศัยในเรื่องของความมั่งคั่ง ชื่อเสียง การอุปถัมภ์ค้ำชู อาชีพการงาน และสุขภาพ

นับแต่โบราณมานักฮวงจุ้ยต่างพยายามสังเกตและศึกษาธรรมชาติเพื่อหาตำแหน่งที่โดดเด่นสำหรับบ้านและสวน และตำแหน่งในอุดมคติที่เชื่อกันว่าดีที่สุดนั้นก็คือ จุดกึ่งกลางของเนินเขาเตี้ยๆ ไม่สูงชัน ไม่เป็นคลื่นขรุขระ ซึ่งจะทำให้บ้านและสวนได้รับความสมดุลระหว่างพลังของฟ้าและดิน โดยหันหน้าไปทางแม่น้ำที่ไหลทอดตัวเป็นแนวคดโค้งไปมาสวยงามนุ่มนวล

เพราะ "พลังชี่" จะไหลเวียนได้ดีเป็นพิเศษในแนวเส้นที่โค้งไปมาสวยงาม ส่วนด้านหลังจะต้องมีภูเขาขนาดใหญ่มาเป็นฉากหลัง มองดูจะคล้ายคนนั่งพักผ่อนสบายๆ ในเก้าอี้อาร์มแชร์ และมีที่วางเท้ารองรับอยู่ที่ปลายเท้านั่นเอง

ภูเขาที่อยู่ฉากหลัง ก็เหมือนพนักเก้าอี้ที่โอบอุ้มตัวเราไว้อย่างสบายและมั่นคง หมายถึงพลังในด้านการอุปถัมภ์และสนับสนุน ซึ่งในศาสตร์ของ ฮวงจุ้ย เรียกว่า ทิศเต่าดำ จะอยู่ในทิศเหนือและเป็นพลังแห่งฤดูหนาว

ทิศตะวันตก จะเป็นทิศเสือขาว เป็นพลังแห่งฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว ส่วนทิศตะวันออกเป็นทิศมังกรเขียว เป็นพลังแห่งฤดูใบไม้ผลิ ส่วนทิศใต้ซึ่งเป็นทิศของส่วนหน้าบ้านจะเป็นทิศหงส์แดง

การหาตำแหน่งของทิศทั้งสี่นี้ บางครั้งอาจไม่ได้ขึ้นตามทิศของเข็มทิศ ในโรงเรียนฮวงจุ้ยที่เน้นเรื่องภูมิทัศน์ จะใช้วิธีให้คุณยืนโดยให้หลังของคุณอยู่ด้านหน้าตัวอาคาร และมองไปในทิศที่ตัวอาคารเผชิญหน้า เต่าดำจะอยู่ทิศด้านหลังของอาคารหงส์แดงจะอยู่ด้านหน้า มังกรเขียวจะอยู่ทางซ้าย และเสือขาวจะอยู่ทางขวามือของคุณ

จัดฮวงจุ้ยที่ดีให้สวนในบ้าน

ที่เกริ่นมาข้างต้นนั้น เป็นเรื่องของฮวงจุ้ยในอุดมคติที่คงยากจะหาได้ในโลกยุคดิจิทัล แต่เราสามารถจัดสวนที่บ้านของเราเองให้มีลักษณะฮวงจุ้ยที่ดีเช่นที่กล่าวมาได้ไม่ยาก เช่น ทำทางเดินในสวนให้ทอดตัวเลี้ยวคดโค้งไปมาสวยงาม ปรับพื้นที่สวนให้มีความโค้งกลมเล่นระดับพื้นที่สวนในบางส่วนเพื่อให้ดูเป็นเนินสูงต่ำ

น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของสวน ในความเชื่อของฮวงจุ้ย สวนทุกสวนควรจะมีบ่อน้ำหรือน้ำพุในสวน ที่สำคัญคือ ให้น้ำมีการเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอนุ่มนวล ไม่ควรเป็นน้ำนิ่งๆ

บริเวณไหนของสวนที่พลังชี่ถูกปิดกั้นให้ติดขัดหรือไม่สามารถไหลเวียนได้ คุณจะสังเกตเห็นว่า ส่วนนั้นจะมีลักษณะรกร้าง ต้นไม้ขึ้นในลักษณะรกรุงรัง หรือแห้งตายเป็นบางส่วน สัญลักษณ์ของพลังที่หยุดนิ่ง อย่างเช่น ต้นไม้ที่แห้งตาย ควรจะขุดถอนออกไปจากสวนเพราะมันจะดึงดูดพลังที่ไม่ดีเข้ามาในบ้าน และจะทำให้การไหลเวียนของพลังชีวิตติดขัดได้

นอกจากนั้น คุณยังสามารถใช้เทคนิคการจัดสวน เพื่อปรับแก้ฮวงจุ้ยให้มีพลังที่ดีและปิดกั้นพลังที่ไม่ดีออกไปได้ เช่น ทำรั้วต้นไม้เตี้ยๆ หรือพุ่มไม้ หรือสระน้ำ กั้นระหว่างตัวบ้านหรือสวนของคุณกับสิ่งที่ให้พลังไม่ดี เช่น เสาไฟ เสาธง หรือถนนที่พุ่งเข้าสู่ตัวบ้าน เป็นต้น

สวนหน้าบ้าน

จุดแรกของการจัดสวนให้เน้นไปที่สวนหน้าบ้าน เพราะเป็นพื้นที่ส่วนแรกของบ้านที่จะได้รับพลังที่ดีจากบริเวณรอบๆ เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องให้ "พลังชี่" ไหลเวียนไปมาภายในส่วนนี้ของบ้านให้มากสักหน่อย จึงควรหลีกเลี่ยงการทำทางเดินหรือถนนเข้าบ้านที่เป็นเส้นตรงๆ แต่ควรให้เป็นแนวคดโค้งไปมาเล็กน้อย

ถ้าหากบ้านของคุณมีทางเดินที่เป็นเส้นตรงอยู่ อาจแก้ไขได้โดยการปลูกไม้พุ่มหรือไม้คลุมดินให้พุ่มใบล้ำเข้ามาในพื้นส่วนที่เป็นทางเดินเพื่อลดความเป็นเส้นตรง แต่ต้องเลือกพืชที่มีระบบรากตื้น เพื่อที่รากจะได้ไม่ไปชอนไชให้พื้นเกิดรอยแตกร้าวได้

ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อกันว่า สวนหน้าบ้านควรหันไปทางทิศใต้ ซึ่งจะดึงดูดพลังหยางหรือพลังที่ให้โชค แต่แม้ว่าสวนหน้าบ้าน ของคุณจะไม่ได้หันไปทางทิศใต้ คุณก็สามารถดึงดูดพลังหยางเข้ามาสู่ภายในสวนของคุณได้โดยวางรูปปั้นหงส์ไว้เพื่อดึงพลังหยาง

ถ้าสวนหน้าบ้านของคุณหันไปทางทิศตะวันตก พยายามจัดพื้นที่ส่วนนี้ของคุณให้นิ่งและสงบเงียบให้มากที่สุด ปลูกต้นไม้ที่โตช้า สวนที่หันหน้าไปทางทิศเหนือจะดึงดูดพลังที่ส่งเสริมเรื่องอาชีพการงาน การจัดสวนที่ช่วยเสริมพลังในเรื่องนี้คือ ให้มีบ่อน้ำหรือสิ่งประดับสวนที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบไว้ในบริเวณที่มองเห็นจากประตูด้านหน้า

สวนที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกจะดึงดูดพลังที่อุปถัมภ์ในเรื่องครอบครัว ให้ปลูกต้นไผ่เพื่อเสริมพลังด้านนี้ให้เด่นขึ้น
บันทึกการเข้า
ANR
Senior Member
member
*

คะแนน101
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2008, 07:24:17 pm »

ทิศมงคลกับการปลูกต้นไม้

การเลือกพรรณไม้ หรือพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดมาปลูกในบริเวณบ้าน ไม่ใช่เพียงแค่ความชอบของคุณเท่านั้น แต่ต้องหมายถึงการเสริมดวงชะตาของคุณและผู้อยู่อาศัยด้วย


การเลือกปลูกต้นไม้ต้องสัมพันธ์กับทิศ เพื่อช่วยส่งเสริมดวงชะตาของคุณ ทิศเหนือ ต้นไม้ที่ปลูกควรจะเป็นต้นพุทรา ต้นว่านต่างๆ ต้นมะตูม ต้นทุเรียน ต้นหว้า ปลูกแล้วจะเสริมดวงชะตาให้เจริญก้าวหน้า มีวาสนามีบารมี ปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยไม่มีผู้ใดมาคิดร้ายรังแกได้


สำหรับต้นมะพลับ ต้นมะม่วง ต้นมะปราง ต้นโตนด และต้นหว้า ควรจะปลูกใน ทิศใต้ จะเสริมดวงให้รุ่งเรือง มีความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี


ส่วน ทิศตะวันออก ให้ปลูกต้นไผ่ ต้นมะพร้าว ต้นกุ่ม หรือต้นสารภี จะช่วยเสริมดวงชะตาให้แข็งแรงไม่มีเรื่องทุกข์ใจ ไม่เจ็บป่วย ทุกข์ร้อน จะมีแต่ความรุ่งเรืองอยู่ดีมีสุข


ด้าน ทิศตะวันตก ให้ปลูกต้นมะขาม ต้นมะยม หรือต้นพุทรา จะเสริมดวงให้คุณ ๆ แคล้วคลาดจากเภทภัยคดีความและเรื่องอื้อฉาวทั้งปวง


ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ปลูกต้นทุเรียน ต้นสวาด ไม้ดอกนานาชนิดที่บูชาพระ จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีแต่ความสุขสบายร่มเย็นตลอดไป ไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนวุ่นวายในบ้าน


ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ให้ปลูกต้นยอ ต้นสารภี หรือต้นไผ่ จะส่งผลให้ผู้อาศัยให้เจริญก้าวหน้ามีลาภยศสูง ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ประสบความสำเร็จในอาชีพ มีเกียรติ และป้องกันสิ่งชั่วช้า


ถ้าปลูกต้นมะนาว ต้นมะกรูด ต้นส้มป่อย หรือต้นมะงั่ว ใน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเสริมดวงให้ผู้คนมาชื่นชมรักใคร่ ใคร ๆ ก็เกรงใจและมีแต่ความสุข และราบรื่นในชีวิต


ส่วน ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ให้ปลูกต้นราชพฤกษ์หรือต้นคูน ต้นขนุน ต้นสะเดา หรือต้นพิกุล


ถ้าคุณเลือกปลูกต้นไม้ที่สอดคล้องกับทิศแต่ละมุมแล้ว แต่บางพันธุ์ไม้ที่คุณหาไม่ได้ หรือเป็นไม้ยืนต้น ต้องใช้พื้นที่เยอะ ก็ลองเลือกต้นขนาดย่อมและเหมาะสมกับสภาพบริเวณบ้านของคุณด้วย
บันทึกการเข้า
ANR
Senior Member
member
*

คะแนน101
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64


« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2008, 07:25:09 pm »

 ห้องครัว


เป็นอีกห้องหนึ่งในบ้านที่มีการกำหนดลักษณะการใช้งานที่แตกต่างจากห้องอื่น ๆ ใช้เป็นที่ประกอบอาหารและมีการใช้งาน สัมพันธ์ต่อเนื่องกับส่วนรับประทานอาหาร
การจะออกแบบครัวให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ หรือสมบูรณ์มากที่สุด ควรมีคำถาม เพื่อเป็นข้อมูลในการออกแบบดังนี้
1.มีผู้ใช้ครัวกี่คน
2. รับรองแขกบ่อยหรือไม่
3. แม่ครัวถนัดซ้ายหรือขวา
4. ไปจ่ายตลาดบ่อยหรือไม่
5. กิจวัตรประจำวันของแม่ครัวเป็นอย่างไร
6. งบประมาณการก่อสร้าง
7. เครื่องอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง เตาไมโครเวฟ , ถังขยะ , เตาอบ
เพื่อสะดวกในการกำหนดขนาดและการออกแบบสถานที่ตั้งวาง
8. รสนิยมส่วนตัวเป็นอย่างไร
9. นอกจากการปรุงอาหารแล้วยังต้องการให้ครัวทำหน้าที่อะไรอื่นอีก


ตำแหน่งของห้องครัว

การออกแบบห้องครัวนั้นเป็นการผสมผสานศาสตร์และศิลป์ โดย ศาสตร์ ก็ประกอบไปด้วยเรื่องของสุขอนามัยต่างๆ การจัดวางตำแหน่ง การเลือกสรรวัสดุอุปกรณ์ ฯลฯ ศิลป์ ซึ่งก็คือเรื่องความสวยความงาม
1. ตั้งอยู่ในทิศที่ไม่อับทึบ
2. อยู่ในตำแหน่งที่สะดวกสบายในการเข้าถึง ปกติตำแหน่งของห้องครัวนั้นก็มีอยู่ 2 ลักษณะ
2.1 ครัวภายในตัวบ้าน ซึ่งมักอยู่ที่ชั้นล่าง มักใช้เป็นครัวเบาหรือเตรียมอาหาร
2.2 ครัวภายนอกตัวบ้าน การกำหนดให้ครัวอยู่ภายในหรือภายนอกตัวบ้านนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการขนาดของบ้าน
และขนาดที่ดินเป็นเกณฑ์
2.3 ตำแหน่งของครัวไม่ควรตรงกับห้องนอนที่อยู่ชั้นบนทั้งนี้เพราะกลิ่นจาการปรุงอาหารอาจลอยขึ้น.ไปรบกวน
2.4 ตำแหน่งของท่อน้ำทิ้งต่าง ๆ ของห้องครัวไม่ควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำใช้
2.5 ควรอยู่ติดกับส่วนรับประทานอาหารหรือระเบียง หรือลานบ้าน


ตำแหน่งของประตูและระบบสัญจร


เป็นบานทึบ บานโปร่ง ( ติดกระจก )บานผลักบานเลื่อนในกรณี ที่เปิดไปสู่ห้องรับประทานอาหารก็ควรทำประตูแบบบาน สะวิงหรือเปิด-ปิดได้ 2ทิศทาง
และสามารถปิดเองได้ด้วยโช้คอับหรืออุปกรณ์ปิด อัตโนมัติหน้าต่า หน้าต่างและช่องแสงิสำหรับความสูงของหน้าต่างจากพื้นนั้น ควรสูงไม่ต่ำกว่า 95 เซนติเมตร
เพราะตู้เตี้ยมีความสูง 85 เซนติเมตร และต้องเผื่อบัวกันเปื้อนอีก10 เซนติเมตร รวมเป็น 95 เซนติเมตร. หน้าต่างบานเลื่อน ห้องครัวที่อยู่ติดทางเดินนอกบ้านหรือโรงรถซึ่งมักมีคนเดินผ่านคนเดินผ่านไปมาหรือใช้



พื้นที่บริเวณนั้น ๆ
- หน้าต่างแบบเปิด - หน้าต่างบานเกล็ด
- ช่องแสงบนผนัง - ช่องแสงบนประตู
- ช่องแสงด้านข้าง - ระเบียงยื่น
- ช่องแสงบนหลังคาให้แสงสว่างอย่างเพียง พอบางแบบสามารถเปิดออกได้เพื่อ ระบายความร้อนภายในบ้าน แต่มักมีปัญหาเรื่องการรั่วซึม - บานประตูแบบเลื่อนทำให้บ้านได้รับแสงสว่างมากขึ้น
- ประตูแบบฝรั่งเศส มีปัญหาที่ทำความสะอาดยาก
- ประตูแบบดัตซ์ ด้านล่างเป็นบานทึบ ส่วนด้านบนเป็นบานกระจกใส


ระบบต่าง ๆ ในห้องครัว

ระบบในห้องครัวนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระบบใหญ่ๆ คือ
1. ระบบน้ำ
2. ระบบไฟ
3. ระบบระบายอากาศ

ระบบน้ำ ถือเป็นปัจจัยสำคัญ น้ำใช้และน้ำทิ้ง การเตรียมการที่เกี่ยวกับระบบน้ำ มายังบริเวณอ่างน้ำที่ติดตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์และที่ ี่ก้นอ่างจะต่อน้ำทิ้งออกไปภายนอกให้น้ำระบายลงท่อน้ำทิ้งของตัวอาคาร จากการชำระล้างอาหารสดและจานชามที่ใช้แล้วซึ่งอย่างหลัง
นี้จะม ีคราบไขมัน มากการทิ้งผ่านท่อระบายน้ำ ของตัวบ้านจะทำให้เกิดปัญหากลิ่นจากการหมักหมม และทำให้เกิดการอุดตันส่วนใหญ่ จะ"มักง่าย"ทิ้งลงบ่อลงคูคลองไป ปัญหาน้ำเน่าเสียโดยเฉพาะจากโรงงาน อุตสาหกรรมจึงพบเห็นได้บ่อย ๆสำหรับบ้านแล้วแทบไม่รู้จัก
บ่อดักไขมันกันเลย

ระบบไฟ ระบบไฟที่ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหลาย อาทิ เตาไมโครเวฟและไฟฟ้าแสงสว่าง รรวมรวมไปถึงส่วนของแก๊สที่ใช้กับเตาแก๊สระบบไฟฟ้าที่ใช้เพียงแต่กำหนดเต้าเสียบสำหรับตู้เย็น และเตาไมโครเวฟรวมทั้งเผื่อไว้
้สำหรับอุปกรณ์อื่นๆ สิ่งที่แตกต่างจากห้องอื่นๆก็คือไฟฟ้าแสงสว่าง เนื่องจากการทำครัวจะเน้นความสว่างในบางจุดเป็นพิเศษ เช่น บริเวณ
เคาน์เตอร์ในส่วนที่เตรียมอาหาร บางกรณีที่ต้องการแสงสว่าง บริเวณเคาน์เตอร์ทั้งหมดเป็นพิเศษ ก้อจะติดไฟฟ้าใต้ตู้ที่อยู่เหนือเคาน์เตอร์ ตลอดแนว ไม่เช่นนั้นก็จะติดไฟที่เพดานตามปกติ

ระบบระบายอากาศ ตามปกติเรามักอาศัยช่องแสงแบบที่เปิดได้ช่วยในการระบายอากาศ แต่ในกรณีของห้องครัวบางห้องที่มีข้อจำกัดในเรื่องช่องแสงซึ่งอาจมีน้อยหรือไม่มีเลยอาหารที่มีกลิ่นรุนแรง เช่นทำอาหารไทยเป็นประจำ
จึงจำเป็นต้องอาศัยการระบายอากาศด้วย เครื่องระบายควัน ปกติเครื่อง ระบายควันที่มีจำหน่ายนั้นมี 2 ระบบใหญ่ คือ
- ระบบระบายควันออกสู่ภายนอก เครื่องแบบนี้จะดูดเอากลิ่นควัน ไอน้ำมัน และความร้อนผ่าน
ท่อออกสู่ภายนอกห้อง
- ระบบระบายควันแบบหมุนเวียนอากาศ เครื่องแบบนี้มักดูดควันเขข้าไปในเครื่องเพื่อไปผ่านตัวกรองซึ่งเป็นคาร์บอนที่มีหน้าที่ดูดกลิ่นและไอน้ำมันไว้ได้บางส่วนแล้วปล่อยผ่าน
ออกมาภายในห้องอีกครั้งการติดตั้งเครื่องระบายควันนั้นควรกำหนดระยะ ของปล่องให้สิ้นที่สุด เพื่อประหยัดเนื้อที่ควันสามารถระบาย
ออกได้ทันทีและง่ายต่อต่อการติดตั้งโดยปกติเฟอร์นิเจอร์ในครัวก็ประกอบไปด้วยตู้ตั้งพื้นหรือเคาน์เตอร์
bloggang.com/viewblog.php?id=bannhom&date=17-11-2007&
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!