https://www.pohchae.com/2023/05/15/phitha-kowklai/แผนเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล และนโยบาย 100 วันแรกที่จะทำมีอะไรบ้าง?
#แผนเศรษฐกิจ #พรรคก้าวไกล #นโยบาย
...........
15 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากผลการเลือกตั้ง 2566 อย่างไม่เป็นทางการ พรรคก้าวไกล เบอร์ 31 ภายใต้การนำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยนโยบายของพรรคก้าวไกลได้ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลที่เกี่ยวข้องกับค่าแรงขั้นต่ำที่น่าสนใจดังนี้..
-ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปี เริ่มทันทีวันละ 450 บาท โดยการปรับระบบค่าแรงขั้นต่ำจะให้มีการปรับขึ้นทุกปีตามค่าครองชีพและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อให้แรงงานได้ร่วมแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมจากการเติบโตของเศรษฐกิจ
และเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนธุรกิจของตัวเองในแต่ละปีได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้เริ่มต้นที่วันละ 450 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อและดัชนีค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกปีจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่สมัยที่ค่าแรง 300 บาทต่อวัน ถูกประกาศใช้เมื่อปี 2554 โดยจะแบ่งเบาภาระค่าแรงที่สูงขึ้นสำหรับ SME ในช่วง 6 เดือนแรก โดยการที่รัฐช่วยสมทบค่าประกันสังคมในส่วนของผู้ว่าจ้าง สำหรับแรงงานที่ถูกกระทบโดยการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
-เงินผู้สูงวัยเดือนละ 3,000 บาท จะมีการเพิ่มเงินผู้สูงวัยให้เป็นอัตราเดียวแบบถ้วนหน้า เดือนละ 3,000 บาท ภายใน 4 ปี เพื่อให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ และมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มขึ้น
-น้ำประปาดื่มได้ทุกพื้นที่ จะมีการออกกฎหมายควบคุมมาตรฐานคุณภาพน้ำประปา ปรับปรุงระบบท่อส่งน้ำประปาทั่วประเทศ อุดหนุนงบประมาณปีละ 7,500 ล้านบาท เป็นแผนระยะยาว 8 ปี และวางเป้าหมายให้ประชาชนสามารถดื่มน้ำสะอาดจากก๊อกน้ำได้ภายใน 10 ปี ลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในการซื้อน้ำดื่ม-น้ำใช้
สำหรับ นโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ที่น่าสนใจมีดังนี้
1. เปิดตลาดซื้อ-ขายไฟฟ้าเสรี รัฐดูแลระบบสายส่ง
2. ค่าไฟแฟร์ ถูกและเป็นธรรมสำหรับประชาชน
3. หลังคาสร้างรายได้ เปิดเสรีโซลาร์เซลล์ ประกันราคาซื้อพลังงานสะอาดสำหรับครัวเรือน
4. รถเมล์ไฟฟ้าทุกคันภายใน 7 ปี
5. เปลี่ยนปัญหาเป็นอาชีพ สร้างงาน ซ่อมประเทศ
6. สร้างความมั่นคงทางพลังงานภายในประเทศ
7. เพิ่มรายได้รัฐจากโรงแยกก๊าซ
8. ลดความแปรปรวนของราคาน้ำมัน
9. หนี้สินธนาคารรัฐ จ่ายดี ลดดอกเบี้ย
10. ดอกเบี้ยเงินกู้เป็นธรรม ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลการชำระเงิน
11. ประกาศสงครามหนี้นอกระบบ ตั้งงบปรับโครงสร้างหนี้ 1 หมื่นล้านบาท
12. หนี้ราชการไม่ท่วมหัว หักไม่เกิน 70% ของเงินเดือน
13. ลดรายจ่าย SME : บรรเทาผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ, ลดภาษีนิติบุคคล SME ให้เหลือ 0-15%, หักค่าใช้จ่ายเหมาภาษี เพิ่มจาก 60% เป็น 90%
14. เพิ่มแต้มต่อให้ SME : หวยใบเสร็จ ซื้อของร้านค้ารายย่อย ทั้งคนซื้อคนขายได้หวย ลุ้นรวยเงินล้าน, ลดหย่อนภาษีให้ธุรกิจที่ซื้อจาก SME
15. เติมตลาดให้ SME : โควตาชั้นวางสำหรับสินค้า SME ในห้างใหญ่, คูปองแลกซื้อสินค้าท้องถิ่น
16. เติมทุนให้ SME : ทุนแสนตั้งตัว 2 แสนรายต่อปี และทุนล้านตั้งตัว 2.5 หมื่นรายต่อปี ไม่ต้องวางหลักประกัน
17. รวมกลุ่ม SME: จัดตั้งสภา SMEs ทุกจังหวัด
18. ปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้า ทลายทุนผูกขาด
19. เพิ่มการแข่งขันในธุรกิจการเงิน เพิ่มจำนวนใบอนุญาต Virtual Bank อย่างน้อย 3 เท่า
20. ส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health & Wellness Tourism)
21. ส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวสีเขียว (Green Tourism)
22. ส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยว-ทำงาน (Workation)
23. ปลดล็อกผู้ประกอบการรายย่อยด้านการท่องเที่ยว
24. ส่งเสริมเทศกาลดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดปี
25. คุ้มครองเสรีภาพทางศิลปะ ยกเลิกการเซนเซอร์ เพิ่มความหลากหลายทางศิลปะ รัฐไม่แทรกแซง ไม่ทำตัวเป็นตำรวจศีลธรรม ไม่แช่แข็งวัฒนธรรม เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรม เป็นกระทรวงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมสร้างสรรค์
26. รื้อกฎระเบียบ-ใบอนุญาต ถ่ายทำหนังในไทยได้สะดวก ตั้งเงื่อนไขส่งเสริมคนไทย เพิ่มพื้นที่ผลิตและแสดงงานสร้างสรรค์ (เช่น co-studio แกลเลอรี่)
27. กำหนดสัดส่วนเวลาฉายขั้นต่ำสำหรับภาพยนตร์ไทย-ท้องถิ่นในโรงหนัง ทลายการผูกขาดในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
28. คุ้มครองสวัสดิภาพและสิทธิแรงงานสร้างสรรค์และคนทำงานในกองถ่าย
29. อาชีพให้บริการทางเพศ (sex worker) ถูกกฎหมาย ปลดล็อกเซ็กซ์ทอย (sex toy) และหนังผู้ใหญ่
30. ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า อนุญาตให้มีการผลิต นำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยได้ มีข้อกำหนดเช่นเดียวกับบุหรี่ เช่น จำกัดอายุผู้สูบ ห้ามสูบในที่สาธารณะ การห้ามโฆษณาและจัดโปรโมชัน และต้องมีมาตรการในการป้องกันนักสูบหน้าใหม่ เช่น การห้ามแต่งกลิ่นและรสของผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า
สำหรับนโยบาย 100 วันแรกที่พรรคก้าวไกลจะทำมีดังนี้..
1. ประชามติ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จัดให้มีการทำประชามติเพื่อถามประชาชนว่าควรมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ภายใน 100 วันแรก ของรัฐบาลก้าวไกล
2. ยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกในชายแดนใต้ ยุติการใช้กฎอัยการศึกในจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการคลี่คลายสถานการณ์รุนแรง
3. ประชามติยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ไม่มีใครตกงาน-เสียประโยชน์ โดยจะจัดให้มีประชามติภายใน 1 ปี เพื่อถามประชาชนว่าเห็นชอบหรือไม่ ให้มีการยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค และโอนถ่ายอำนาจการบริหารจังหวัดไปสู่ท้องถิ่น หากประชามติได้รับความเห็นชอบจากประชาชน จะปูทางไปสู่การเปลี่ยนสังกัดของข้าราชการส่วนภูมิภาคและฝ่ายท้องที่ (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน)
โดยไม่มีตำแหน่งใดที่หาย และไม่มีใครตกงานหรือสูญเสียสิทธิประโยชน์ที่เคยได้รับ เดิมที่ทำแยกกันภายใต้ผู้ว่าฯ แต่งตั้ง อธิบดีกรม ปลัดกระทรวง เป็นการทำงานร่วมกันภายใต้ผู้บริหารท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในพื้นที่ จากเดิมที่ทำงานแยกกันภายใต้ผู้ว่าฯ แต่งตั้ง อธิบดีกรม ปลัดกระทรวง ที่ถูกแต่งตั้งโดยราชการส่วนกลาง ไปเป็นรูปแบบใหม่ที่มีการทำงานร่วมกันภายใต้ผู้บริหารท้องถิ่น (นายกจังหวัด) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในพื้นที่
4. ยกเลิกกฎระเบียบและคำสั่ง คสช. ที่ล็อกคอ-ล้วงลูกท้องถิ่น ยกเลิกคำสั่ง คสช. 8/2560 ที่เข้ามาแทรกแซงการบริหารงานบุคคลของ อปท. ทำให้ท้องถิ่นขาดกำลังคน และยกเลิกกฎระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ที่จำกัดอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และไม่จำเป็นต่อการบริหารราชการท้องถิ่น เช่น การใช้จ่ายประมาณของท้องถิ่น การสอบสวนผู้บริหารท้องถิ่น การลาของผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น การเห็นชอบข้อบัญญัติท้องถิ่น
5. ห้ามใช้เงินหลวงโปรโมตตัวเอง ตรวจสอบการใช้งบประชาสัมพันธ์ภาครัฐอย่างเข้มข้น และกำหนดว่าการใช้งบจะต้องเป็นการโฆษณาโครงการ หรือผลงานของหน่วยงานเท่านั้น โดยห้ามไม่ให้ใช้เพื่อโฆษณาตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี อธิบดี หรือหัวหน้าหน่วยงาน ที่ไม่ได้ควักเงินตัวเองมาทำโครงการ
6. กฎโรงเรียนต้องไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน ออกข้อกำหนด กฎโรงเรียนต้องห้าม เพื่อไม่ให้โรงเรียนออกกฎระเบียบของโรงเรียนที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของนักเรียน (เช่น การบังคับเรื่องทรงผม การลงโทษด้วยวิธีรุนแรงทุกประเภท การบังคับให้เด็กบริจาคเงินหรือสิ่งของ การบังคับซื้อของ และการบังคับให้ทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอน) รวมถึงอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของเด็ก
7. ครูละเมิดสิทธิ พักใบประกอบทันที พักใบประกอบวิชาชีพครูทันทีเมื่อมีการละเมิดสิทธิเด็ก (เช่น การทำร้ายร่างกายเด็ก การล่วงละเมิดทางเพศ) เพื่อป้องกันไม่ให้มีการงดโทษหรือลงโทษเพียงแค่ย้ายโรงเรียน ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่ปลอดภัยของผู้เรียนในสถานศึกษาอื่น
แก้ปัญหาการปกปิดความผิดโดยโรงเรียนเมื่อเกิดเหตุการละเมิดสิทธิกับนักเรียน ผ่านการจัดให้มีผู้ตรวจการนักเรียน (Student Ombudsman) ที่ขึ้นตรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เป็นช่องทางร้องเรียนที่เป็นอิสระจริงจากโรงเรียน-เขตพื้นที่
8. เลิกให้ครูนอนเวร ยกเลิกการให้ครูนอนเวรเฝ้าโรงเรียน เพื่อให้คุณครูสามารถโฟกัสไปที่การเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนได้อย่างเต็มที่
9. ยกเลิกพิธีรีตองในการประเมินครู-รับแขก เช่น การจัดแต่งอาคารสถานที่ต้อนรับผู้ประเมิน เพื่อให้คุณครูสามารถโฟกัสไปที่การเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนได้อย่างเต็มที่
10. เปลี่ยนนิคมสหกรณ์เป็นโฉนดทันที เร่งเปลี่ยนที่ดินนิคมสหกรณ์ทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นเอกสารสิทธิ หรือโฉนดให้เกษตรกรและประชาชนทันที
11. หยุดบังคับติดตั้งระบบ AIS ยกเลิกนโยบายกำหนดให้เรือประมงพาณิชย์ติดตั้งระบบ AIS ที่ซ้ำซ้อนกับ VMS ที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้เหลือเพียงระบบเดียว
12. ค่าไฟแฟร์ ถูกและเป็นธรรมสำหรับประชาชน ลดค่าไฟให้กับประชาชนได้อย่างน้อย 70 สตางค์ต่อหน่วย (เฉลี่ยบ้านละ 150 บาท) โดยปรับนโยบายเพื่อให้ความสำคัญกับประชาชนก่อนกลุ่มทุน (เช่น การเปลี่ยนนโยบายก๊าซธรรมชาติให้โรงแยกก๊าซร่วมหารต้นทุนก๊าซใน Energy Pool ด้วย และให้ก๊าซจากอ่าวไทยขายให้โรงไฟฟ้าก่อนโรงงานอุตสาหกรรม หรือขายก๊าซให้โรงงานอุตสาหกรรมในราคา LNG เพื่อให้ก๊าซจากอ่าวไทยราคาถูกกว่าป้อนโรงไฟฟ้าได้มากขึ้น) เจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับสัมปทานทุนใหญ่พลังงานใหม่ เพื่อลดต้นทุนที่เกิดขึ้นจากค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่อง
13. หลังคาสร้างรายได้ เปิดเสรีโซลาร์เซลล์ ประกันราคาซื้อพลังงานสะอาดสำหรับครัวเรือน
14. ลดรายจ่าย SME : หักค่าใช้จ่ายเหมาภาษี เพิ่มจาก 60% เป็น 90%
15. เพิ่มแต้มต่อให้ SME: หวยใบเสร็จ ซื้อของร้านค้ารายย่อย ทั้งคนซื้อคนขายได้หวย ลุ้นรวยเงินล้าน โดยจะเพิ่มลูกค้าให้ SMEs โดยการเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนที่เลือกซื้อสินค้า SME ได้รับแถมสลากกินแบ่งของรัฐบาลไปลุ้นรางวัล
สำหรับคนซื้อ หรือประชาชนทั่วไป: เมื่อซื้อสินค้าจาก SMEs ครบ 500 บาท สามารถแลกสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ 1 ใบ (จำกัดไม่เกิน 2 ใบ/คน/เดือน และจำนวน 10 ล้านคน/เดือน) เพิ่มโอกาสลุ้นหวยให้ SMEs โดยการนำยอดขายมาแลกเป็นสลากกินแบ่งของรัฐบาลได้ด้วย
สำหรับคนขาย หรือผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ : เมื่อขายสินค้าครบ 5,000 บาท สามารถแลกสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ 1 ใบ.