เผยภาพ 2 ผู้ต้องสงสัย คาดเป็นวินาทีกดบึ้ม เร่งตรวจสอบโยงคดีระเบิดมีนบุรีหรือไม่ เนื่องจากใช้ระเบิดชนิดเดียวกัน ชี้น่าจะแค่ก่อกวน ไม่ได้หมายเอาชีวิต ลั่นจะเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้.. วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานข่าวความคืบหน้าหามือบึ้มหน้าพารากอน โดยระบุว่า เมื่อวานนี้ (2 กุมภาพันธ์) พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลาง ได้เดินทางไปตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุบนทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีสยามอีกครั้ง เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งนี้พบชิ้นส่วนประกอบอุปกรณ์ระเบิด อาทิ ตะปูขนาด 3 นิ้ว จำนวน 6 ตัว, นอต 1 ตัว และถ่านอัลคาไลน์ขนาด 2เอ อีก 1 ก้อน ตกอยู่ในสระน้ำของลานน้ำพุด้านห้างพารากอน
ทั้งนี้ พล.ต.ท. ประวุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถชี้ชัดว่ากลุ่มใดเป็นผู้ก่อเหตุ จึงยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง การสร้างสถานการณ์ หรือความขัดแย้งส่วนตัว และได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เร่งหาภาพกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดมาตรวจสอบแล้ว ส่วนระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นไปป์บอมบ์ ซึ่งระเบิดชนิดนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก คาดว่าน่าจะก่อเหตุเพื่อให้เกิดความวุ่นวายมากกว่าเอาชีวิต
สำหรับประเด็นที่มองว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อคงกฎอัยการศึกเอาไว้ พล.ต.ท. ประวุฒิ ระบุว่า คงไม่ใช่ประเด็นนี้ เพราะกฎอัยการศึกเป็นการตัดสินใจของฝ่ายความมั่นคงอยู่แล้ว โดยหลังจากนี้ ต้องนำมาดูว่า มีกลุ่มไหนบ้างที่เคยเกี่ยวข้อง และมีกลุ่มไหนบ้างที่มีพฤติการณ์ใช้ระเบิดในลักษณะดังกล่าว
ขณะที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ระบุว่า มีความคืบหน้าในเรื่องนี้พอสมควร ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นลักษณะท่อเหล็กใช้วิธีจุดชนวนด้วยการต่อสายไฟ ทุกอย่างบริเวณที่เกิดเหตุตำรวจได้เก็บรวบรวมไว้หมดแล้ว และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดตามภาพจากกล้องวงจรปิดประมวลหาผู้ต้องสงสัย เช่น ชายถือถุงสีส้ม ซึ่งพบว่ามีบุคคลที่ถือถุงลักษณะดังกล่าวคล้ายกันหลายคน จำเป็นต้องคัดกรองว่าบุคคลใดเป็นผู้ต้องสงสัย
ส่วนการก่อเหตุของคนร้าย คาดว่าน่าจะหวังผลหลายอย่าง แต่ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ ส่วนตัวขอประณามว่าเป็นการกระทำที่อำมหิต เพราะเกิดเหตุช่วงเวลาหัวค่ำและมีผู้คนพลุกพล่าน ถ้าเกิดมีคนโดนระเบิดอาจจะสูญเสียมากกว่านี้ก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี พล.ต.อ. จักรทิพย์ กล่าวว่า มีภาพชายผู้ต้องสงสัย 2 คนแล้ว ซึ่งจะนำข้อมูลเก่ามาเปรียบเทียบ ว่าคดีระเบิดในนครบาลทั้งหมดมีกี่ครั้ง กี่ท้องที่ แต่เท่าที่ตรวจสอบดูเบื้องต้นก็พบว่าระเบิดที่ใช้นั้น ลักษณะเหมือนกันกับคดีบึ้มย่านมีนบุรี และการที่ใส่ตะปูเข้าไปด้วยนั้น ต้องหวังผลอยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นการข่มขู่ วางอย่างเดียวตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใส่ตะปู สำหรับตนเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะมีประมาณ 2-3 คน หรือมากกว่านั้น ส่วนที่บอกว่าเป็นกลุ่มช่างกลนั้น ไม่น่าใช่ เพราะเด็กช่างกลไม่ใช้ระเบิดประเภทนี้ มักใช้ระเบิดปิงปองและประทัดยักษ์มากกว่า
ส่วนทางด้าน พล.ต.ต. รณกร ศุภสมุทร ผบก.อก.ภ.3 ช่วยราชการ บช.น.ที่เคยเป็น ผบก.กองสรรพาวุธ มาก่อน เผยว่า จากการตรวจสอบระเบิด คนร้ายใช้ท่อเหล็กขนาด 20 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร และใช้แผ่นเหล็กเชื่อมปิดก้นกระบอก ส่วนปากกระบอกเป็นเกลียวใช้ฝาเหล็กหมุนปิดปากเอา ใช้ดินระเบิดแรงต่ำหรือดินเทามาบรรจุตะปู นอต ทำเป็นสะเก็ดระเบิด รัศมีฉกรรจ์จะอยู่ประมาณ 5 เมตร ส่วนรัศมีสะเก็ดระเบิดจะอยู่ในระยะ 5-10 เมตร ซึ่งอานุภาพของระเบิดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับดินระเบิดที่ใส่ลงไป ระเบิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คาดว่าคนร้ายใส่ไปไม่ถึง 1 กิโลกรัม เพราะตะปูที่ตกในที่เกิดเหตุไม่ได้บิดงอแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่าคนร้ายจุดระเบิดด้วยสายชนวน ไม่ได้ใช้นาฬิกาต่อชนวน
สำหรับภาพในกล้องวงตรปิดนั้น พบชายต้องสงสัย 2 ราย รูปร่างสันทัด คนแรกสวมหมวกสีขาวปิดบังใบหน้า สวมเสื้อยืดคอกลมสียาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ ในมือถือผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวเอาไว้ ส่วนชายอีกคนหนึ่ง สวมหมวกสีดำปิดบังใบหน้า ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ทั้งคู่เดินทางมาถึงบริเวณเกิดเหตุครั้งแรกเวลาประมาณ 19.20 น. ทำทีมาเดินดูลาดเลาก่อน จากนั้นเดินหายกลับเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าราว 30 นาที ออกมาอีกครั้งในเวลา 19.54 น. สะพายกระเป๋ามาด้วย แต่ชายคนที่สวมหมวกสีดำถือถุงพลาสติกสีส้มเพิ่มมาอีก 1 ใบ
ต่อมาชายคนที่สวมหมวกสีขาว ได้มุดเข้าไปในซอกระหว่างป้ายโฆษณา ส่วนชายหมวกสีดำเข้าไปยืนอยู่ตรงมุมเสาประตูลานเลื่อนของจุดบริการ ไม่นานชายสวมหมวกสีขาวก็ได้วิ่งกลับเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ขณะที่อีกคนแสดงอาการพิรุธเหมือนกดสิ่งของอะไรบางอย่างในกระเป๋า แล้ววิ่งตามหายเข้าไปในสถานีเช่นกัน หลังจากนั้นเพียง 10 วินาที ก็เกิดระเบิดขึ้นครั้งแรกเวลา 20.05 น. ตรงที่ชายหมวกขาวมุดเข้าไป และถัดจากนั้นอีก 32 วินาที ก็เกิดเหตุครั้งที่ 2 จนประชาชนที่เดินผ่านไปผ่านมาแตกตื่นหนีกันอลหม่าน
อย่างไรก็ดี พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า จากหลักฐานที่เก็บไว้ได้จะนำไปสู่การออกหมายจับ และมั่นใจว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน
http://www.1009seo.com/