ข้อเสนอต่อรัฐบาล: เกษตรกรไทยควรรู้กำไรก่อนไถหว่าน
เขียนโดย ลุงโฉลก บทความของอาจารย์ไสว บุญมา อดีตที่ปรึกษา World Bank เขียนลงกรุงเทพธุรกิจวันศุกรนี้ กล่าวถึงบทบาทของชมรมของเรา ที่พยายามนำความรู้เรื่อง Futures market ออกไปเผยแพร่ให้ชาวไร่ชาวนาเข้าใจ และหาทางช่วยชาวไร่ชาวนาทั้งประเทศ ด้วยการแนะนำให้รวมกลุ่มกันเพื่อหาทางใช้ตลาดล่วงหน้ามาประกันราคาผลผลิตทาง การเกษตร และกล่าวถึงการทำการเกษตรเป็นตัวอย่างของเราที่ด่านขุนทด ได้แต่หวังว่ารัฐบาลจะรับฟังบ้าง อาจารย์ไสวเขียนว่าอย่างนี้ครับ
บทความนี้เขียนจากก้นบึ้งหัวใจของลูกชาวนาซึ่งโชคดีที่มีโอกาสเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์ ย้อนไปเมื่อสมัยผมยังอยู่ในทุ่งนา พ่อแม่สอนว่าเวลาจะทอดแหให้รอดูปลาผุดเสียก่อน ถ้าปลาไม่ผุด หรือปลาที่ผุดขึ้นมาไม่ใช่ปลาชนิดที่แหของเราจะจับมันได้ อย่าทอดแหลงไปเพราะจะเสียแรงเปล่า หลังไปเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์กับฝรั่งจนค่อนข้างแตกฉาน ผมจึงรู้ว่าวิชาหาปลากับวิชาบางอย่างของฝรั่งไม่แตกต่างกัน ฝรั่งสอนว่าเวลาจะทำอะไรให้ศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) เสียก่อน เมื่อผมย้อนกลับมาพิจารณาดูว่าเพราะอะไรชาวนาไทยเช่นพ่อแม่ของผมจึงยากจน เมื่อเทียบกับชาวนาชาวไร่ในเมืองฝรั่งก็พบว่า ก่อนปลูกข้าวพ่อแม่ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าราคาข้าวจะเป็นเท่าไรใน ช่วงฤดูเก็บเกี่ยว หากปีไหนราคาดี ปีนั้นเรามีรายได้พอจุนเจือ หากปีไหนขายได้เกวียนละ 600 บาท ปีนั้นเราขาดแคลนมาก
โดยสรุปในด้านการทำนาพ่อแม่ของผมมิได้ยึดหลักทอดแหโดยดูปลาผุดเสียก่อน การทำนาจึงเป็นเสมือนเล่นการพนันที่มีเดิมพันสูงมาก คือพนันโดยลงทุนด้วยชีวิตและทรัพย์สิน ที่ดินทำกิน โดยไม่รู้ว่าจะขายข้าวได้ที่ราคาได ยังผลให้พวกเรายากจน ผมไม่ได้โทษพ่อแม่ว่าโง่เง่าเนื่องจากโลกของเราในสมัยนั้นยังขาดทั้งความรู้ เทคโนโลยีและกลไกที่จะเอื้อให้ชาวไร่ชาวนาหลีกเลี่ยงการดำเนินชีวิตแบบการ พนัน หากท่านมีชีวิตอยู่มาถึงปัจจุบัน ผมเชื่อว่าท่านจะมีโอกาสใช้ความรู้ เทคโนโลยีและกลไกที่จะเอื้อให้ชาวไร่ชาวนารู้กำไรก่อนไถหว่าน หลุดพ้นจากวังวนของความยากจนแน่นอน
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าเพราะอะไรเกษตรกรไทยส่วนใหญ่จึงยังค่อนข้างยากจน ? คำตอบคือ พวกเขายังเข้าไม่ถึง ไม่เข้าใจ ไม่ใช้เทคโนโลยีใหม่และกลไกตลาดโลกที่เกษตรกรในประเทศก้าวหน้าใช้กัน ส่วนรัฐบาลไทยก็ไม่ใส่ใจอย่างจริงจัง แต่ ณ วันนี้ เมืองไทยมีศักยภาพสำหรับที่จะพาชาวไร่ชาวนาให้หลุดพ้นจากวังวนของความยากจน แล้ว ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าพวกเขาและรัฐบาลจะเอาเรื่องที่ผมเสนอไปพิจารณาหาทางออก หรือไม่
ในด้านความรู้ การวิจัยและพัฒนาก้าวหน้าไปมาก ในสมัยก่อนปุ๋ยอินทรีย์คือขี้วัวขี้ควาย มาถึงสมัยนี้ปุ๋ยอินทรีย์มีประสิทธิภาพมากกว่าขี้วัวขี้ควายหลายเท่า เกษตรกรในสมัยนี้มีความรู้เบื้องต้นในด้านการอ่านกันอย่างทั่วถึง ต่างกับในสมัยก่อนซึ่งส่วนใหญ่ยังอ่านหนังสือไม่ออกรวมทั้งแม่ของผมด้วย นอกจากนั้น ในปัจจุบัน ชาวไร่ชาวนาสามารถเข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้จากหลากหลายแหล่งต่างกับในสมัยที่ ผมยังอยู่ในทุ่งนาซึ่งบ้านผมไม่มีวิทยุจนกระทั่งผมอายุ 20 ปี ในสมัยนี้เกษตรกรบางคนมีคอมพิวเตอร์และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแล้ว
เทคโนโลยีเอื้อให้เราทำอะไรต่อมิอะไรได้สารพัดอย่างรวมทั้งการเข้าถึง ข้อมูลสารพัดชนิดจากทุกมุมโลก โลกทั้งโลกได้กลายเป็นตลาดขนาดใหญ่เพียงหนึ่งเดียว การซื้อขายสามารถทำได้ภายในพริบตาหากผู้ซื้อขายเข้าใจในกลไกของตลาดโลก เกษตรกรในประเทศก้าวหน้าสามารถทำได้ แต่เกษตรกรไทยยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ อย่าว่าแต่เกษตรกรเลย ในจำนวนคนไทยหลายสิบล้านคน อาจมีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่มีความเข้าใจและสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการประกอบอาชีพ การซื้อขายโดยใช้เทคโนโลยีร่วมสมัยเป็นเพียงเรื่องเดียว ยังมีเทคโนโลยีอีกมากมายที่เกษตรการไทยยังใช้ไม่เป็นรวมทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ ดาวเทียมนำทิศทางของรถไถเพื่อเอื้อให้พื้นดินเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับในด้านกลไกตลาด การปฏิบัติอาจมีความสลับซับซ้อนและขั้นตอนที่ต้องเรียนกันมากสักหน่อย แต่หัวใจของกลไกอยู่ที่เมืองไทยมีตลาดซื้อขายล่วงหน้าสำหรับสินค้าเกษตรที่ เชื่อมต่อกับตลาดในต่างประเทศทั่วโลกแล้ว หากเกษตรกรไทยมีความรู้ความเข้าใจก็จะสามารถกำหนดราคาขายที่ตนพอใจได้ก่อน ที่จะลงมือไถหว่านเช่นเดียวกับเกษตรกรในต่างประเทศ ในปัจจุบันนี้มีคนไทยกลุ่มหนึ่งซึ่งมีความรู้ความเข้าใจและได้ใช้ทั้งความ รู้ร่วมสมัย กลไกตลาดโลกและเทคโนโลยีได้ผลดีจนมีรายได้ระดับมั่งคั่ง คนไทยกลุ่มนี้มีผู้นำชื่อโฉลก สัมพันธารักษ์ ซึ่งเป็นหัวจักรของ chaloke.com (
http://www.chaloke.com)
สิ่งที่ควรทำให้คนไทยจะรู้สึกยินดียิ่งคือ คุณโฉลกและคณะได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะใช้ความรู้ความเข้าใจเพื่อช่วยเกษตรกรไทยให้ก้าวพ้นวังวนของความยากจนให้ ได้ พวกเขาได้ลงทุนทำไร่ตัวอย่างในถิ่นทุรกันดารที่อำเภอด่านขุนทดที่เราอาจเข้า เยี่ยมชมได้ ไร่นั้นมีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้มาจากการวิจัยจนได้ผลแล้วด้วย หากมีที่ดินผืนใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นของกรมป่าไม้ ของทหาร ของส่วนราชการอื่น หรือของเกษตรกรที่รวมตัวกัน คุณโฉลกและคณะยินดีจะออกไปทำตัวอย่างให้ดูโดยวิธี รู้กำไรก่อนไถหว่าน ผ่านการใช้กลไกตลาดล่วงหน้า ในฐานะลูกชาวนาซึ่งตีฝ่าวังวนของความยากจนออกมาได้และมีโอกาสสัมผัสกับกลไก ตลาดระดับโลก ผมมองว่าเรื่องนี้นับเป็นนิมิตอันแสนดีของสังคมไทยที่ชาวไร่ชาวนาจะสามารถตี ฝ่าออกมาจากวังวนของความยากจนได้โดยไม่ต้องใช้ชีวิตแบบผู้ติดการพนัน
อนึ่ง ขอเรียนว่า คุณโฉลกมิได้ให้คำมั่นสัญญาแก่ผม หากได้ให้แก่ตัวเองเนื่องจากมีความตั้งใจจะช่วยเกษตรกรไทยเพื่อถวายเป็นพระ ราชกุศลพร้อมกับทดแทนคุณของแผ่นดิน เขารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นพิเศษเนื่องจากเคยได้เป็นข้ารับใช้ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่เป็นเวลานานปี และได้เรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตรง คุณโฉลกและคณะได้เดินสายออกไปพบเกษตรกรและผู้ที่อาจมีบทบาทในการนำแนวคิด เรื่อง รู้กำไรก่อนไถหว่าน ไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังมาหลายครั้งแล้ว
ทั้งที่คนกลุ่มนี้ต้องการจะให้ความรู้ความเข้าใจแก่สังคมไทยโดยไม่คิดค่า ตอบแทน แต่งานคืบหน้าไปอย่างเชื่องช้าเกินความคาดหมาย ผมจึงมองว่าถึงเวลาที่พวกเขาจะมีโอกาสได้เสนอแนวคิดต่อรัฐบาลโดยตรง สังคมไทยจะโชคดีหากนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะรับฟังข้อเสนอของคุณโฉลกและ คณะในเร็ววัน และหากเป็นไปได้หาโอกาสไปดูไร่ตัวอย่างของเขาที่ด่านขุดทด หรือจะให้พวกเขาทำไร่ตัวอย่างขึ้นมาใหม่ในที่ดินของรัฐพวกเขาก็ยินดี
บทความเกี่ยวกับการ รู้กำไรก่อนไถหว่าน จะปรากฏบ่อยขึ้นบนสื้อต่างๆเท่าที่จะเป็นไปได้ สมาชิกมีโอกาสนำความคิดนี้เสนอสื้ออะไรได้ก็ติดต่อมาเลยนะครับ เรามานำความรู้ที่ลุงโฉลกสอนให้ฟรีๆมาหลายปีนี้ ไปช่วยชาวไร่ชาวนา ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินด้วยกัน หรือใครรู้จักนักการเมือง (ที่ไม่คิดแต่จะคดโกงชาติ) ก็พยายามช่วยกันเสนอความคิดนี้นะครับ
การ รู้กำไรก่อนไถหว่าน โดยสร้างกลไกให้เกษตรกรสามารถใช้ตลาด AFET ได้ เป็นทางรอดของประเทศ หลังจากเราช่วยชาวไร่ชาวนาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้พวกเราช่วยกัน คือการปลุกวิญญาณของสามทหาร ที่ถูกนักการเมืองเชือดคอตายอยู่กลางสภาขึ้นมาใหม่ เมื่อก่อนเรามีน้ำมันสามทหารเพื่อความมั่นคงของประเทศ ปัจจุบันนักการเมืองรับสินบลแล้วปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาคุมนโยบายพลังงานของ ชาติโดยผ่านทาง PTT เพียงแค่เอานาที่ดอน (ซึ่งได้ผลผลิตต่ำ) มาปลูกอ้อย 10 ล้านไร่ เราก็จะสามารถผลิต Ethanol เพียงพอสำหรับใช้ทั้งประเทศ ประหยัดเงินตราต่างประเทศไปปีละหลายแสนล้านบาท สร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้ทั้งชาติ และเป็นความมั่นคงของชาติด้วย ทหารมีที่กว่า 5 ล้านไร่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ถ้าทหารจะมีความกล้าสักนิด ปลุกวิญญาณสามทหารขึ้นมา ใช้ที่ดินทหารปลูกอ้อยเพื่อผลิต Ethanol แค่นี้ก็แก้ความยากจนได้ทั้งชาติแล้วครับ แต่ความยิ่งใหญ่ของอำนาจการเงินของ PTT ทำให้ทหารไทยอ่อนปวกเปียกไปหมด น่าเวทนาประเทศของเราจริงๆ
อ้อย 1 ตัน ผลิต Ethanol ได้ 70 ลิตร ที่ดิน 10 ล้านไร่ ผลิตอ้อยแบบเทวดาเลี้ยงได้ 100 ล้านตัน ผลิต Ethanol ได้ 7,000 ล้านลิตร ประหยัดเงินตราต่างประเทศได้ปีละอย่างน้อย 2 แสนล้านบาท กากอ้อยนำมาผลิตไฟฟ้าได้อีกประมาณ 5000 MW ของเสียนำไปผลิตปุ๋ยได้อีกมหาศาล นี่คือทางรอดง่ายๆของประเทศ แต่เราไม่มีคนกล้า เราไม่มีคนกล้าที่จะต่อสู้กับอำนาจเงินของ PTT อำนาจที่กดหัวประเทศของเราให้ซื้อน้ำมันจากต่างชาติ อำนาจที่ทำให้อุตสาหกรรม Ethanol เกิดไม่ได้ในประเทศของเรา
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเราไปทำบุญกันที่วัดปัญญานันทาราม มีสมาชิกไปร่วมกันเกือยร้อยคน กินข้าวกันที่วัดแล้วไปเฮฮากันต่อที่บ้านลุงโฉลก โอกาสหน้าเชิญกันอีกนะครับ ไปทำบุญด้วยกัน