เอาประเทศหรือเอาทักษิณ? – เปลว สีเงิน
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 27, 2024, 07:48:32 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เอาประเทศหรือเอาทักษิณ? – เปลว สีเงิน  (อ่าน 623 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2024, 07:53:57 am »

เอาประเทศหรือเอาทักษิณ? – เปลว สีเงิน

“นายกฯ เศรษฐา” ครับ
กราบตีนละ…
คุณช่วยรักษาเกียรติศักดิ์ศรีประเทศให้
“ชาวบ้าน-ชาวโลก”
เขาไม่กล้า “เหยียดหยาม-ดูแคลน”
หน่อยได้ไหมครับ?

คุณเป็นนายกฯ ของรัฐบาลใน “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
แต่การเข้าไปกราบคารวะ รับโอวาท รับนโยบาย
รับคำสั่งจากนักโทษเด็ดขาดที่ “โกงบ้าน-กินเมือง” นั้น

แล้วใครเขาจะเชื่อล่ะว่า…..
รัฐบาลที่บริหารประเทศขณะนี้
ไม่ได้อยู่ใต้คอนโทรล “ปลายนิ้วนักโทษ” กระดิกสั่ง!

ในเมื่อ “ผู้นำรัฐบาล” ชื่อเศรษฐา ทำตัวให้เห็นชัด
ว่ากูคือ “ทาสใต้อำนาจนักโทษ”!

เหลืออีกขั้นตอนเดียว คือครบเกณฑ์พักโทษวันไหน
ก็จะอัญเชิญผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลคนนี้
เคลื่อนย้ายจาก “ทำเนียบจันทร์ส่องหล้า”
ไปสถิตอยู่ “ทำเนียบตึกไทยคู่ฟ้า”

ให้ครม.-ข้าราชการ-คณะพรรค กราบคารวะ
ถวายเครื่องเซ่น รับบัญชา รับการตบกบาล
เพื่อความเป็นสิริมงคล
เศร้าปนสังเวชครับ…บอกตรงๆ

ต่อจากนี้ ทำเนียบรัฐบาล คือที่ทำงานของหัวตอ
นักธุรกิจ-พ่อค้า-ข้าราชการ-นักลงทุน “ทั้งไทย-ทั้งเทศ”
จะดีลอะไร ต้องการอะไรจากประเทศไทย ทั้งในและนอกระบบ
เหยียบ “หัวตอ”…
“ต่อสาย” เข้าไปดีลโดยตรงกับ “นายกฯ จันทร์ส่องหล้า”
ชัวร์กว่า ๔๐-๖๐!

เพราะเห็นชัด เป็นข่าวกระจาย รับรู้กันไปทั้งโลกแล้วว่า
เหนือฟ้า ยังมีฟ้า เหนือยอดเขา ยังมียอดหญ้า
เหนือรัฐบาล เหนือรัฐสภา
เหนือตุลาการ ยังมีทักษิณ

ที่ยังเหนือไม่ได้ กระดิกนิ้วสั่งไม่ได้ เหลือแห่งเดียว
คือ “ธนาคารแห่งประเทศไทย”
ที่ “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” เป็นผู้ว่าการ!

แม้เหนือไม่ได้ แต่เขามีอำนาจกระดิกนิ้วสั่งให้ปลดได้
ถ้าเศรษฐาอยากรู้ “วินาศทั้ง ๒ ทำเนียบ” มีจริง
ลอง “สั่งปลด” ผู้ว่าแบงก์ชาติดูซี
……….ได้เห็นแน่!

ระหว่างนายกฯ เศรษฐากับผู้ว่าแบงก์ชาติ
“ไหนทอง-ไหนตะกั่ว” ดูไม่ยาก
และถ้าอยากเห็นความ “สูง-ต่ำ”
ทางความคิดก็ไม่ยากอีกเหมือนกัน

กรณี เศรษฐาบริหารประเทศมา ๖ เดือน
นอกจากพล่ามตามโพเดียมไปวันๆ
แต่ปัญหาแก้ไม่ได้ซักอย่างนั้น
ตอนหาเสียง โม้สะบั้น….

“เพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็น-เพื่อไทยมืออาชีพ”
เอาเข้าจริง “คิดใหญ่”
คือคิดวนอยู่ในกระถางล้างตีนนายใหญ่
มืออาชีพก็ “มือฉกฉวย” งานที่รัฐบาลก่อนทำไว้
แล้วใช้ “นะหน้าด้าน” เคลม

พอจนแต้ม คนที่หลงว่าตัวเองแน่ เก้าอี้นายกฯ ไม่พอ
ต้องเอาเก้าอี้รัฐมนตรีคลังมาเสริมก้น
แต่ผลคือ บ่มิไก๊ ในงานทั้ง ๒ เก้าอี้

จะหาที่โทษ ก็ไม่รู้จะโทษใคร
จะโทษรัฐบาลก่อน มันก็ผ่านมานานเกิน
หันรี-หันขวาง ดร.เศรษฐพุฒิ
“ผู้ว่าแบงก์ชาติ” นั่นละวะ

จุดประเด็นชี้นำโครม….
แบงก์ชาติ “ไม่ลดดอกเบี้ย” เศรษฐกิจจึงพัง!

เอาเข้านั่น พวกสอพลอรอบข้าง พวกนักธุรกิจ
ที่เอาเฉพาะประโยชน์ตนเป็นที่ตั้ง
ต่างแซ่ซร้อง สรรเสริญ
เศรษฐา “ทาสนักโทษเทวดา”
ฟ้าส่งลงมาเป็นขอนไม้ให้พวกกบ-พวกเขียดจริงๆ!

ในเรื่อง “ดอกเบี้ยนโบาย” ๒.๕๐%
ทำไมยังลดไม่ได้ ดร.เศรษฐพุฒิ ให้เหตุผลว่า…

“ธนาคารกลางไม่ดันทุรังเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
ปัจจุบันที่สูงในรอบ ๑๐ ปี
แต่อยากให้พิจารณาตัวเลขล่าสุด
ที่แสดงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ที่อ่อนแอและอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ที่เป็นลบ

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)
เติบโตเพียง ๑.๙% ในปี ๒๕๖๖
ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด
เนื่องจาก “อุปสรรคทางการเมือง”
ทำให้งบประมาณรัฐบาลปี ๒๕๖๗ ล่าช้า

“ถ้าเราลดอัตราดอกเบี้ยลง
ก็จะไม่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนจับจ่ายมากขึ้น
หรือทำให้บริษัทจีนนำเข้าปิโตรเคมีจากไทยมากขึ้น
หรือทำให้รัฐบาลต้องกระจายงบประมาณเร็วขึ้น
และนั่นคือ ๓ ปัจจัยหลักที่รองรับการเติบโตที่ช้า”

“แรงกดดันทางการเมืองต่อธนาคารกลางเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบติดต่อกัน ๔ เดือน
ส่วนใหญ่เกิดจากการ “อุดหนุนพลังงาน”
ของรัฐบาล ควบคู่ไปกับ “รายรับจากการท่องเที่ยว” ที่อ่อนแอ
และ “การส่งออก” ที่หดตัว!”

แล้วทีนี้ มาฟังคำตอบที่เป็น “ข้ออ้าง” ของนายกฯ เศรษฐาบ้าง

“ที่ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุมา ๓ ข้อนั้น ไม่มีเรื่องประชาชนเลย

ผมอยากให้ผู้ว่าฯ ธปท.กลับไปคิดว่า
วันนี้ ที่ประชาชนเดือดร้อน เราช่วยกันได้
ซึ่งก็คงต้องพูดคุยกันต่อไป……

“๓ ข้อที่บอก เศรษฐกิจไทยไปไม่ได้
เรื่องปิโตรเลียม
เรื่องนักท่องเที่ยวจีน และ
เรื่องการจับจ่ายใช้สอย
ที่งบประมาณยังไม่ลงมารวดเร็ว

ผมเชื่อว่ามีการพูดคุยกันอยู่แล้ว
ให้จีนนำเข้าสินค้าไทยเพิ่มมากขึ้น
ให้นักท่องเที่ยวจีนมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากยิ่งขึ้น

แต่เหตุผลหลักๆ คือ ค่าเดินทางแพง
ซึ่งนายสุริยะกำลังทำให้ค่าเดินทางถูกลง
ทำให้มีเงินในกระเป๋าเยอะขึ้น
สามารถจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากยิ่งขึ้น

เรื่องงบประมาณ ทุกคนทราบกันดีอยู่ว่า
เราใช้นโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ซึ่งที่คาดว่า จะใช้ได้เดือน พ.ค.
แต่ตอนนี้ มีความคืบหน้าไปได้เยอะ
ก็น่าจะเริ่มใช้เดือน เม.ย. ก็พยายามทำกันอยู่แล้ว”

ลอง “คั้นน้ำ” หาเนื้อจากคำตอบนายกฯ ซิ มีมั้ย?

เรื่องจีนนำเข้าปิโตรเลี่ยมจากไทยน้อยลง
เรื่องลด-ไม่ลดดอกเบี้ย นักท่องเที่ยวจีนก็ใช้จายเท่าเดิม

เศรษฐาว่า จะไปบอกให้จีนนำเข้ามากขึ้น
ให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากขึ้น!!!!!

เฮ้ยยยย… ถ้าเศรษฐาสั่งจีนได้ขนาดนั้น
ต้องเรียก “ก๊อด ฟาเธอร์เศรษฐา” แล้วหละ
“เราจะเสนอในสิ่งที่เจ้าไม่สามารถปฎิเสธได้” นั่นน่ะ!
แบบนั้น ต้องกราบตีนกันเลยเชียว

แต่ถ้าสั่งไม่ได้ล่ะ ใครต้องกราบใคร!?
แล้วเรื่องตั๋วเครื่องบินแพงนั่นเหมือนกัน
บอกนายสุริยะกำลังทำให้ถูกลง?

ในเมื่อเป็นรัฐบาลมาเฟีย สั่งได้ทุกอย่าง ….
ทำไมไม่สั่งคลัง สั่งเกษตร สั่งพาณิชย์
สั่งทุกองคาพยพระบบรัฐ
ทำให้ระบบเศรษฐกิจมันเดินได้ จีดีพีโต ๓-๕% ล่ะ?

ขณะนี้ ๘ เดือนแล้ว งบประมาณปี ๖๗ ยังไม่คลอด
“เศรษฐา-เพื่อไทย” เป็นรัฐบาลมาแล้ว ๖ เดือน
นอกจากหมกมุ่นจะกู้ ๕ แสนล้านมาแจกอย่างเดียวแล้ว
นอกนั้น ไม่ได้ทำอะไรในทางแก้ปัญหาเป็นรูปธรรมเลย!

ไม่ต้องพูดถึงการแก้ “ปัญหาเชิงโครงสร้าง”
ของประเทศทั้งระบบหรอก
เอาแค่วันนี้
ทำให้ประเทศเดินหน้า-หากินไปได้แต่ละปี
แค่นี้ก่อนให้ได้เถอะ

ที่เศรษฐกิจเคลื่อนแบบ “ทางเดินของหอยทาก”
นั่นจากหมวดต่างๆในภาคเอกชน
เขาขับเคลื่อนให้เดินได้
ไม่ติดลบไปทั้งหมดตะหาก

การ “จับจ่ายภาครัฐ” กับ “การลงทุนภาครัฐ” นั่นแหละ
 “ติดลบหนัก” ฉุดให้ทั้งระบบ “ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน”
เพราะเงินงบประมาณ ๓.๔๘ ล้านล้านบาท
เหมือนน้ำ จะครบปีแล้ว แต่
ยังไม่มีไหลเข้านาซักหยด

อย่าว่าแต่ข้าวเลย หญ้าซักต้นก็ยังไม่งอก
เมื่อไร้น้ำ เศรษฐกิจประเทศ ก็เช่นนั้น

เมื่อหัวหอก คือภาครัฐ ยังไม่ลงทุนในโครงการใหญ่ๆซักบาท
เม็ดเงินที่ไหน มันจะไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงระบบ
ผ่านการจ้างงาน การผลิต การบริโภคล่ะ?

มัวแต่โทษโน่น-โทษนี่ ตบกบาลตัวเองซักฉาด
เผื่อต่อมสำนึกในกระโหลกมันจะตื่นบ้าง

ที่โต้เอาเท่กับผู้ว่าแบงก์ชาติ ด้วยประโยคว่า
“ผู้ว่าฯ ธปท.ระบุมา ๓ ข้อ ไม่มีเรื่องประชาชนเลย” นั้น

ขอถามเพื่อความแน่ใจ….
ประชาชนของท่าน กินข้าวหรือกินหญ้า ตอบมาให้ชัดซิ?

คุยเรื่องอื่นบ้างดีกว่า ไปดูเรื่อง
“ทานตะวัน-ณัฐนนท์”
ที่ขับรถพยายามแซง
และบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ
“กรมสมเด็จพระเทพฯ” บ้าง

เห็น “อดข้าว-อดน้ำ” สร้างกระแสบีบ
ให้ศาลอนุญาตประกันตัว
ตามสูตรสำเร็จพวกสามนิ้ว
เมื่อวาน (๒๕ กพ.๖๗) ครบกำหนดฝากขังนัดแรก
 พ่อตะวันไปยื่นประกันตัว
และศาลอาญานัดฟังคำสั่งประกัน

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า……
“ศาลเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ผู้ต้องหาทั้งสองโดยระบุเหตุผลไว้ชัดเจนแล้ว
ส่วนกรณีอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องหาทั้งสอง
ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์โดยใกล้ชิดแล้ว

กรณียังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
ผู้ต้องหาทั้งสอง ยกคำร้อง”

ก็เข้าใจคนเป็นพ่อนะ….
อยากบอก เรื่องป่วยของตะวัน แก้ง่ายมาก
แค่พ่อบอกให้ลูกเลิกอดข้าว-อดน้ำ
ก็หาย สวยเช้ง เป็นเทพีเสรีภาพในคุก-นอกคุก
ได้เหมือนเดิม

อีกอย่าง ร่างกายของเขา เขามีสิทธิเสรีภาพ
ในคุก มีข้าว-มีน้ำให้กิน แต่เขาเลือกที่จะไม่กินเอง
เราต้องเคารพใน “สิทธิเสรีภาพ”
ของเขานะ คุณพ่อคงเข้าใจ

การไปบังคับให้เขากิน-ดื่ม
นั่นเท่ากับไปขมขู่-คุกคามสิทธิเสรีภาพของเขา
ตามที่ศาสดาใต้กระโปรงเด็กล้างสมอง
ฉะนั้น เราต้องเคารพ ต้องไม่ละเมิดสิทธิ์เขา

เขาอยากอยู่ ก็กิน-ก็ดื่มเอง,
เขาอยากตาย ก็ต้องยอมให้เขาเทิดทูน
สิทธิมนุษยชน
สิทธิส่วนบุคคล
ไม่กิน-ไม่ดื่มเอง

“ศาล” ไม่ได้มีไว้ให้ขบวนการ
“กัดกร่อนบ่อนเซาะ” กดดัน

ฉะนั้น เพื่อขบวนการ ๓ นิ้วไพบูลย์
เทิดทูนสิทธิมนุษยชน ๓ นิ้ว
“Do or die” ตามสบายเลยครับ!

เปลว สีเงิน
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

โค๊ด:
https://www.thaipost.net/columnist-people/541309/


บันทึกการเข้า

ช่างเล็ก(LSV)
Administrator
member
*

คะแนน1346
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18843


คิดดี ทำดี ชีวิตมีแต่สุข


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2024, 09:22:36 pm »

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!