- รถต้องห้าม
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 29, 2024, 03:48:09 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: - รถต้องห้าม  (อ่าน 3270 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 05, 2010, 08:42:44 pm »

รถยนต์หรือยานพาหนะจึงมีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของทุกคนในการเดินทาง ติดต่อธุรกิจ ขนส่ง เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจ แล้วรถต้องห้ามคืออะไร...

 ทุกวันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ยานพาหนะหรือรถยนต์มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ ต่อการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เป็นบุคคลธรรมดา นิติบุคคล จำเป็นต้องติดต่อการค้าระหว่างกัน รถยนต์หรือยานพาหนะจึงมีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของทุกคนในการเดินทาง ติดต่อธุรกิจ ขนส่ง เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจ เรามักจะพบว่า การดำเนินธุรกิจแทบทุกประเภทมักจะมีรถยนต์ไว้ใช้ในการประกอบกิจการเพื่อให้การติดต่อธุรกิจรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์


          บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเมื่อมีการซื้อรถยนต์เข้ามาใช้ในกิจการจะแบ่งรถยนต์ออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ รถต้องห้ามหรือรถทั่วไป ซึ่ง “รถต้องห้าม” หมายถึงรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่ได้มีกฎหมายสร้างเงื่อนไขหรือข้อห้ามค่อนข้างมาก ดังนั้นรถยนต์นั่ง จึงหมายถึงรถเก๋งหรือรถยนต์ที่ออกแบบสำหรับเพื่อใช้นั่งเป็นปกติวิสัย และหมายรวมถึง รถยนต์ที่มีลักษณะเดียวกัน เช่น รถยนต์ที่มีหลังคาติดเป็นเนื้อเดียวกันในลักษณะถาวร ด้านข้าง/ด้านหลังคนขับมีประตูหรือหน้าต่าง และมีที่นั่ง ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีที่นั่งเท่าใด สิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาก็คือ “รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน” ตามประมวลรัษฎากรถือเป็น “รถยนต์ต้องห้าม” เนื่องจากกฎหมายกำหนดเงื่อนไขหรือ ข้อห้ามของรถยนต์ดังกล่าวเอาไว้ดังนี้



1. ภาษีซื้อของรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน


          รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน เป็นสินค้าหรือทรัพย์สินที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นเมื่อผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้มีการซื้อรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คนเพื่อนำเข้ามาใช้ในการประกอบกิจการ จะถูกผู้ประกอบการผู้ขายรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีนั่งไม่เกิน 10 คนเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขาย ซึ่งถือเป็น “ภาษีซื้อ” ของผู้ประกอบการที่ซื้อรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คนดังกล่าว อธิบดีกรมสรรพากรได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42) เรื่อง การกำหนดภาษีซื้อที่ไม่ให้นำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ไว้ดังนี้


          “(1) ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต


          ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับสำหรับการขายรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และการให้บริการเช่ารถยนต์ดังกล่าวของตนเองโดยตรง และการให้บริการรับประกันวินาศภัยสำหรับรถยนต์ดังกล่าว”


          ดังนั้นภาษีซื้อที่เกิดจากรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ผู้ประกอบการจะไม่มีสิทธินำไปขอคืนหรือเครดิตภาษีขาย แต่สามารถนำไปเป็นต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่ต้องห้ามตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีซื้อที่ใช้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ 243) พ.ศ. 2534 โดยที่เป็นการสมควรกำหนดภาษีซื้อที่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำภาษีซื้อ ตามมาตรา 82/5(6) แห่งประมวลรัษฎากร ไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ


          2. การคิดค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา


          เมื่อกิจการได้มีการซื้อรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คนเข้ามาใช้ในกิจการ เมื่อสิ้นงวดหรือสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีจะต้องนำรถยนต์ดังกล่าวมาคิดค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับที่ 145 มาตรา 4 (5) ซึ่งกำหนดอัตราค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาไว้ดังนี้


          (5) ทรัพย์สินอย่างอื่น ซึ่งโดยสภาพของทรัพย์สินนั้นสึกหรอหรือ


          เสื่อมราคาได้นอกจากที่ดินและสินค้า ร้อยละ 20


         การคิดค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินจะต้องไม่เกินกว่าอัตราที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับที่ 145 สำหรับรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ต้องไม่เกิน 20% ต่อปี แต่เนื่องจากทรัพย์สินเป็นรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน พระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับที่ 145 มาตรา 5 ได้กำหนดเพิ่มเติมไว้อีกดังนี้


          “มาตรา 5 ทรัพย์สินประเภทรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน หรือรถยนต์นั่ง ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท”


           ดังนั้นหากผู้ประกอบการได้มีการซื้อรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน เมื่อต้องคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุนจะต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท หากคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในส่วนที่เกิน 1 ล้านบาทห้ามถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม


          สิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องระมัดระวังในการซื้อรถยนต์เข้ามาใช้ในกิจการ หากรถยนต์ดังกล่าวไม่ใช่รถยนต์ต้องห้าม แต่เป็นรถยนต์ที่ใช้ในงานทั่วไปย่อมมีสิทธิขอภาษีซื้อคืนได้ และหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาได้ทั้งจำนวน

 ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานกฎหมายธรรมนิติ กับวิชาการดอทคอม
http://www.dharmniti.co.th/dhg/index.php

รถต้องห้าม โดย : สมเดช โรจน์คุรีเสถียร


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!