โบท็อกซ์ปลอม: อันตรายที่แท้จริง
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 23, 2024, 08:30:37 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โบท็อกซ์ปลอม: อันตรายที่แท้จริง  (อ่าน 3000 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 05:40:16 pm »

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "โบท็อกซ์" ผ่านหูกันมาบ้าง คนส่วนใหญ่รู้จักโบท็อกซ์ในฐานะสารที่ฉีดเพื่อลบริ้วรอยบนใบหน้า โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้า (trade name) ของโปรตีนสารพิษ "โบทูลินัมท็อกซิน เอ" (Botulinum toxin A)  ซึ่งผลิตจากแบคทีเรีย คลอสทริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum)  แรกเริ่มเดิมทีโบท็อกซ์ถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้รักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อตา แต่เมื่อองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้โบท็อกซ์ในการศัลยกรรมเสริมความงามได้ เรื่องการฉีดโบท็อกซ์จึงได้รับความสนใจจากผู้รักสวยรักงามอย่างมาก ตลาดของโบท็อกซ์จึงเปลี่ยนจากการรักษาไปเป็นศัลยกรรมความงามอย่างรวดเร็ว


กระแสคลั่งไคล้โบท็อกซ์
             แม้ผลกระทบจากการฉีดโบท็อกซ์จะยังหาข้อสรุปไม่ได้และยังถกเถียงกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีความหมายต่อผู้ที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์เท่าใดนัก ผู้คนยอมเสี่ยงเพื่อแลกกับความงาม สมาคมศัลยแพทย์ศัลยกรรมพลาสติกของสหรัฐอเมริการายงานว่า ปี 2552 มีผู้ฉีดโบท็อกซ์ถึง 4.8 ล้านคน เป็นหญิง 4.5 ล้านคน ชาย 3 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นวัยรุ่น (อายุ 18-19 ปี) กว่า 1,1000 คน! แม้ว่ากฎหมายสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศจะห้ามผู้ประกอบการไม่ให้ฉีดโบท็อกซ์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่ก็มีรายงานว่าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ฉีดโบท็อกซ์อยู่บ่อยๆ ตัวอย่างเช่น ข่าวเมื่อเดือนมีนาคม 2553 รายงานว่า Hannah Burge เด็กสาวชาวอังกฤษ อายุ 16 ปี กล่าวว่าเธอได้ฉีดโบท็อกซ์ตั้งแต่เธออายุ 15 ปี! โดยแม่ของเธอเป็นผู้ฉีดให้ เด็กสาวให้เหตุผลว่าเธอต้องการลบรอยย่นที่หน้าผาก 2 เส้น และรอบๆ ปาก เธอไม่อยากรอให้ใบหน้าเธอน่าเกลียดตอนอายุ 25 เธอยังบอกอีกว่าเพื่อนที่โรงเรียนใครๆ ก็พูดถึงโบท็อกซ์กันทั้งนั้น และเธอคิดว่าใครๆ ก็ฉีดกันทั้งนั้น เพียงแต่เธอฉีดเร็วกว่าคนอื่นนิดหน่อย เท่านั้นเอง


      กระแสนิยมความงามที่เปลือกนอกผลักดันให้อุตสาหกรรมการผลิตโบท๊อกซ์เติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะมีกฎหมายควบคุมแต่ดูเหมือนผู้ที่ต้องการโบท็อกซ์ก็สามารถดิ้นรนหามาใช้จนได้ โดยไม่สนใจว่าจะได้มาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ อย่างกรณีของ Hannah Burge แม่ของเธอผู้ผ่านการทำศัลยกรรมพลาสติกมามากว่า 100 ครั้ง สั่งซื้อโบท็อกซ์จากต่างประเทศผ่านทางอินเตอร์เน็ต ผลกำไรมหาศาลในธุรกิจโบท็อกซ์ดึงดูดผู้ประกอบการจำนวนมากให้เข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากธุรกิจนี้ การผลิต การขายและการให้บริการอย่างผิดกฎหมายจึงเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้ว "โบท็อกซ์ปลอม" จำนวนมากจึงมาถึงมือผู้บริโภคในที่สุด มีการประเมินจากผู้ผลิตโบท็อกซ์ว่าบริษัทเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับโบท็อกซ์ปลอมคิดเป็นมูลค่าความสูญเสียหลายร้อยดอลลาร์ต่อปี


โบท็อกซ์ปลอมมีหลายระดับ
             ในช่วงแรกที่โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้เสริมความงาม โบท็อกซ์ของแท้ยังผลิตได้ไม่มากนักและมีราคาสูง จึงมีพ่อค้าหัวใสอาศัยช่องว่างนี้นำสินค้าโบท็อกซ์ปลอมมาขาย จากการสำรวจพบว่า 80% ของโบท็อกซ์ปลอมแปลงที่ขายในช่วงนี้ไม่มีโบทูลินัมท็อกซินอยู่เลย โบท็อกซ์ปลอมอาจทำมาจากน้ำเปล่า น้ำเกลือ หรือวิตามินก็เป็นได้ แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่มีสารออกฤทธิ์อยู่เลย เรียกได้ว่าเป็น "โบท็อกซ์ปลอมล้วนๆ" ใช้การหลอกขายกันอย่างซึ่งๆหน้า บางรายใช้วิธีพื้นๆ อย่างการตั้งชื่อให้พ้องเสียงกับของแท้ เช่น "Butox” หรือ “Beauteous" (ของแท้คือ Botox) ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ให้บริการเสริมความงามซึ่งนำไปใช้ฉีดน่องเพื่อเพิ่มความกระชับให้กับผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตามผู้ที่ซื้อโบท็อกซ์ปลอมล้วนๆ ไปใช้ยังถือว่าโชคดี เพราะการฉีดน้ำเกลือหรือวิตามินที่ใส่ขวดหลอกขายเป็นโบท็อกซ์อย่างน้อยก็ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้


             โบท๊อกซ์ปลอมล้วนๆ ย่อมไม่สามารถหลอกใครได้นานนัก เพราะการใช้เพียงครั้งเดียวก็ทำให้ทราบว่าถูกหลอกขายของปลอม และเมื่อการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลบริ้วรอยได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้ให้บริการด้านความงามก็ต้องพยายามสรรหาช่องทางและวีธีการให้ได้มาซึ่งโบท็อกซ์ที่ราคาถูกและลูกค้าพึงพอใจในผลลัพธ์ จึงต้องเข้มงวดขึ้นเลือกซื้อโบท็อกซ์จากตัวแทนจำหน่าย แต่ผู้ผลิตสินค้าปลอมเองก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ มีการพัฒนาโบท็อกซ์ปลอมด้วยเช่นกัน


             ที่โบท็อกซ์ไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะปัจจุบันผู้ผลิตที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตโบทูลินัมท็อกซินความบริสุทธิ์สูง (pharmaceutical grade) สำหรับฉีด ทั่วโลกมีเพียง 7 ราย เท่านั้น ที่จริงยังมีผู้ผลิตโบทูลินัมท็อกซินรายอื่นอยู่อีก เพียงแต่ได้รับอนุญาตและมีความสามารถในการผลิตโบทูลินัมท็อกซินที่มีความบริสุทธิ์ต่ำกว่า สำหรับการทดลองทางวิยาศาสตร์ (reagent grade) เท่านั้น แต่ที่สำคัญคือมีราคาถูกกว่ามาก ทั่วโลกมีผู้ผลิตโบทูลินัมท็อกซินสำหรับการทดลองหลายสิบราย จึงเป็นช่องทางในการผลิตโบท็อกซ์ปลอม โบทูลินัมท็อกซินสำหรับทดลองนี้ถูกนำไปบรรจุในหลอดแก้วติดฉลากเป็นโบท็อกซ์แล้วนำไปขายปะปนกับของแท้ ซึ่งก็สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการเพราะสามารถออกฤทธิ์ได้จริงขณะเดียวกันผู้ให้บริการก็พอใจเพราะราคาถูก และหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นผู้ให้บริการก็สามารถอ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดจากผลกระทบของการฉีดโบท็อกซ์ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ รวมทั้งผู้ใช้บริการยังเซ็นยินยอมไว้แล้ว


            "โบท็อกซ์ปลอมเกรดสำหรับการทดลอง" ส่วนใหญ่มาจากเอเชียผ่านทางตัวแทนจำหน่ายเถื่อน ไม่มีใครทราบว่าโบทูลินัมท็อกซินสำหรับการทดลองถูกแจกจ่ายให้กับธุรกิจโบท็อกซ์ปลอมได้อย่างไร ทางโรงงานหรือผู้ผลิตมีส่วนรู้เห็นกับการกระบวนการผลิตโบท็อกซ์ปลอมหรือไม่ พ่อค้าคนกลางอาจซื้อโบทูลินัมท็อกซินจากผู้ผลิตเหล่านี้แล้วนำไปบรรจุในหลอดแก้วติดฉลากเป็นโบท็อกซ์แล้วขายให้กับผู้ให้บริการศัลยกรรมความงาม หรือผู้ให้บริการศัลยกรรมความงามเถื่อนอาจสั่งซื้อโบทูลินัมท็อกซินในราคาถูกจากผู้ผลิตสำหรับการทดลองแล้วนำมาฉีดให้กับผู้ใช้บริการ โบท็อกซ์ปลอมแบบนี้คล้ายกับโบท็อกซ์ของแท้มาก ในประเทศจีนมีตัวแทนจำหน่ายเถื่อนอย่างน้อย 20 ราย ทุกรายอ้างตัวเป็นบริษัท มีเวปไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ ประกาศตัวว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายทีได้รับอนุญาตอย่างแนบเนียน เพียงแต่ที่ตั้งของบริษัทที่อยู่บนเวปไซต์ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่ไม่มีอยู่จริงหรือเป็นที่ตั้งของสำนักงานร้าง ตัวแทนจำหน่ายเหล่านี้ขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตเท่านั้นจึงไม่น่าแปลกใจถ้าผู้ให้บริการเสริมความงามหลายรายจะถูกหลอก


            การลักลอบนำโบทูลินัมท็อกซินที่มีความบริสุทธิ์ต่ำไปผลิตโบท็อกซ์ปลอมเป็นวิธีการที่แนบเนียนและมีประสิทธิภาพ แต่ใช่ว่าจะผลิตโบท็อกซ์ปลอมได้มากมายนัก เพราะโบทูลินัมท็อกซินความบริสุทธิ์ต่ำที่ลักลอบมาขายเป็นเพียงบางส่วนที่ผลิตได้ การจะลักลอบนำมาขายให้มากขึ้นก็เป็นไปได้ยาก จำนวนโรงงานก็มีอยู่จำกัด ทางออกสำหรับผู้ผลิตโบท็อกซ์ปลอมก็คือ ตั้งโรงงานเพื่อผลิตโบทูลินัมท็อกซินเอง วิธีนี้ทำให้สามารถผลิตโบท็อกซ์ปลอมได้เท่าที่ต้องการและยังได้กำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วย มีหลักฐานว่าสหภาพโซเวียตเก่าเป็นแหล่งผลิตโบท็อกซ์ปลอมโดยมีแก๊งอาชญากรเกี่ยวข้องด้วย ที่นี่สามารถตั้งโรงงานเถื่อนเพื่อผลิตโบทูลินัมท็อกซินได้เอง เพราะเดิมมีโรงงานผลิตยาปลอมอยู่จำนวนมาก ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงคนหนึ่งกล่าวว่าการผลิตโบท็อกซ์ปลอมนี้ดำเนินมานานกว่า 3 ปีแล้ว โดยมีโรงงานผลิตโบทูลินัมท็อกซินอยู่ในสาธารณรัฐเชชเนียและนำมาบรรจุหลอดแก้วที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ทั้งหลอดแก้ว ฉลาก และห่อบรรจุเหมือนกับโบท็อกซ์ของแท้จนแยกไม่ออก เรียกได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมโบท็อกซ์ปลอมแบบครบวงจร





อันตรายจากโบท็อกซ์ปลอม
            โบท็อกซ์ปลอมไม่ว่าจะมาจากการผลิตโดยโรงงานเถื่อนหรือจากการนำโบทูลินัมท็อกซินสำหรับการทดลองทางวิยาศาสตร์มาปลอมแปลงล้วนแล้วแต่มีสิ่งเจือปนสูงกว่าของแท้ทั้งสิ้น สิ่งเจือปนทั้งหลายอาจเป็นพิษโดยตรงหรือก่อให้เกิดภูมิแพ้แก่ผู้ฉีด นอกจากนี้สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าคือโบท็อกซ์ปลอมมีความเข้มข้นของโบทูลินัมท็อกซินไม่แน่นอน โดยปกติการฉีดโบท็อกซ์ต้องคำนวณปริมาณที่ใช้ฉีดให้เหมาะสม การฉีดเกินไปเพียงเล็กน้อยเป็นอันตรายถึงชีวิต เมื่อความเข้มข้นแต่ละหลอดที่นำมาใช้ความเข้มข้นไม่เท่ากัน แม้แพทย์จะคำนวณปริมาณการฉีดได้ถูกต้องแต่คนไข้อาจได้รับโบทูลินัมท็อกซินไม่ตรงตามที่คำนวณ ถ้าได้รับน้อยไปก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าได้รับมากไปก็อาจทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอัมพาตหรือเสียชีวิต อย่างไรก็ตามอันตรายทั้งหลายที่กล่าวเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับบุคคลเพียงไม่กี่คนเท่านั้นซึ่งส่วนใหญ่ก็ยอมรับความเสี่ยงจากโบท็อกซ์อยู่แล้ว  ดังนั้นจึงเทียบไม่ได้เลยกับการที่โบท็อกซ์ปลอมเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ!



หน้าที่ 2 - โบท็อกซ์ปลอม: ภัยคุกคามที่แท้จริง
อันตรายที่แท้จริง
             อันตรายที่แท้จริงจากโบท็อกซ์ปลอมคือการที่โบทูลินัมท็อกซินตกไปอยู่ในมือผู้ก่อการร้าย นี่ไม่ใช่การวิตกกังวัลจนเกินเหตุแต่อย่างใด โบท็อกซ์ปลอมจำนวนมากที่มีขายปะปนอยู่กับของแท้จนแยกแยะแทบไม่ออกเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า การผลิตโบท็อกซ์ทั้งกระบวนการอยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ไม่มีใครสามารถควบคุมการตั้งโรงงานผลิตจนมีโรงงานเถื่อนผลิตโบทูลินัมท็อกซินทั่วโลกซึ่งไม่ทราบว่ามีอยู่เท่าใด มีกำลังการผลิตโบทูลินัมท็อกซินเท่าใด มีตัวแทนจำหน่ายเถื่อนอยู่มากมายและพร้อมที่จะขายโบท็อกซ์ปลอมให้ใครก็ตามพี่มีเงินซื้อ แม้แต่ผู้ก่อการร้าย





ตลาดเสรีของอาวุธชีวภาพ
             สำหรับผู้ก่อการร้ายโบท็อกซ์ปลอมไม่ได้เป็นยาเสริมความงามแต่เป็นอาวุธชีวภาพ โบทูลินัมท็อกซินเป็นสารพิษที่ร้ายแรงเกือบจะที่สุดในโลก เพียง 1 กรัม สามารถฆ่าคนได้ถึง 1.25 ล้านคน (โดยการสูดดม) ถ้าเป็นอาวุธก็ถือว่าร้ายแรกกว่าปืนหลายเท่า แต่การควบคุมการผลิตและการซื้อ-ขาย ในบางประเทศกลับหละหลวมอย่างมากจนใครๆ ก็สามารถซื้อสารพิษชนิดนี้มาครอบครองได้ ในอดีต รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ตั้งหน่วยงานเพื่อควบคุมและป้องกันไม่ให้ประเทศอื่นๆ พัฒนาอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพขึ้น สารเคมี จุลินทรีย์ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาวุธถูกควบคุมอย่างเข้มงวด แม้กระทั่งองค์ความรู้ที่สามารถนำไปสร้างอาวุธได้ก็ถูกปิดเป็นความลับ ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงของชาติ แต่ ณ วันนี้มาตรการควบคุมต่างๆ ไม่สามารถต้านทานกระแสของโบท็อกซ์ปลอมได้อีกต่อไป ทั้งปัจจัยการผลิตและวิธีการผลิตโบทูลินัมท็อกซินสามารถหาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการที่ผู้ก่อการร้ายจะซื้อโบทูลินัมท็อกซินจากโรงงานเถื่อนที่มีอยู่มากมาย หรือแม้กระทั่งซื้อโรงงานเพื่อผลิตเองก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก


             โบทูลินัมเป็นสารพิษต่อระบบประสาทอย่างรุนแรง ผู้ที่ได้รับสารพิษนี้กล้ามเนื้อจะเป็นอัมพาตอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานหรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลว สามารถทำให้เสียชีวิตในเวลาไม่กี่นาที อย่างที่ได้กล่าวไปบ้างแล้วข้างต้นโบทูลินัมท็อกซิน 1 กรัม สามารถฆ่าคนได้ถึง 1.25 ล้านคน โดยการสูดดม หรือกว่า 14,000 คน โดยการกิน และทุกวันนี้ยังไม่ทราบกำลังการผลิตโบทูลินัมเถื่อน แต่แค่ที่นำไปผลิตเป็นโบท็อกซ์ปลอมก็มีปริมาณหลายกิโลกรัม ลองจินตนาการว่าหากวันหนึ่งโบทูลินัมท็อกซินจำนวนนี้เปลี่ยนจากการใช้เพื่อเสริมความงามไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพจะสร้างหายนะได้แค่ไหน
            นอกจากนี้การนำโบทูลินัมท็อกซินไปใช้เป็นอาวุธก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูงอย่างการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ ไม่จำเป็นต้องมีขีปนาวุธข้ามทวีป แค่ใส่ถุงพลาสติกไปปล่อยในแหล่งน้ำ หรือนำไปปล่อยให้ฟุ้งกระจายในสถานที่ที่เป็นแหล่งรวมของผู้คนเช่น รถไฟฟ้าหรือห้างสรรพสินค้าป็นต้น ก็สามารถฆ่าคนได้จำนวนมหาศาล และการใช้วิธีพื้นๆ แบบนี้ยิ่งทำให้การตรวจจับทำได้ยากยิ่งกว่าการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง

การแก้ปัญหา?
             ผู้ผลิตโบท็อกซ์ของแท้รายหนึ่งพยามแก้ปัญหาด้วยแนวคิดที่ว่าหากความต้องการโบท็อกซ์ปลอมลดลงจะทำให้โรงงานผลิตโบท็อกซ์เถื่อนขายไม่ออกและต้องปิดไป จึงใส่หมายเลขผลิตภัณฑ์กำกับไว้ทุกขวด เปลี่ยนฉลากและห่อบรรจุที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงยากจะเลียนแบบ รวมทั้งให้ความรู้แก่ผู้ใช้ "โบท็อกซ์ของแท้สังเกตอย่างไร" หรือ "อันตรายจากการใช้โบท็อกซ์ปลอม" เป็นต้น ซึ่งก็อาจคนใช้โบท็อกซ์ปลอมลดลงและใช้ของแท้มากขึ้น แต่คงไม่ทำให้โรงงานผลิตโบท็อกซ์ปลอมต้องปิดตัวลงเพราะขายโบท็อกซ์ปลอมไม่ได้ เพราะโรงงานเถื่อนก็ยังมีตลาดอื่นอย่างผู้ก่อการร้ายหรือประเทศที่กำลังมีสงครามอยู่ แล้วการผลิตโบทูลินัมท็อกซินเพื่อใช้เป็นอาวุธก็ง่ายกว่าผลิตไปใช้เสริมความงามด้วย
            ผู้ผลิตโบท็อกซ์ของแท้อีกรายพยายามแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่าโดยการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อสืบสวนหาและปิดโรงงานเถื่อน ซึ่งแม้จะปิดได้สำเร็จ แต่ก็มีโรงงานเถื่อนเปิดขึ้นใหม่ด้วยอัตราที่เร็วกว่า เพราะมีเงินทุนมหาศาลจากการขายโบท็อกซ์ปลอมและยังคงมีผู้ต้องการโบท็อกซ์ปลอมอยู่

โบท็อกซ์ในประเทศไทย
             ในประเทศไทยนั้นไม่พบข้อมูลว่าองค์การอาหารและยามีมาตรการควบคุมดูแลโบท็อกซ์อย่างไร มีพียงแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่าถ้าต้องการฉีดโบท๊อกซ์ ให้รับการฉีดจากแพทย์ที่เชื่อถือได้ โดยสถาบันที่เชื่อถือได้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครหรือที่ไหนที่เชื่อถือได้? ในเมื่อสถานบริการด้านความงามทุกแห่งอ้างว่าตัวเองใช้ของที่มีคุณภาพน่าเชื่อถือ จริงอยู่สถานบริการด้านความงามอาจจะซื่อสัตย์ต่อลูกค้าไม่ซื้อของปลอมมาใช้ แต่สถานบริการอาจถูกตัวแทนจำหน่ายหลอกขายโบท็อกซ์ปลอม หรื่อตัวแทนจำหน่ายอาจจะรับโบท็อกซ์ปลอมมาจากโรงงานเถื่อนโดยไม่รู้ ผู้ใช้อาจตรวจสอบจากหมายเลขหรือฉลากที่ยากจะเลียนแบบ แต่อย่าได้ประมาทเทคโนโลยีของผู้ผลิตสินค้าปลอม เพราะผู้ผลิตของปลอมก็พร้อมที่จะลงทุนปลอมแปลงให้เหมือนที่สุดเช่นกันเพื่อผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่อยากลองฉีดโบท็อกซ์ก็ลองคิดดูให้ดีว่า ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร "ของแท้" หรือ "ของปลอม" อันไหนหาง่ายกว่ากัน?

เอกสารอ้างอิง
"2010 REPORT of the 2009 STATISTICS", American Society of Plastic Surgeons®, 2010, htttp://www.plasticsurgery.org/Media/Statistics.html
"Fake Botox, Real Threat", Coleman and Zilinskas, Scientific American, June 2010
"Why the 'Human Barbie' is now injecting her own 16-year-old daughter with Botox", Lucy Ballinger, MailOnline, March 2010, http://www.dailymail.co.uk/femail/article-1254889/Why-Human-Barbie-injecting-16-year-old-daughter-Botox.html#ixzz11DySf6zZ
http://www.fakebotoxrealthreat.com/

ขอบคุณที่มาวชก.คอม
When it comes to countering the threat of biological weapons, most governments, including that of the U.S., are still mired in a decades-old nuclear-arms model geared toward preventing hostile nations from acquiring closely guarded weapons-making materials.

[size=15pt][b]It is an approach unsuited to the modern reality wherein nonstate actors are more likely than states to use biological warfare agents and the growth of biotechnology is only making those weapons easier to come by. Security experts have long warned that would be terrorists no longer need to steal deadly pathogens when commonplace genetic engineering techniques could turn a benign microbe into a killer or synthetic biology tools might be used to build a virus from scratch.
[/b][/size]
Now subversives no longer have to make their own weapons at all— they can find sources with readymade material online.

In “Fake Botox, Real Threat,” Ken Coleman and Raymond A. Zilinskas point to a proliferation of international counterfeiters cashing in on the craze for the wrinkle-smoothing drug Botox, whose active ingredient botulinum neurotoxin is one of the deadliest poisons on earth. Many of the sales take place through Web sites, and most of the counterfeits contain real toxin, meaning that basement brewers may already be cultivating lethal toxin-making bacteria to satisfy avid consumer demand.

The authors ask, What is to stop those criminals from simply selling pure toxin to terrorists instead? In fact, what is to stop terrorists themselves from getting into the bootleg Botox business, for profit and easy access to toxin?"

http://www.fakebotoxrealthreat.com/




บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!