การใช้พรหมวิหารเมื่อน้ำท่วมโดย วสิษฐ เดชกุญชรก่อน อื่นขอบอกว่า ขณะที่เขียนเรื่องนี้บ้านผมยังไม่ถูกน้ำท่วม แต่ระดับน้ำในคลองข้างบ้านก็กำลังสูงขึ้นและผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุ โทรทัศน์ต่าง ๆ ก็กำลัง รุมทำลายขวัญผมอยู่ตลอดวันตลอดคืน โดยบอกว่าน้ำเหนือไหลลงมาถึงไหน ๆ แล้ว ใน ปริมาณเท่านั้นเท่านี้ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อวินาที และให้ เฝ้าติดตามสถาน การณ์อย่างใกล้ชิด ไม่รู้เหมือนกันว่าติดตามแล้ว จะห้ามน้ำไม่ให้ท่วมได้หรือยังไง
ดูข่าวน้ำท่วมทางวิทยุโทรทัศน์แล้ว บางทีก็น้ำตาแทบตก เพราะสงสารชาว บ้านที่หลายรายโดนกระแสน้ำพัดอย่างรุนแรง จนอย่าว่าแต่ทรัพย์สมบัติในบ้าน เลย แม้แต่ชีวิตตัวเองก็แทบจะเอาไม่รอด ผู้ที่ยังพอหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนชั้นสูงของ บ้านได้ก็ยังมีปัญหา ออกไปหาอาหารกินนอกบ้านไม่ได้ กินอาหารได้แต่ไม่รู้จะถ่าย (ทั้งอุจจาระและปัสสาวะ) ที่ไหน ถ่ายใส่ถุงได้แต่ไม่รู้จะเอาไปทิ้งที่ไหนได้ยังไง ฯลฯ
ที่ ดูแล้วทำให้สบายใจขึ้น ก็คือข่าวความช่วยเหลือ ทั้งของรัฐบาลและพี่ น้องคนไทยด้วยกัน ที่ให้แก่ผู้ประสบภัยอย่างพร้อมเพียง เต็มอกเต็มใจ และเต็ม กำลัง ดูแล้วทำ ให้ลืมภาพการห้ำหั่นกันและเผาบ้านเผาเมืองเมื่อ ๕ ๖ เดือนที่ แล้วลงได้มาก
ดูข่าวน้ำท่วมแล้วผมก็เกิดทั้ง กรุณา เและ เมตตา ขึ้นมาอย่างรุนแรง กรุณา คืออยากช่วยคนที่ถูกน้ำท่วมให้เขาพ้นจากทุกข์ และเมตตาคืออยากให้เขากลับมี ความสุขอีก แล้วผมก็นึกหาวิธีที่จะช่วยเขา ทีแรกผมอยากจะหยุดปฏิรูปตำรวจ แล้วออกไปลุยน้ำกับท่านนายก ฯ อภิสิทธิ์หรือกับคุณชายสุขุมพันธ์ เยี่ยมและ แจกของให้ชาวบ้าน แต่แล้วก็นึกได้ว่าเราอายุ ๘๐ แล้ว ขืนไปก็อาจจะตกเป็น ฝ่ายประสบอุทกภัยเสียเอง และต้องให้เขาหามกลับมาสงเคราะห์ หรือเผา
เมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา นั้น เป็นธรรมบทที่ชื่อว่า พรหมวิหาร ซึ่ง พระพุทธเจ้าประทานไว้สำหรับประจำใจ และกำกับความประพฤติของเรา ทำให้รู้ จักปฏิบัติต่อตนเองและต่อผู้อื่นสัตว์อื่นชีวิตอื่นโดยชอบ เพราะ พรหมวิหาร เราจึง เห็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่สงเคราะห์ช่วยเหลือกัน ที่กำลังให้อย่างท่วมท้น แก่พี่น้อง คนไทยที่กำลังถูกน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้
ขอให้อานิสงส์ของพรหมวิหารที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ จงยืนยาวออกไป และคงปรากฏอยู่หลังจากที่น้ำลดลงแล้วด้วย.
เครดิต:หนูตา
