Defragmenter ยังไม่ทันเสร็จก็เริ่มต้นทำใหม่?ถาม: ล่าสุด ผมมีปัญหาว่า โปรแกรมยูทิลิตี้ Disk Defragmenter เริ่มต้นทำงานใหม่ หลังจากที่มันสามารถทงานไปได้ 10% – 20% เท่านั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า “Drive contents have changed”? ประมาณว่า มีการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย รบกวนช่วยแนะนำวิธีแก้ไขด้วยครับ
ตอบ: เป็นปัญหาคลาสสิกอีกข้อหนึ่งที่ได้ยินอยู่บ่อยมาก ปัญหานี้เกิดขึ้นเนื่องจากการที่มีโปรแกรมบางตัวกำลังทำงานอยู่ด้านหลัง (background) ที่มันยังคงเปลี่ยนแปลงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของคุณ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้โพรเซสของ defrag คิดว่า มันทำงานได้ไม่สำเร็จจนถึงขั้นต้องเริ่มต้นทำงานใหม่ซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป แนะนำให้ลองทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. คลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run พิมพ์ msconfig ในไดอะล็อกบ๊อกซ์ Open
2. ในไดอะล็อกบ๊อกซ์ System Configuration Utility เลือกแท็บ General จากนั้นยกเลิกเช็คบ๊อกซ์หน้ารายการที่อยู่ภายใต้หัวข้อ Selective Startup ดังรูป
3. คลิกปุ่ม Apply และ OK ตามลำดับ จากนั้นรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์
หลังจากรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว Windows จะเริ่มต้นทำงานด้วยโพรเซสพื้นฐานเท่านั้น ดังนั้นมั่นใจได้ว่า จะไม่มีโพรเซสใดๆ มารบกวนการทำ Defrag อีก คราวนี้คุณก็สามารถสั่งรัน Disk Defragmenter ได้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจาก Defrag เสร็จแล้ว คุณควรจะกลับไปคลิกเลือกเช็คบ๊อกซ์ที่ยกเลิกไว้ก่อนหน้านี้ โดยทำตามขั้นตอนที่แนะนำไว้ข้างต้น เพียงแต่คราวนี้เข้าไปคลิกเลือกเช็คบ๊อกซ์หน้ารายการเหล่านั้น เพื่อให้ระบบกลับไปสู่การทำงานตามปกติ เหมือนเดิมก่อนดีแฟรกนั่นเอง ลองไปทำดูนะครับ
(สำหรับการเรียกใช้ Disk Defragmenter เพื่อจัดระเบียบไฟล์ที่กระจัดกระจายอยู่ในฮาร์ดดิสก์สามารถทำได้โดยคลิกปุ่ม Start เลือก All Programs ตามด้วย Accessories เลือก System Tools และ Disk Defragmenter ตามลำดับ)
เครดิต :
www.arip.co.th