ไวรัสเมอร์ส ตัวร้าย สายพันธุ์ใหม่ โผล่ที่เอเชียแล้ว
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 24, 2024, 12:25:43 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไวรัสเมอร์ส ตัวร้าย สายพันธุ์ใหม่ โผล่ที่เอเชียแล้ว  (อ่าน 1918 ครั้ง)
nongtop
ผู้ช่วย Admin
member
*****

คะแนน682
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1433


อีเมล์
« เมื่อ: มิถุนายน 04, 2015, 12:02:06 pm »


ไวรัสเมอร์ส (MERS) โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศเตือ­­­­นให้เฝ้าระวัง แม้จะยังไม่เข้ามาในประเทศไทย แต่การที่มีข่าวพบผู้ป่วยในประเทศจีนและเกาหลีใต้ ก็ทำให้เราต้องรู้จักโรคนี้กันไว้บ้าง..

ไวรัสเมอร์ส คืออะไรกันแน่ ?

          ไวรัสเมอร์ส (MERS) ย่อมาจาก Middle East Respiratory Syndrome มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือบ้างก็ขนานนามโรคนี้ว่า เมอร์สคอฟ (MERS-CoV) เนื่องจากเป็นโรคจากการติดเชื้อในกลุ่มโคโรน่าไวรัส (Coronavirus: CoV) ซึ่งจัดเป็นไวรัสตระกูลใหญ่ที่เคยส่งโรคไข้หวัดใหญ่และโรคซาร์ส­­­ (SARS) ­มาระบาดไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน





ต้นกำเนิดไวรัสเมอร์ส
    ไวรัสเมอร์สเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2012 โดยพบผู้เสียชีวิตด้วยไวรัสตัวนี้ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นท­­­­ี่แรก ซึ่งคาดว่าพาหะมาจากอูฐ และความรุนแรงของไวรัสเมอร์สก็คร่าชีวิตผู้คนกว่า 100 ราย อีกทั้งยังกระจายการแพร่ระบาดไปยังประเทศจอร์แดน, กาตาร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ตูนีเซีย, อียิปต์, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา และล่าสุด (มิถุนายน 2558) ก็พบเชื้อไวรัสตัวนี้ที่เกาหลีใต้และประเทศจีนแล้วด้วย

การระบาดของไวรัสเมอร์ส

          ..ไวรัสเมอร์สเป็นไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการโรคทางเ­­­­ดินหายใจ การแพร่ระบาดของเชื้อชนิดนี้จึงอาศัยละอองเสมหะเมื่อเกิดอาการไ­­­­อหรือจามของมนุษย์เป็นแหล่งซ่อนตัวและเกาะไปตามเชื้อ เมื่อคนที่ยังไม่ป่วยสัมผัสกับละอองเชื้อโรคเหล่านี้ ไวรัสเมอร์สก็สบโอ­กาสที่จะมีแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อไวรัสใหม่ การแพร่ระบาดจึงกระจายจากคนสู่คนได้





อาการโรคไวรัสเมอร์ส

          อาการที่สังเกตได้ว่าติดเชื้อไวรัสเมอร์สมักพบตั้งแต่ไม่มีอากา­­­­รแสดงออกจนกระทั่งมีอาการรุนแรงแล้ว โดยเริ่มแรกอาจมีอาการไอ มีไข้ หายใจลำบาก หรือบางคนที่มีภูมิต้านทานค่อนข้างแข็งแรงอาจมีอาการคล้ายคนเป็­­­­นไข้หวัดธรรมดาและจะหายเป็นปกติในเวลาไม่นาน ทว่าสำหรับคนที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัวแทรกซ้อนอยู่อาก­­­­ารก็จะรุนแรง โดยอาจมีไข้สูงและมีอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น ท้องเสีย ปวดมวนท้อง คลื่นไส้อาเจียน และในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงมาก ๆ อาจมีภาวะปอดบวมหรือไตวายร่วมด้วย

          อัตราการเสียชีวิตจากไวรัสเมอร์สอยู่ที่ 30% โดยจะมีผลรุนแรงต่อคนที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำและเหล่าคนที่เป็น­โร­­คเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน มะเร็ง โรคหัวใจ โรคปอด หรือโรคไต เป็นต้น

 การเฝ้าระวัง

          เชื้อไวรัสเมอร์สมีระยะเวลาฟักตัวอยู่ที่ 2-14 วัน ดังนั้นหากผู้ป่วยมีอาการไข้ ไอ หายใจเร็ว และหอบ ภายในระยะเวลา 14 วันหลังจากเพิ่งเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงของเชื้อไวรัสเมอร์ส หรือมีอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่รุนแรงแต่ไม่สามารถหา­­­­เชื้อที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคได้ควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อไว­รั­­ส­เมอร์สโดยด่วน





การรักษาโรคเมอร์ส
    ..ปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่มีข้อจำกัดในการใช้ยาต้านไวรัสเมอร์ส­­­­ เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาใหม่ จึงทำได้เพียงรักษาตามอาการและประคับประคองชีวิตคนไข้ไปจนกว่าอ­­­­าการอักเสบในระบบทางเดินหายใจจะหายเป็นปกติดี แต่สำหรับผู้ป่วยขั้นรุนแรงอาจต้องรักษาด้วยยาต้านไวรัส Oseltamivir ในขนาดที่ใช้รักษาอาการไข้หวัดใหญ่ไปก่อน

แนวทางการป้องกันไวรัสเมอร์ส

          กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ

          เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ หลีกเลี่ยงอาหารค้างคืน

          รักษาสุขอนามัยของตนเอง หากไอหรือจามควรใช้ทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง

          หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสตา จมูก ปาก และใบหน้า โดยเฉพาะหากยังไม่ได้ล้างมือให้สะอาด

          สวมหน้ากากอนามัยหากต้องอยู่ในที่แออัด

          พยายามหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด เช่น จูบ กับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงโรคเมอร์ส

          หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประเทศใกล้เคียง และประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศจีนในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสอยู่

           รักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

สถานการณ์เชื้อไวรัสเมอร์สในประเทศไทย

          แม้ว่าในประเทศไทยยังไม่พบรายงานผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเมอร์สสัก­­­­ราย แต่หลังจากมีรายงานว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 ที่ประเทศเกาหลีใต้ หลังจากผู้ป่วยเดินทางกลับจากประเทศในตะวันออกกลาง และล่าสุดมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2558) กระทรวงสาธารณสุขก็ประกาศให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยา­­­­บาลทุกแห่ง เฝ้าระวังผู้ป่วย เน้นกลุ่มที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในสถานพยาบาลในระดับสูงสุดเช่นเดียวกั­­­­บโรคซาร์ส

          อีกทั้งยังสั่งให้กรมควบคุมโรควางแผนการดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิม­­­­ที่จะเดินทางไปร่วมพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยจัดให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามที่กระทรวงสาธารณสุขประเท­ศ­ซาอุดีอาระเบียกำหนด พร้อมทั้งจัดระบบตามเฝ้าระวังสุขภาพหลังเดินทางกลับและจัดทำคำแ­­นะนำในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรคแก่ประชาชนทั่วไปที่จะเดินทา­­­ง­ไปยังพื้นที่เสี่ยงด้วย

          อย่างไรก็ดี จากฐานข้อมูลของประเทศซาอุดีอาระเบียสรุปยอดผู้ป่วยจากการติดเช­­­­ื้อไวรัสเมอร์สตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2555 จนถึง ณ ปัจจุบัน (เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558) ได้ทั้งหมด 965 ราย เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 419 ราย ซึ่งก็ถือเป็นไวรัสที่มีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างน่ากังวลพอสม­­­­ควร  ดังนั้นช่วงเวลานี้เราจึงต้องดูแลสุขอนามัยของตัวเองเป็นอย่างดี­­­­ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากไวรัสเมอร์สได้ไม่มาก­­­­ก็น้อย






จาก

http://www.leksound.net/board/index.php/topic,49.0.html


บันทึกการเข้า

..กำลังหาเพื่อนร่วมเรียน+ปรึกษา..pre degreeนิติศาสตร์รามปี2ครับ


หาเงินหลักหมื่น/เดือนได้ไม่ยาก หากท่านชอบถ่ายภาพ..สนใจสมัครที่ shutterstockได้เลย..คลิ๊ก!!ครับ. Huh?
 

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!