ผลข้างเคียงของวัคซีนโควิดในมุมของ อ. Thiravat Hemachudha
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 26, 2024, 07:46:30 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผลข้างเคียงของวัคซีนโควิดในมุมของ อ. Thiravat Hemachudha  (อ่าน 1955 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2024, 09:54:34 am »

ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
ลักษณะที่เกิด เกิดได้ ขณะคนป่วยยังมีชีวิตอยู่
และเห็นในท่อระบายจากช่องท้องคนป่วย
 และ คนป่วยต่อมายังมีชีวิตอยู่
และพบในคนป่วยที่กำลังจะเสียชีวิตได้
หรือหลังตายทันที
ลักษณะเหนียว ยืดไม่ขาด ดูต่างจาก
การแข็งตัวหลังตายตามทีพบทั่วไป
มีความพยายามที่จะสื่อให้เห็นทางวิชาการตั้งแต่ปี 2021
แต่ถูกปิดกั้น
เพราะเป็นภาพลบต่อวัคซีน
และในอังกฤษ บันทึกของทางการต่อเรื่องนี้
คือต้องปฏิบัติตาม นโยบาย รัฐบาล
ปรากฏการณ์นี้ควรจะถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
และประชาชนทั่วไปเริ่มได้รับรู้อย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะจากสื่อ YouTube ของ Dr John Campbell
ที่นำข้อมูลข่าวสารโดยที่มีหลักฐานอ้างอิงวิชาการอย่างรัดกุม
ทั้งนี้ ใน ตอน ของ new disease หรือโรคใหม่
โดยที่เริ่มจาก มีการสัมภาษณ์คุณ
John O’Looney (registered enbalmer)
ซึ่งบริการทำศพผู้เสียชีวิต
Milton Keynes Family Funeral Services
ซึ่งได้พบว่ามีก้อนหรือลักษณะที่เป็นแท่งสีขาว
อยู่ในท่อของเส้นเลือดขนาดใหญ่
และกลางในร่างกายของผู้ที่เสียชีวิต
ในช่วงเวลาหลังจากการที่มีการให้วัคซีน mRNA
ประชาชนทั่วไปในต้นปี 2021
และหลังจากนั้นในเวลาไม่กี่เดือน
เริ่มพบคนเสียชีวิตซึ่งลักษณะต่างจากที่เคยเป็น
กล่าวคือเป็นผู้ที่มีอายุน้อยและเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน
(sudden death)
หลังจากได้รับวัคซีน mRNA และต่างจาก
การตายที่สามารถคาดการณ์ได้
จากการเจ็บป่วยต่างๆ (expected death)

ลักษณะเช่นนี้ไม่เคยพบมาก่อนหน้าปี 2021
แม้จะมีการเสียชีวิตอย่างมากมายจากโควิดก็ตาม
และแท่งย้วยขาว ยังคงพบต่อเนื่องมาจนกระทั่งในปี 2024
และพ้องกันกับ ข้อมูลที่ได้จากอีกหลายคณะ
ไม่ใช่แต่ในประเทศอังกฤษเท่านั้น
แต่รวมถึงเครือข่ายในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งพบลักษณะเช่นเดียวกัน
ลักษณะของการจัดการศพจะมีขั้นตอนมากกว่าการชันสูตรของพยาธิแพทย์
ที่เป็นการตัดชิ้นเนื้อจากอวัยวะต่างๆเพื่อไปดูเนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์
แต่ในกรณีนี้เมื่ออวัยวะภายในมีการเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว
จะทำให้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างของเส้นเลือดต่างๆในร่างกายได้
และในการคงสภาพศพ
มีการฉีดยาเข้าในเส้นเลือดที่คอและเส้นเลือดที่ขาหนีบ
โดยที่ฉีดไม่เข้าและต้องมีการดึงหรือดูดสิ่งที่อยู่ภายในเส้นเลือดออกมา
โดยมีลักษณะเป็นคล้ายยางยืดหรือหนังสติ๊กสีขาวหรือ
คล้ายเนื้อปลาหมึกหรือหนวดปลาหมึก  (squid หรือ calamari)
อยู่ในเส้นเลือดทั้งแดงและดำ
และรูปร่างเหมือนกับแท่งเส้นเลือด
และมีความยาวตั้งแต่ เป็นนิ้วหรือเป็นฟุต
และมีความเหนียวโดยต้องใช้แรงดึงถึงจะขาดออกจากกัน
และเป็นไปได้ที่จะขัดขวางทางเดินของเลือด
ลักษณะของเส้นหรือท่อน
จะไม่เหมือนกับก้อนเลือดตามปกติที่อยู่ในเส้นเลือดในศพที่ยุ่ย
และไม่ยืดหยุ่นเหนียวแบบนี้ และแม้แต่เมื่อล้างด้วยฟอร์มาลีน
จะเป็นผิวขาวใส
ลักษณะเช่นนี้จะไม่เหมือนกับ white clot syndrome
ที่พบในการฉีดวัคซีนแอสตร้าหรือเป็นผลแทรกซ้อน
ของการใช้สารกันเลือดแข็งตัวเฮพพาริน
(thrombosis with thrombocytopenia syndrome)
จากลักษณะลักษณะเหนียวกว่าและจากการวิเคราะห์
จากหลายคณะพบว่ามีส่วนประกอบของไฟบริน (fibrin)
และ เกร็ดเลือด (platelets) และโปรตีนซึ่งสันนิษฐานว่า
อาจเป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างเปลี่ยนไปคล้ายกับโปรตีนพิษบิดเกลียว
เอมิลอยด์ (amyloid) ที่เรารู้จักกันดีในโรคอัลไซเมอร์
ที่พบในสมองแต่ถ้าพบแทรกอยู่ในเส้นเลือด
จะทำให้เส้นเลือดผิดปกติจนกระทั่งถึงแตกได้

ในกรณีของคุณ John ได้แจ้งไปถึงสำนักงานชันสูตรศพ
แม้กระทั่งจนถึงหัวหน้าสำนักงาน
(Chief coroner of England) และคณะแพทย์

แต่ปรากฏว่าได้รับคำสั่งให้ไม่มีการเผยแพร่และไม่ให้มีการพูดถึง
โดยให้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ปกติที่พบในผู้ที่เสียชีวิตเท่านั้น
 และให้ปฎิบัติตามกฎหรือ นโยบายของรัฐบาลเท่านั้น
และใช้คำว่า ถูก gaslight ว่ามีการจัดฉากที่จะให้คิดว่า
มีความเข้าใจผิด จนกระทั่งถูกกล่าวว่า โกหก

ตอนถัดมา White clots common การให้ข้อมูลจาก
Major Tom Haviland แห่ง United States Air Force
และเป็น วิศวกร ผู้เชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์
และเป็น data scientist และ analyst
โดยได้นำข้อมูลและรูปภาพ แท่งสายสีขาว
จากผู้จัดการศพจากนานาประเทศในช่วงสามปีที่ผ่านมา
โดย มีข้อมูลจากแพทย์ ท่านอื่น รวมทั้ง พยาธิแพทย์
และจากลักษณะที่พบ จากศพที่เสียชีวิต
ภายในช่วงเวลาหนึ่งถึง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่า อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง
ของการมีเส้นเลือดสมองอุดตัน
รวมทั้งมีหัวใจวายจากเส้นเลือดหัวใจตัน
ทฤษฎีที่อาจเป็นไปได้นั่นก็คือ

จากการที่ mRNA ในอนุภาคนาโนไขมัน
ซึ่งในปัจจุบันทราบกันดีอยู่แล้วว่าไม่ได้หายไปจากต้นแขน
ที่ฉีดยาภายในสองถึงสามวัน
ตามที่บริษัทวัคซีนได้ให้ข้อมูลไว้ แต่
ซึมเข้ากระแสโลหิตและเข้าเซลล์เนื้อเยื่อของทุกอวัยวะ
และสั่งให้เซลล์สร้างโปรตีนหนาม หรือ
สไปค์โปรตีน ออกมาที่ผิวของเซลล์

ดังนั้นจึงถูกรับรู้ว่าเป็นศัตรูและมีความพยายาม
ของร่างกายในการทำลายทำให้เกิดการอักเสบ
ดังนั้นในกรณีที่อยู่ที่ผิวชั้นในของเส้นเลือด
จึงทำให้เกิดมีการอักเสบและมีการฟอร์ม
โปรตีนที่มีโครงสร้างผิดรูป
โดยรวมโปรตีนและสารเกี่ยวกับเลือดแข็งตัว
เข้าไว้ด้วยกันและเกร็ดเลือด
และกลายเป็นแท่งสีขาวที่อยู่ในท่อ
ของหลอดเลือดซึ่งจะค่อยๆ ใหญ่ขึ้น
ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือน
จนกระทั่งเลือดไม่สามารถไหลผ่านได้
จากการสำรวจพบว่าก้อนแท่งสีขาว
พบลดลงจาก 30% ในช่วงปี 2022
ลงมาเป็น 20% ในช่วง 2023
การสำรวจล่าสุด
worldwide enbalmer blood clot survey
( United States, Canada, United Kingdom, Australia)
ที่ทำการสำรวจตั้งแต่เดือน
ธันวาคม 2023 ถึงมกราคม 2024
โดย Thomas Haviland 
มี enbalmer ทั้งหมด 269 ราย
และมีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี ถึง 137 คน
และทำงานมา 11 ถึง 20 ปีเป็นจำนวนถึง 60 คนด้วยกัน
กล่าวโดยสรุปคือ มีประสบการณ์เฉลี่ยทั้งหมดคือ 15 ปี
ซึ่งสามารถที่จะวิเคราะห์ได้ว่าก้อนที่เกิดขึ้นนั้น
เป็นของปกติหรือผิดปกติ
โดยทั้งหมดพบในช่วงประมาณกลางปี 2021
เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ทั้งสิ้น
โดยที่ในแต่ละคนนั้นจะทำการจัดการศพ
โดยเฉลี่ยปีละ 100 ศพ และมากสุดถึง 300 ต่อปี
ในปี 2023 มีถึง 73% หรือ เจ้าหน้าที่ 197 คน
ที่พบแท่งยาวสีขาวนี้ในศพ และอีก 72 คนหรือ 27% ไม่พบ
ศพที่พบแท่งสีขาวจะมีประมาณ 20% ในปี 2023
โดยที่เฉลี่ยในปี 2022 อยู่ที่ 30%
แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่พบลักษณะนี้ก่อนหน้าที่
จะมีการระบาดของโควิดและก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด
อย่างไรก็ตาม ยังขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ทำงานของเจ้าหน้าที่
โดยมีเจ้าหน้าที่หกรายพบลักษณะผิดปกติเช่นนี้

ใน 81 ถึง 100% ของศพ
เจ้าหน้าที่ 11 รายพบ 61 ถึง 80% ของศพ
และ 29 รายพบ 41 ถึง 60% ของศพ
 48 รายพบ 21 ถึง 40% ของศพและ
112 รายพบหนึ่งถึง 20% ของศพ

และนอกจากนั้นในปี 2023
ยังพบลักษณะของ
 micro-clotting/coffee grounds/dirty bloods ประมาณ 25%
โดยที่พบน้อยกว่า 5% ก่อนหน้าโควิดและ
ก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด
ซึ่งลักษณะของลิ่มเลือดเล็กๆดูสกปรกเหล่านี้จะเกิดใน
“เส้นเลือดเล็กหรือเส้นเลือดฝอย”
ทำให้ขัดขวางการส่งผ่านเลือดและออกซิเจน
ไปยังเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย
รวมทั้งนัยน์ตาและสมอง

ในปี 2023 เจ้าหน้าที่พบมีทารก
ตายในครรภ์ ตายคลอดเพิ่มขึ้น 25%
ก่อนหน้าปีการระบาด
ประการที่สำคัญอีกอย่างก็คือ
คนที่เสียชีวิตด้วยลักษณะของก้อน
ขาวผิดปกติหรือก้อนขนาดเล็กที่ดูสกปรก
ในเส้นเล็กหรือฝอย พบได้เพิ่มขึ้นทุกอายุ
ตั้งแต่อายุหกปีขึ้นไปจนกระทั่งถึง 35 ปี
ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ไม่ควรพบโรค
ทางเส้นเลือดมากขนาดนี้
และพบสูงขึ้นจนกระทั่งถึงอายุ 50 ปี
สำหรับอายุที่สูงมากกว่านี้ แม้ว่ามี
โอกาศการเสียชีวิต จากโรคทางเส้นเลือดอยู่แล้ว
แต่ก็ยังพบก้อนผิดปกติ เหล่านี้
เพิ่มขึ้นมากกว่าธรรมดา
และก็เช่นเดียวกัน ในสหรัฐอเมริกา
มีการพยายามปิดข้อมูลข่าวสารเหล่านี้
และใน 2 ตอนต่อไป คือ White clots USA
โดยมีคุณ Richard Hirschman จาก Alabama
โดยเป็นคนแรกๆที่พบก้อนแท่งสีขาวเหล่านี้ในศพ
โดยยืนยันเช่นกันว่าลักษณะดังกล่าว
พบในช่วงระยะเวลาเกือบกลางปี 2021 โดย
ไม่พบก่อนที่จะมีการใช้วัคซีนโควิด mRNA
และไม่พบ ในช่วงที่มีโควิดระบาด

นอกจากนั้นได้ให้ข้อมูลหลักฐานว่า
ลักษณะของแท่งหรือก้อนสีขาว
ยังสามารถพบได้
ในคนที่ได้รับผลกระทบ
จากวัคซีนและยังมีชีวิตอยู่
โดยก้อนสีขาวเหล่านี้อยู่ในท่อ
ที่ระบายน้ำจากช่องท้อง
โดยที่ปลายท่ออยู่บริเวณตับอ่อน
และข้อมูลที่ให้เหมือนกับ
รายอื่นๆที่ให้ข้อมูล
กล่าวคือผู้ป่วยที่มีอาการของหัวใจวาย
ที่ไม่สามารถทำการช่วยเหลือหรือผ่าตัดได้ทัน
ขณะที่จะเสียชีวิตนั้นสามารถที่จะลากแท่งสีขาว
ดังกล่าวออกจากเส้นเลือดที่ไปยังหัวใจและสมองได้

ลักษณะทั้งหมดที่ได้จากอังกฤษและสหรัฐ
มีข้อมูลก่อนหน้าจากศาสตราจารย์
ที่มีชื่อเสียงทางพยาธิวิทยา
คือ Professor  Arne Burkhardt และ
Walter Lang ของเยอรมนี
ได้ทำการชันสูตรศพอย่างน้อย
จำนวน 15 รายอย่างละเอียด
และพบว่ามีโปรตีนหนาม
จากวัคซีนสอดแทรกอยู่ในทุกอวัยวะ
และเกิดการอักเสบ
ของเส้นเลือดต่างๆในทุกขนาด
และลักษณะของโปรตีนเหล่านี้
สะสมอยู่ที่ผิวด้านในของเส้นเลือด
และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิด
มีก้อนสีขาวลักษณะเหล่านี้เกิดขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นลักษณะใหม่ที่เกิด
และเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจจะ
อธิบายกลไกผลกระทบของวัคซีนได้

วัคซีนมีประโยชน์แต่ขณะนี้ขณะนี้รับทราบกันทั่วไปแล้วว่า
มีผลกระทบถึงเสียชีวิตพิการและมีผลต่อเนื่องเป็นปี
เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องช่วยกันรักษา
เยียวยาและเปิดเผยข้อมูลให้คนทั้งประเทศทราบ
มีความจำเป็นต้องหยุดการใช้วัคซีนก่อน
เนื่องจากโควิดขณะนี้เป็นเรื่องปกติ
และต้องหาทางพัฒนาวัคซีนที่มีความปลอดภัยสูงสุด
และหาทางถอนพิษที่ฝังตัวในคนไทยทั้งประเทศในขณะนี้
รูปแคปเจอร์จากสื่อ YouTube ของ Dr John Campbell
ด้วยความเคารพอย่างสูงที่ยืนหยัดซื่อตรง
กับหลักฐานวิชาการและศีลธรรม
และดูให้ชัดเจน ว่าเป็น chicken fatหรือ
และ ดูที่ Dr Campbell นำมาพูด
พิจารณาให้ดี ว่าคนระดับนี้
ทุกเรื่องที่มาพูดทุกเรื่องมีหลักฐานเพียงใด

ที่มา และความสำคัญของ white clot และวัคซีนโควิด mRNA

1- พบ ในกลางปี 2021 โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่เจอ แม้จะมีโควิดระบาด

2- วัคซีนที่ใช้ในโลกตะวันตกเริ่มประมาณกุมภาพันธ์ 2021

3- พบในคนป่วยทั้งที่ยังมีชีวิต
จากการคีบออกมาจากเส้นเลือดหัวใจรวมทั้งปนอยู่ในน้ำ
ในช่องท้องที่เห็นได้จากท่อระบายน้ำ
จากช่องท้อง และในคนป่วยหลังตายทันที

4- พบมากในศพคนที่“ตายทันที กระทันหัน ”
และ มีตั้งแต่อายุวัยรุ่น จนถึงอายุ 30
ที่ปกติแล้วไม่ได้ พบ
การตายกระทันหันเช่นนี้และยังลาม
ไปถึงคนอายุ 50 และแน่นอน
คนที่อายุมากกว่านี้ก็พบเช่นเดียวกัน

5- เจ้าหน้าที่จัดการศพที่ให้ข้อมูลเป็นคนที่
ผ่านการอบรมทางวิชาชีพเป็นทางการ
และมีประสบการณ์หลาย 10 ปีขึ้นไปจนถึง
นานกว่า30ปีโดยไม่พบเห็น white clot
เช่นนี้มาก่อนที่จะมีการใช้วัคซีน

6- ในทั้งหมด ของเจ้าหน้าที่ 269 คน
มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี ถึง 137 คน
และทำงานมา 11 ถึง 20 ปีเป็นจำนวนถึง 60 คนด้วยกัน
ซึ่งสามารถที่จะวิเคราะห์ได้ว่า
ก้อนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นของปกติหรือผิดปกติ

7-แต่ละคนนั้นทำการจัดการศพ
โดยเฉลี่ยปีละ 100 ศพ และมากสุดถึง 300 ต่อปี

8-ในปี 2023 มี white clot ในศพ ประมาณ 20%
และ  73% หรือ เจ้าหน้าที่ 197 คน
ที่พบแท่งยาวสีขาวนี้ในศพ และอีก 72 คนหรือ 27% ไม่พบ

โดยทั้งหมดพบในช่วงประมาณ
กลางปี 2021 เป็นต้นมา
จนถึงปัจจุบัน ทั้งสิ้น
แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่พบลักษณะนี้ก่อนหน้า
ที่จะมีการระบาดของโควิด
และก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด
เจ้าหน้าที่หกรายพบลักษณะผิดปกติเช่นนี้
ใน 81 ถึง 100% ของศพ
เจ้าหน้าที่ 11 รายพบ 61 ถึง 80% ของศพ
และ 29 รายพบ 41 ถึง 60% ของศพ
48 รายพบ 21 ถึง 40% ของศพและ 112 ราย
พบหนึ่งถึง 20% ของศพ
ทั้งนี้อาจจะเป็นความเกี่ยวข้องกับพื้นที่
และปัจจัยอื่นๆของคนที่เสียชีวิต

9- และนอกจากนั้นในปี 2023 ยังพบลักษณะของ
micro-clotting/coffee grounds/dirty bloods ประมาณ 25%
โดยที่พบน้อยกว่า 5% ก่อนหน้าโควิดและ
ก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด

10- ลักษณะของ white clot นั้น เหมือนกับถูกหล่อ
มาจากเส้นเลือดไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดดำหรือแดง
มีลักษณะเป็นแท่งหรือเป็นเส้น
ในเส้นเลือดแดงขนาดใหญ่และขนาดกลาง
โดยมีความเหนียวยืดหยุ่นได้และมีความยาวเป็นฟุต
ไม่เหมือนกับก้อนหรือแท่งตามปกติที่พบหลังการตาย
ที่มีมีหลายลักษณะตามระยะเวลาหลังจากที่เสียชีวิต

11- จากการที่สามารถพบได้ในคนที่ยังไม่ตายและกำลังจะตาย
ซึ่งช่วยชีวิตไม่ทันและตายใหม่ๆ จึงเป็นที่มาของข้อสันนิษฐานว่า
เป็นไปได้หรือไม่ที่เป็นสาเหตุของการตายโดยเฉพาะ
ที่เป็นการตายกระทันหันที่เกิดจากหลอดเลือด
ร่วมกับความสามารถของวัคซีนโควิดที่ก่อให้เกิดการอักเสบ
ของหลอดเลือดอยู่แล้วรวมกระทั่งถึงอวัยวะอื่นๆและหัวใจ
โดยที่ในหัวใจนั้นพิสูจน์แล้วว่าเกิดจากมีกระจุกหย่อมการอักเสบ
ที่ตัดทางเดินไฟฟ้าที่ควบคุมการเต้นของหัวใจ
รูปในวิดีโอจากต่างประเทศส่งมาจาก
คุณหมอรุ่นน้องที่ติดตามเรื่องนี้ ขอบคุณมากครับ


ประกาศให้ทราบทั่วกันนะครับ
เนื่องจากเรื่องของwhite clot กับวัคซีน
เป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างและโต้แย้งกันอย่างมาก
ทั้งเอาหลักฐานที่จะดิสเครดิตตัวบุคคลรวมทั้งเจ้าของช่อง YouTube ว่าเป็น
คนต่อต้านวัคซีน (รวมทั้งตัวหมอเองด้วย) ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

และท่านก็เป็นอาจารย์ทางการพยาบาลแต่ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยทางการแพทย์
และศาสตราจารย์ของประเทศอังกฤษมาอย่างยาวนานและในระบบ NHS

หมอจะเลิกพูดถึงเรื่องwhite clot นี้

แต่ยังให้ความสำคัญกับผลกระทบของวัคซีน
ที่มีผลต่อการเสียชีวิตความพิการที่เราดูแลอยู่
โดยจุดประสงค์เพื่อการรักษาเยียวยาผู้ป่วยและครอบครัว
และเพื่อให้วัคซีนที่เราต้องใช้นั้นมีประสิทธิภาพ
และความปลอดภัยสูงสุดอย่างที่ต้องเป็นตามมาตรฐานครับ
บทความและข้อความที่เผยแพร่ไม่เข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของคนป่วย
หมอไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ
สามารถตรวจสอบได้ว่าไม่เคยรับเงินในการ promote
หรือมีเอี่ยวกับสถาบันใด  หรือผลิตภัณฑ์ใด

ในส่วนของการได้รับเงินจากโรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท
จากการให้คำแนะนำทางวิชาการเรื่องทางสมองและ
เงินจำนวน 200,000 บาทนั้น
ให้ส่งให้มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์จุฬา
เพื่อนำมาใช้ในงานวิจัยและบุคลากรที่ทำงาน
วิจัยโดยมีหลักฐานชัดเจน
ขอบพระคุณทุกท่าน เป็นอย่างสูงครับ

ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha
โค๊ด:
https://www.facebook.com/thiravat.h

ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง

 Sad


บันทึกการเข้า

eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2024, 08:55:21 am »

สถาบันวัคซีน ยัน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ก่อลิ่มเลือดขาว

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจง วัคซีนโควิด-19
ไม่ก่อให้เกิดลิ่มเลือดขาว หรือ “White Clots”
เป็นการตกตะกอนของโปรตีนส่วนประกอบ
ของเลือดที่เกิดขึ้นภายหลังการตาย
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ
ที่พบได้เป็นปกติ

วันที่ 21 ก.พ.2567 สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
เผยแพร่เอกสาร ชี้แจงข้อเท็จจริง
เรื่อง ลิ่มเลือดสีขาว (White clot)
และวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA

โดยระบุว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่และส่งต่อข้อมูล
เกี่ยวกับการพบสิ่งแปลกปลอมซึ่งมีลักษณะเป็นลิ่มเลือดสีขาว (White clot)
ในหลอดเลือดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19
และระบุว่าสามารถพบสิ่งแปลกปลอมนี้ได้ในผู้ที่ยังมีชีวิต
ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนก
ให้กับประชาชนในวงกว้าง สถาบันวัคซีนแห่งชาติและภาคีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ
ไม่ได้นิ่งนอนใจกับประเด็นกังวลดังกล่าว
จึงได้ประสานไปยังแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์
และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ได้รับข้อมูลดังนี้

รูปสิ่งแปลกปลอมที่อ้างถึงไม่ใช่ความผิดปกติของเลือด
ที่เกิดจากการฉีดวัคซีน mRNA แต่อย่างใด
เป็นเพียงการตกตะกอนของโปรตีนส่วนประกอบของเลือด
ที่เกิดขึ้นภายหลังการตาย
(ลิ่มเลือดภายหลังการตาย, postmortem blood clot)
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ
ที่พบได้เป็นปกติในผู้เสียชีวิต
และพบมาตั้งแต่ก่อนมีการระบาด
หรือมีการใช้วัคซีนโควิด-19

โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจาก
เมื่อมีการเสียชีวิต ระบบหมุนเวียนของเลือดรวมทั้งระบบอื่นๆ
ในร่างกายจะหยุดทำงาน จากนั้นเม็ดเลือดแดง
จะมีการตกตะกอนตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ไปก่อนแยกออกมาจากน้ำเลือด (Plasma)
ซึ่งในน้ำเลือดยังมีโปรตีนที่ทำหน้าที่
ช่วยในการแข็งตัวของเลือด (Fibrinogen)
คงเหลืออยู่และเกิดการแข็งตัวขึ้นตามธรรมชาติ
เป็นโปรตีนเส้นใย (Fibrin clot)
ทำให้เกิดเป็นลิ่มโปรตีนสีขาวลักษณะดังกล่าว

สำหรับข้อมูลที่ระบุว่า สามารถพบ White clot นี้ในเลือด
ของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยนั้น สามารถอธิบายด้วยหลักการ
ทางโลหิตวิทยา เรื่องกระบวนการแข็งตัวของเลือดได้เช่นกัน
โดยสามารถอธิบายได้ว่า เมื่อมีการเจาะเลือดออกมานอกร่างกาย
หากไม่มีการเติมสารกันเลือดแข็ง (Anticoagulants)
และตั้งทิ้งไว้ระยะหนึ่ง เลือดจะมีการแข็งตัวแยกชั้นออกมา
เป็นชั้นลิ่มเลือด (Thrombus หรือ Clot blood)
และชั้นน้ำเหลือง (Serum) ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม หากนำเลือดที่ไม่ได้เติมสารกันเลือดแข็ง
มาปั่นแยกด้วยเครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอน ความเร็วสูง (Centrifuge)
แยกส่วนประกอบของเลือดในขณะที่การแข็งตัวของเลือด
ยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ (Partial clot) จะสามารถพบโปรตีนเส้นใย
ที่ทำหน้าที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด (Fibrin clot)
ที่มีความคล้ายกับ White Clot ข้างต้นได้
เป็นเหตุการณ์ที่พบเป็นปกติ
ปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล
และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่อย่างใด



ทั้งนี้ ทั่วโลกมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วกว่า 13,000 ล้านโดส
และมีการติดตามและเฝ้าระวัง อาการไม่พึงประสงค์อย่างเป็นระบบ
ในแต่ละประเทศ ปัจจุบันหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก
ยังคงแนะนำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
เข้ารับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ปีละ 1 ครั้ง
เพื่อลดความเสี่ยงของการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ขอให้ประชาชนเลือกรับข่าวสาร
จากแหล่งข้อมูลวิชาการที่เป็นทางการและมีความน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีช่องทางในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ของข้อมูลที่มีการเผยแพร่ทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand)
ชัวร์ก่อนแชร์ และ Fact Check Explorer เป็นต้น
ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริง
ผ่านช่องทางเหล่านี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

โค๊ด:
https://www.thaipbs.or.th/news/content/337306
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2024, 08:58:34 am »

แพทย์นิติเวช ยืนยัน ข่าวการเสียชีวิต
ของผู้รับวัคซีน mRNA
แล้วพบสิ่งประหลาดในหลอดเลือด
ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียง ‘เลือดตกตะกอน’
หลังตายแล้ว พบได้ทั่วไปในผู้ตายทุกคน
ไม่เกี่ยวกับวัคซีน


วันที่ 20 ก.พ.67 นาวาตรี นพ อรรถสิทธิ์ ดุลอำนวย
แผนกนิติเวชศาสตร์ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช

เปิดเผยกรณีที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ออกมาระบุว่า ในต่างประเทศพบ ผู้ฉีดวัคซีน mRNA
แล้วเสียชีวิตจะพบลักษณะประหลาดตามหลอดเลือด
จะพบเป็นแท่งยาวๆ คล้ายหนวดปลาหมึก
เรียกว่า ไวท์คอต
ซึ่งแพทย์ที่ต่างประเทศกำลังศึกษา

นาวาตรี นพ อรรถสิทธิ์ ระบุ ว่า
ไวท์คอต ที่ศ.นพ ธีระวัฒน์ บอกนั้น
เป็นการเข้าใจผิด จริงๆ แล้วแท่งสีขาวๆ ที่เห็น
เป็นการตกตะกอนของเลือดภายหลังจากการตาย
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่พบได้ในผู้ตายทุกคน
อธิบายง่ายๆ คือเวลาเราเอาเลือดทิ้งไว้เฉยๆ
ในเลือดไม่ได้มีแต่ตัวเลือดอย่างเดียว
มีเม็ดเลือดแดง ,เม็ดเลือดขาว และน้ำเลือด


“ตัวน้ำเลือดตกตะกอนไปแล้ว
มันจะเม็ดเลือดแดงจะกองอยู่ข้างล่าง
ตามด้วยเม็ดเลือดขาว และน้ำใสๆ
เมื่อมันแข็งตัวหลังตาย
ก็จะเจอเป็นลักษณะแท่งสีขาวลื่นๆ นิ่มๆคล้ายเจล”

ตัวอย่าง Antemortem thrombus (ลิ่มเลือดอุดตันก่อนตาย)
จะมีลักษณะที่แตกต่างจาก
postmortem blood clot (ลิ่มเลือดภายหลังการตาย) อย่างชัดเจน
ตั้งแต่สีที่มีลักษณะแดงสด อมชมพูอย่างกลมกลืน (maroon) , แห้ง
และมีผิวเป็นจุดเล็กเป็นเกล็ด
และมีการยึดติดกับผนังหลอดเลือด
ที่สำคัญไม่เป็นสีขาวที่เกิดจากการแยกชั้นของ plasma
P.S. postmortem clot (โพสโมเตม คอต ) คือ
ลิ่มเลือดที่ตายแล้วและเกิดการตกตะกอน
จะมีสีขาว บางครั้งเราเรียก chicken fat
หรือ autopsy เจอกันเป็นประจำ เขี่ยดูแล้วก็ทิ้งไป

“ไม่ได้มีความสำคัญอะไร เวลาผ่าศพ เจอเป็นประจำ
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีนใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะมีมาตั้งนานแล้วซึ่งเราเรียกว่า
postmortem blood clot ”


การผ่าชันสูตรให้ความสำคัญกับลิ่มเลือดที่เกิดหลังตายทันที
จะได้รู้สาเหตุการตายที่ชัดเจน
ซึ่งลิ่มเลือดที่อุดตันตามหลอดเลือดต่างๆ
ต้องเป็นสีแดงทั้งหมด
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางแพทย์นิติเวชให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
เพราะเป็นการเกิดขึ้นทันทีที่ตาย เช่น
มีเซลล์อยู่ในนั้น ผ่าตัดลิ่มเลือดไปตรวจทางกล้องจุลทรรศน์
ก็จะมีลักษณะคือหลอดเลือดที่ตายไปแล้ว
และทำการผ่าชันสูตร ทำให้เลือดที่เคยอยู่นั้น
ค่อยๆตกตะกอน เป็นการเกิดก่อนตาย

ดังนั้นต้องแยกจากกัน เพราะเวลาชันสูตรศพ ต้องดูว่าเลือด
ลิ่มเลือดต่างๆ แพทย์จะดูก่อนตายทันที
ซึ่งจะทำให้รู้ว่าการตายเพราะโรคอะไร หรือ
เกิดจากวัคซีน ที่ผ่านมาเคยมีคนที่เสียชีวิต
จากวัคซีนหนึ่งรายก็พบเช่นกัน
เพราะเป็นเรื่องปกติ คนตายจากโรคอื่นก็พบได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะเสียชีวิตจากอะไร
ร่างกายทุกคนก็มี postmortem blood clot ตัวนี้
อยู่ในตัวอยู่แล้ว เรียกว่า ‘ลิ่มเลือดตาย’
เวลาแพทย์ชันสูตรก็จะตัดทิ้งไป

“ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือปรากฏการณ์ใหม่
แต่เป็นมานาน ตั้งแต่ผมเป็นนักเรียนแพทย์แล้ว ”

“มีลักษณะเหมือนยาสีฟันลื่นเป็นวุ้นคล้ายกับมันหนังไก่
กึ่งเจล ซึ่งอยู่ในท่อของหลอดเลือด
เหมือนหากจะอธิบายให้เห็นภาพชัดๆ
ลองนึกถึงข้าวหลาม เราผ่าข้าวหลามก็จะพบแท่งข้าวหลาม
เป็นแท่งตามทรงกระบอกไม้ไผ่
เช่นกันกับกรณีนี้ มันอยู่ในหลอดเลือด
เมื่อตายก็อยู่ในหลอดเลือดเป็นทรงหลอดเลือด
ก็จะเป็นเหมือนหนวดปลาหมึกและเป็นแท่งยาวๆ”

โดยสรุป จากข้อมูลที่ออกมาเป็นการเข้าใจผิด
ซึ่งข่าวที่ออกมาที่จะสร้างความสับสนให้กับประชาชน
เพราะไม่ได้เกี่ยวกับวัคซีน แต่เป็นเรื่องปกติที่พบได้


โค๊ด:
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1011844926969113&id=100044308452347&set=a.328293581990921
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2024, 05:55:29 am »

เวทีเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์
การเยียวยาและรักษาภาวะLong Covid-19
และผลกระทบจากวัคซีนวิทยากรร่วม 9 คน

หมออรรถพล​ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง

โค๊ด:
https://youtu.be/KuhFBFDIFPo?si=PjW46czsz0C9Jt9d

วิเคราะห์เอาครับ จะเชื่อข้อมูลของใคร ?
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!