ธรรมะพลิกชีวิตจาก"นักบินหญิง"สู่"แม่ชี"เชื่อ"สุขที่แท้จริง"มีในร่มเงาพุทธศาสนา
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะพลิกชีวิตจาก"นักบินหญิง"สู่"แม่ชี"เชื่อ"สุขที่แท้จริง"มีในร่มเงาพุทธศาสนา  (อ่าน 2134 ครั้ง)
kittanan_2589
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน630
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2363


NightBaron


เว็บไซต์
« เมื่อ: ธันวาคม 07, 2010, 05:32:23 am »

ธรรมะพลิกชีวิตจาก "นักบินหญิง" สู่ "แม่ชี" เชื่อ "สุขที่แท้จริง" มีในร่มเงาพุทธศาสนา





หากชีวิตมนุษย์ในยุคนี้จะให้ความสำคัญกับความสุขทางโลกที่มี เงิน งาน ความรัก เป็นจุดศูนย์กลางแล้ว เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะพอใจกับภาวะเช่นนั้น แต่ยังมีอีกหลายๆคนที่มีความพร้อมทั้งสามสิ่งแต่ยังไม่หยุดที่จะแสวงหาความ สุขที่เชื่อว่าเป็น “ความสุขที่แท้จริง” อย่างเช่น ชีวิตของ “สิริมตี นิมมานเหมินท์” หรือ “ติ๊บ” นักบินสอง บริษัทบางกอกแอร์เวย์ ที่วันนี้เธอเลือกที่จะแสวงหาความสุขที่ยั่งยืนด้วยการก้าวสู่ร่มธรรม แทนการใช้ชีวิตทางโลก ด้วยการ “บวชชี”

• “บวชชี” เพื่อแสวงหาความสุขที่แท้จริง

หลายๆคนคงตั้งคำถามสำหรับผู้หญิงที่จะก้าวสู่ร่มเงา พระพุทธศาสนาว่า เพราะเหตุใดผู้หญิงสวย หน้าที่การงานดี ชาติตระกูลดี มีความพร้อมในทุกๆด้าน เลือกที่จะไปบวชชี แทนการใช้ชีวิตที่แสนจะสุขสบายในทางโลก

สิริมตีบอกว่า เดิมทีก็ใช้ชีวิตในสังคมอย่างคนทั่วๆไป คือเรียนหนังสือ จบแล้วหางานทำ แต่งงานมีครอบครัว และการใช้ชีวิตทางโลกเราก็จะให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าด้านจิตใจ ทำให้เกิดความทุกข์และเราก็เที่ยวไปโทษคนอื่นๆว่าทำให้เราเกิดทุกข์ ชีวิตมันวนเวียนอยู่อย่างนี้จนอายุ 23 ปี ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อคุณแม่เสนอให้เราไปปฏิบัติธรรม และจากนั้นก็ปฏิบัติเรื่อยมา จนวันหนึ่ง เราเล็งเห็นว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เรา “จิตใจ” มีความสำคัญที่สุด ทำไมเราไม่ให้อาหารจิตใจเราอย่างเต็มที่เสียที โดยการแสวงหาความสุขที่แท้จริงซึ่งมันมีอยู่รอบๆตัวเรา นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจออกบวชชีของเธอไม่ได้เป็นโครงการใหญ่ที่คิดจะทำ ในช่วงนั้นเธอคิดแต่เพียงการแสวงหาความสุขให้กับจิตใตของตัวเอง และคิดว่าพระพุทธศาสนาจะเป็นคำตอบให้เธอดีที่สุด

“แม่นาว” ซึ่งเป็นชื่อที่เธอใช้เรียกตนเอง ยอมรับว่าคนส่วนมากในสังคมไทยจะมองผู้หญิงที่ไปบวชชีว่าส่วนใหญ่แล้วเกิดจาก ความผิดหวังในการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตครอบครัว การงาน หรือแม้แต่เรื่องการเงิน แต่ตัว “แม่นาว” ไม่ได้พบกับปัญหาเหล่านั้น ตรงกันข้ามเธอมีพร้อมทุกๆอย่าง ทั้งครอบครัวที่อบอุ่น ชีวิตสมรสที่สมหวัง หน้าที่การงานที่ผู้หญิงน้อยคนจะมีโอกาสได้ทำ เพียงแต่มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง จนได้เห็นสัจธรรมว่า ความตายอยู่แค่เอื้อม มนุษย์ทุกคนรู้แต่วันเกิด ไม่มีใครรู้วันตายของตัวเอง ทำให้แม่ชีได้คิดว่าจะทำอะไร อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับชีวิตตัวเอง

ที่สุดเมื่อใกล้วันเข้าพรรษาปีนี้เอง เธอตัดสินใจขอลาบวช เพื่อต้องการที่จะไปแสวงหาความสุขที่เธอเชื่อว่า เป็นความสุขที่แท้จริง ซึ่งทางบริษัทก็มิได้ขัดข้อง อนุมัติให้เธอลาบวชชีได้สองเดือน ส่วนอีกหนึ่งเดือนแม่ชีแจ้งความประสงค์ว่าจะไม่ขอรับเงินเดือน

“วัน ที่ตัดสินใจบวชชีนั้น แม่นาวได้ขออนุญาตจากสามีแล้ว และเขาก็เห็นด้วย พร้อมอนุโมทนาบุญ ฉะนั้น การบวชชีในครั้งนี้จึงเป็นการบวชชีที่ปลอดโปร่งที่สุด เมื่อเข้าสู่ร่มเงาพระพุทธศาสนาเต็มตัวแล้ว เราก็จะได้มีเวลาศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเต็มที่ และเรายังได้มีโอกาสได้ดูแลร่างกายและจิตใจของตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญการตัดสินใจในครั้งนี้ แม่นาวถือว่าเป็นการใช้เวลาที่คิดว่ามีประโยชน์ที่สุดในชีวิต”

• อิ่มใจกับงานเผยแผ่ธรรม

การให้เวลากับการศึกษาในพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ ทำให้แม่ชีมีโอกาสที่จะศึกษาหาความรู้ด้านธรรมะโดยไม่ต้องแบ่งเวลาให้กับการ ใช้ชีวิตในทางโลก ซึ่งทำให้เป้าหมายใหญ่ที่ตั้งใจไว้ก่อนบวชว่า จะเป็นหนึ่งในคณะธรรมทายาทเผยแผ่ธรรมกับคนที่สนใจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการเผยแผ่นี้ถือเป็นงานสำคัญอย่างหนึ่งที่ผู้อยู่ในสมณเพศต้องปฏิบัติ และงานนี้จะได้ประโยชน์แก่ตัวผู้เผยแผ่และผู้ที่เข้ามารับการเผยแผ่ด้วย

“แม่นาวตัดสินใจบวชชีต่อจากเดิมที่คิดว่าจะลาในช่วงเข้าพรรษา โดยยื่นใบลากับบริษัทอีกสามเดือนเพื่อเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่าง ประเทศ ซึ่งที่นั่นมีญาติโยมที่สนใจจะศึกษาธรรมะเยอะมาก แต่ยังขาด คนที่มีความรู้ไปชี้แนะ ในโอกาสนี้แม่นาวถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิต ที่มีโอกาสร่วมเดินทางไปเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าร่วมกับแม่ชี ท่านอื่นๆ”

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดแม่นาวได้เดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเผยแผ่ธรรมะให้กับคนไทยและชาวต่างประเทศ ที่สนใจจะศึกษาพระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีอยู่มากมาย ในขณะที่ผู้ทำการเผยแผ่ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ

“คนไทย และชาวต่างชาติที่อยู่ในอเมริกาจำนวนหลายพันคน ยังต้องการผู้ที่มีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนา ไปให้ความรู้กับเขา แม่นาวเองก็เป็นหนึ่งในคณะแม่ชีซึ่งมีหน้าที่ต้องทำ และหน้าที่นี้ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดที่แม่นาว ตั้งใจที่จะทำ และคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้แม่นาวสุขใจ อิ่มใจที่สุด”

• แนะคนรุ่นใหม่ใช้ “ธรรมะ” นำชีวิต

โดยทั่วไปแล้วคนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรม มักจะคิดว่า การปฏิบัติธรรมสามารถทำได้เฉพาะผู้ที่ออกบวชเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกคนสามารถปฏิบัติธรรมได้ทุกเวลา ซึ่งแม่นาวบอกว่า การตัดสินใจปฏิบัติธรรมในช่วงแรกเราไม่คิดว่าจะได้หรือไม่ได้อะไร ไม่ได้หวังว่าธรรมะจะทำให้เรามองชีวิตได้ลึกซึ้ง เข้าใจแก่น แต่หลังจากได้ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังแล้ว ทำให้เราได้รู้ว่าแนวทางในการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้ยาก เราหรือใครๆก็สามารถทำได้ และอยากบอกผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมว่า เราสามารถทำได้ทุกๆช่วงเวลาไม่จำเป็นต้องไปปฏิบัติในวัดหรือสถานปฏิบัติธรรม แต่เราสามารถทำได้ในทุกอิริยาบถของชีวิต ซึ่งคนที่ปฏิบัติธรรมและเรียนรู้อย่างเข้าใจ จะเห็นว่าธรรมะเป็นมุมมองใหม่ของการดำเนินชีวิต

ทุกวันนี้คนทั่วไปอยู่กับความทุกข์ที่คิดว่าคนอื่นทำให้เรา แต่เรากลับไม่รู้ความจริงว่าความทุกข์ที่เราได้รับอยู่ทั้ง หมดที่ผ่านมา มันเป็นสิ่งที่เราทำให้กับตัวเราเอง ซึ่งคนทั่วไปไม่เข้าใจความจริง ไม่เข้าใจธรรมชาติ พอเราต้านธรรมชาติก็เหมือนเราต้านความจริง ทุกข์มันถึงเกิดขึ้นกับเรา

“ครั้งแรกที่แม่นาวเข้าปฏิบัติธรรม วิทยากรที่ฝึกเราบอกให้เราระบายสิ่งที่เราเป็นทุกข์ ข้องใจ ไม่เข้าใจ โดยให้ ผู้ร่วมอบรมทั้งหมดเล่าให้ฟัง ในครั้งนั้นเราถามวิทยากรว่า จะทำอย่างไรถ้าเราไม่ชอบ “ขี้หน้า” ใครคนหนึ่งในที่ทำงานแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องทนอยู่กับเขาหรือ? วิทยากรท่านตอบว่า ถ้าสมมติว่าเราเป็นเป็ดที่เดินบนบกก็ได้ ว่ายน้ำก็ได้ แล้วเป็ดอยากให้ไก่มาว่ายน้ำด้วย แต่ไก่ไม่ยอมลงมาสักที ทำให้เป็ดโมโหมาก

แล้ววิทยากรก็ถามเราว่า อย่างนี้คิดว่าเป็ดหรือไก่ที่บ้า บ้าเพราะอะไร ซึ่งครั้งนั้นทำให้เราได้รู้ว่าการคิดว่าคนนั้นไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะเราไม่เข้าใจธรรมชาติของเขา การเปลี่ยนธรรมชาติของคนอื่นจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ในการอบรมครั้งนั้นทำให้เราได้มุมมองใหม่ๆในการมองธรรมชาติของคน ซึ่งนั่นก็คือธรรมะ คือการเข้าใจธรรมชาติ นั่นเอง”

สำหรับผู้ที่คิดว่าธรรมะเป็นเรื่องยากที่จะปฏิบัติ แม่นาวจึงอยากบอกว่าการเข้าใจธรรมชาติของสิ่งรอบตัวเรา หมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบข้าง เข้าใจแล้วรับรู้และ “ทำใจ” ให้ยอมรับในสิ่งๆนั้นไม่ว่าจะเกิดหรือดับ ก็ถือว่าเราได้ปฏิบัติธรรมแล้ว ยิ่งการใช้ชีวิตปัจจุบันที่ต้อง เร่งรีบ เรายิ่งต้องนำธรรมะเข้ามาใช้ให้มากขึ้น ทำให้เป็นธรรมชาติ อย่าฝืนธรรมชาติ แม่นาวเชื่อว่าคนที่สามารถนำธรรมชาติ มาผสมผสานในการใช้ชีวิตประจำวันจนเกิดความเคยชินแล้ว ผู้ที่ปฏิบัติตามจะได้รู้ว่า ความจริงแล้วธรรมะก็คือธรรมชาติ ทุกคนสามารถปฏิบัติธรรมได้ตลอดเวลา

• อุทิศตัวเองเพื่อ “ธรรมะ”

การอยู่ในร่มเงาของพระพุทธศาสนาอย่างเต็มตัวในฐานะ “แม่ชี” เป็นเวลา 5 เดือนนับจากเข้าพรรษาไปจนถึงปลายปีนี้ ทำให้แม่นาวได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ได้อย่างเต็มที่ แต่หลังจากนั้น แม่นาวต้องกลับมาทำหน้าที่ “นักบิน” อีกครั้ง ซึ่งการใช้ชีวิตฆารวาสในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรแม่นาวบอกว่า พร้อมแล้วที่จะเผชิญการใช้ชีวิตแบบฆารวาสอีกครั้ง และคิดว่าครั้งนี้จะมี “หลัก” ในการดำเนินชีวิตที่มั่นคงแข็งแรงกว่าเดิม เพราะการที่ใช้เวลาศึกษาธรรมะนานถึง 5 เดือน ก็ทำให้เราได้รู้หลักและแก่นของการดำเนินชีวิตได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงที่สุด ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือต้องพัฒนาตัวเองให้ถึงพร้อม เพื่อยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน เพื่อให้เราได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้อย่างมีคุณค่า มีคุณภาพ

แม่นาวบอกว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ของแม่นาวนี้ แม้จะไม่ได้ดำรงอยู่ในสถานภาพแม่ชี แต่ก็ยังจะปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ และเมื่อใดที่ว่างเว้นจากการทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพแล้ว จะใช้เวลาทั้งหมดไปช่วยแนะนำวิธีปฏิบัติธรรม ให้กับผู้สนใจ ซึ่งอาจจะติดต่อกับเธอโดยตรง หรือผ่านองค์กร วัด สถานปฏิบัติธรรมต่างๆ ซึ่งคิดว่านี่คือสิ่งที่เธอจะทำได้ดีที่สุดในการช่วยเหลือผู้อื่น

“เรา ไม่มีทางได้รู้เลยว่า นับจากนี้เวลาที่เราจะเหลืออยู่บนโลกมนุษย์นี้เท่าไหร่ อะไรก็ตามที่เราคิดว่าดี เราก็อยากจะทำให้เต็มที่ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใด ทุกคนสามารถนำธรรมะเข้าไปผนวกใช้ในชีวิตประจำวันได้ แม้หลักศีลธรรมสำหรับชาวพุทธที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประทานสั่งสอนไว้ จะมีมากมายหลายระดับ ทั้งที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตประจำวัน และระดับที่สูงขึ้นไป หากพุทธศาสนิกชนทุกคนล้วนแต่ตั้งมั่นอยู่ในคำสั่งสอนของท่าน ย่อมบังเกิดความสงบสุขในการดำเนินชีวิต และในสังคมที่เราอาศัยอยู่อย่างแน่นอน”


ชีวิต ของนักบินหญิงจากบริษัทบางกอกแอร์เวย์ อาจจะไม่หวือหวา น่าสนใจสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับผู้สนใจในธรรมะแล้ว
ถือว่านี่คือชีวิตวัยรุ่นคนหนึ่งที่ควรนำมาเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิต เพราะแม่ชี “สิริมตี นิมมานเหมินท์” เป็นตัวอย่างที่ดีของการเลือกใช้ชีวิตที่
 “คุ้มค่า” และมี “ราคา” ที่สุดสำหรับผู้ที่มีโอกาสได้เกิดมาภายใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนา


(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 121 ธันวาคม 2553 โดย พิมพ์สุจี)


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: