ธรรมะจากหลวงปู่ ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะจากหลวงปู่ ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์  (อ่าน 1352 ครั้ง)
kittanan_2589
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน630
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2363


NightBaron


เว็บไซต์
« เมื่อ: เมษายน 21, 2011, 10:27:15 pm »

ธรรมะจากหลวงปู่ ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์



หลวงปู่ดูลย์ อตุโล หลวงปู่ถือกำเนิด ณ บ้านปราสาท ตำบลเฉนียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2431 ตรงกับแรม 2 ค่ำ เดือน 11 ปีชวด ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โยมบิดาของท่านชื่อ นายแดง โยมมารดาชื่อ นางเงิม นามสกุล ดีมาก หลวงปู่มีพี่น้อง 5 คน คนแรกเป็นหญิงชื่อ กลิ้ง คนที่สองคือตัวหลวงปู่เอง ชื่อ ดูลย์ คนที่สามเป็นชายชื่อ เคน คนที่สี่และห้าเป็นหญิงชื่อ รัตน์ และ ทอง พี่น้องทั้ง 4 คนของท่านมีชีวิตจนถึงวัยชรา และทุกคนเสียชีวิตก่อนที่จะมีอายุถึง 70 ปี มีเพียงหลวงปู่เท่านั้นที่ดำรงอายุขัยอยู่จนถึง 96 ปี

                     อุปสมบท ณ วัดจุมพลสุทธาวาส อ.เมือง จ.สุรินทร์ ในพ.ศ. 2453 โดยมีพระครูวิมลศีลพรต เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อแรกบวช หลวงปู่ได้พากเพียรศึกษาการปฏิบัติกรรมฐานอย่างเคร่งครัด มีความวิริยะ อุตสาหะอย่างแรงกล้า จนล่วงเข้าพรรษาที่ 6 หลวงปู่จึงหันมาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดสุทัศน์ จังหวัดอุบลราชธานี สอบได้นักธรรมชั้นตรีเป็นรุ่นแรก ของจังหวัดอุบลราชธานี และได้ศึกษาบาลีไวยากรณ์ (มูลกัจจายน์) จนสามารถแปลพระธรรมบทได้ เนื่องจากวัดสุทัศน์ เป็นวัดที่อยู่ในสังกัดธรรมยุตินิกาย หลวงปู่จึงได้ขอญัตติเป็นธรรมยุตินิกายในพ.ศ. 2461 ณ วัดสุทัศน์โดยมีพระมหารัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ และในพรรษาต่อมาหลวงปู่ได้มีโอกาสพบ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เมื่อได้ฟังธรรมเพียงครั้งเดียว จากพระอาจารย์มั่น ก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง จึงได้เลิกศึกษาพระปริยัติแล้วออกธุดงค์ตามพระอาจารย์มั่น ไปยังที่ต่างๆ หลายแห่ง จึงนับได้ว่าหลวงปู่เป็นศิษย์พระอาจารย์มั่นในสมัยแรก ต่อมาเจ้าคณะมณฑลนครราชสีมาขอให้หลวงปู่กลับ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อบูรณะวัดบูรพาราม หลวงปู่จึงจำต้องระงับกิจธุดงค์และเริ่มงานบูรณะตามที่ได้รับมอบหมาย หลวงปู่ได้อุทิศชีวิต เพื่อพระศาสนาอย่างแท้จริง จนได้รับการยอมรับจากสาธุชนทั้งหลาย ว่าเป็นอริยสงฆ์ที่หาได้ยากยิ่งองค์หนึ่ง มรณภาพเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2526 อายุ 96 ปี 74 พรรษา

                 "ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้า-ชาติหลัง หรือ นรก-สวรรค์อะไรก็ได้ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรง ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ ถ้าสวรรค์มีจริงถึง 6 ชั้น ตามตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ก็ย่อมได้เลื่อนฐานะของตนเองตามลำดับ หรือถ้า สวรรค์-นิพพานไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีในขณะนี้ย่อมไม่ไร้ประโยชน์ ย่อมอยู่เป็นสุข เป็นมนุษย์ชั้นเลิศ "

คำสอน

"จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ" [1]


"คิดเท่าไรๆ ก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดได้จึงรู้ แต่ต้องอาศัยความคิดนั้นแหละจึงรู้"
อธิบาย : การที่คิดมาก ปล่อยหลงไปตาม กิเลส จะทำให้ไม่รู้ สภาวะธรรมที่แท้จริง จนกระทั่งได้หยุดคิด แต่ก็อาศัยโยนิโสมนัสิการ ในการพิจารณาดูจิต

                     นี่คือรูปถ่าย"กายทิพย์" หลวงปู่ดูลย์ที่ถ่ายออกมาแล้ว มี"รูปท่าน"นั่งสมาธิซ้อนอยู่ตรงกลางอก (หลายคนคงคิดว่า เป็นการถ่ายภาพซ้อน แต่หากทราบข้อมูลลึกๆ จะทราบว่า หลวงปู่ดูลย์ไม่เคย"เก๊กท่า" นั่งสมาธิให้ใครถ่ายรูปเลย) เมื่อมีผู้เอารูปนี้ไปให้ท่านดู ท่านบอกว่า ตอนนั้น ท่าน"กำหนดจิต"อยู่ที่กลางอกนั่นเอง เมื่อถ่ายภาพมา จึงเห็นเป็นรูปท่านนั่งสมาธิกลางอกด้วยประการฉะนี้ (และรูปนี้เอง จึงเป็นที่มาของ"เหรียญกายทิพย์" พ.ศ. 2521 อันโด่งดังและมีประสพการณ์มากที่สุด


"ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละ เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด"



กระผม Kittanan kathaisong ขอนอบน้อม นำไปปฏิบัติครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://th.wikipedia.org/wiki/หลวงปู่ดูลย์_อตุโล
http://www.kammatan.com

เพิ่มเติม..
"ขอให้ท่านทั้งหลายจงสำรวจดูความสุขว่าตรงไหนที่ตนเห็นว่ามันสุขที่สุดใน ชีวิต ครั้นสำรวจดูแล้วมันก็แค่นั้นแหละ แค่ที่เราเคยรู้เคยพบมาแล้วนั่นเอง ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น มากกว่านั้นไม่มี โลกนี้มีอยู่แค่นั้นเอง แล้วก็ซ้ำๆ ซากๆ อยู่แค่นั้น เกิดแก่เจ็บตายอยู่ร่ำไป มันจึงน่าจะมีความสุขชนิดพิเศษกว่า ประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น พระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจากความสงบกาย สงบจิต สงบกิเลสเป็นความสุขที่ปลอดภัยหาสิ่งใดเปรียบมิได้เลย"

---------------------------------------------------------
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

อริยสัจแห่งชีวิต

จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ

พระราชวุฒาจารย์
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)

"ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละ เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดคือทุกข์ สิ่งนั้นเป็น-อนัตตา-

--- (O_o') ---

รักษาจิตเช่นนี้ไว้เรื่อยๆ
ให้ "รู้อยู่เฉยๆ"
ไม่ต้องไปจำแนกแยกแยะ
อย่าบังคับ
อย่าพยายาม
อย่าปล่อยล่องลอยตามยถากรรม ...
(ธรรมของหลวงปู่)

................... ................... ................... ................... ................... ................... .


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: