"คำสอนพุทธศาสน์"คำตอบสังคมใหม่
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "คำสอนพุทธศาสน์"คำตอบสังคมใหม่  (อ่าน 2042 ครั้ง)
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« เมื่อ: มกราคม 25, 2010, 11:05:40 am »


Cittaviveka is a monastery in the lineage of the Thai Forest Tradition of Theravada Buddhism.  It was established in 1979 by Ajahn Chah and Ajahn Sumedho, who was the first abbot. Ajahn Sumedho now lives at Amaravati, north of London, and the current abbot is Ajahn Sucitto who was born in London in 1949 and became a bhikkhu in 1976.  The resident community comprises some 20-25 monks, nuns and novices, as well as lay guests.  Please read below for more details.

 

โดย เปลว สีเงิน
ผมมีโอกาสได้รับมงคลชีวิตชนิดที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้รับวันเดียวพร้อมๆ กัน คือได้กราบทั้ง "พระราชสุเมธาจารย์" หรือพระฝรั่งศิษย์ "หลวงพ่อชา" ที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ "สุเมโธ" ผู้เป็น "พระสุปฏิปันโน" และทั้งได้กราบ "คุณแม่วาณี ล่ำซำ" พุทธบริษัทรัตตัญญูชน ผู้เป็นกำลังสำคัญอีกท่านหนึ่งในการตั้งมั่นของพระพุทธศาสนาในต่างแดน

พระสุเมโธ ท่านมีอายุร่วม ๘๐ ปี บวชมาแล้วร่วม ๕๐ พรรษา ร่างกายท่านสูงใหญ่เหมือนฝรั่งทั่วไป แต่เหนือกว่าฝรั่งทั่วไป คือท่านรู้แจ้งในอริยสัจจะ ในขณะที่ฝรั่งทั้งหลายยังเวียนว่ายคลำทางออก ผมกราบภายใต้รัศมีเมตตาบารมีจากรอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้าของท่าน และด้วยธรรมอันเจริญดีแล้ว ทำให้วรรณะท่านผ่องใส ถ้าใครไม่ทราบว่าท่านวัยใกล้จะ ๘๐ ก็คงเดาว่าประมาณ ๖๐ ต้นๆ

ส่วนมากคนไทยเราซึมซับความเป็น "พระสุเมโธ" กันเพียงว่า "เป็นพระฝรั่ง" ศิษย์หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี น้อยคนที่จะรู้ว่าท่านเป็นนักรบธรรมร่วมกับหลวงปู่ชา นำธงธรรมจักรไปลงหลักปักฐานในต่างแดน และเมื่อสิ้นหลวงปู่ชา ท่านสุเมโธก็รับหน้าที่ "จอมทัพธรรม" นำต่อ

ถึง ณ วันนี้ คำสอนพระพุทธศาสนาชนิด "แก่นแท้แห่งธรรม" กำลังขจรขจายกลายเป็นประทีป "บอกทางชีวิตใหม่" ให้ชาวต่างชาติ-ต่างภาษา เป็นที่ตื่นตา-ตื่นใจด้วยศรัทธาในสัจธรรมกันกว้างขวางยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

พระราชสุเมธาจารย์ หรือท่านสุเมโธพระฝรั่งรูปนี้แหละครับ คือกำลังสำคัญในการนำพระพุทธศาสนาไปตั้งมั่นอยู่ในสหรัฐและยุโรปขณะนี้ และนับวัน "วัด" ในพระพุทธศาสนาเบ่งบานขึ้นหลายต่อหลายแห่งตามแรงศรัทธาของคนต่างชาติ-ต่างภาษา ผู้แสวงหาจนพบแล้วว่า

พุทธศาสนาคือ "กุญแจไขปัญหาชีวิต" อันไร้ทางออกของเขาทั้งหลาย!

คนยุโรป คนอเมริกาเดี๋ยวนี้ รู้จักมหาสติปัฏฐาน รู้จักอาณาปานสติ รู้จักบริกรรมภาวนา รู้จักลด-ละ-เลิกชนิดเคร่งครัดกว่าคนพุทธในประเทศไทย ซึ่งเดี๋ยวนี้คนไทยบางส่วนมีพระไว้ในความหมายสำหรับใช้ประกอบพิธีกรรม เงินถึงพระ แต่ใจไม่ถึงธรรม แบบนี้ก็ไม่แน่นะครับว่า ในอนาคต.....

ความเป็น "ประเทศไทย-ศูนย์กลางพระพุทธศาสนา" อาจต้องย้ายไปอยู่แถวๆ ยุโรปก็เป็นได้!?

พระฝรั่งสุเมโธ ที่กลายเป็น "หลวงพ่อสุเมโธ" ของคนไทยวันนี้ ท่านเคยตอบญาติโยมที่นมัสการถามท่านเกี่ยวกับอนาคตของพระพุทธศาสนาในโลกตะวันตกไว้ว่า

"เรามีความคิดว่า ต่อไปคำสอนของพระพุทธเจ้าจะมีประโยชน์ช่วยชาวตะวันตกมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ในประเทศอังกฤษ หรือทางยุโรป อเมริกา คนชาวตะวันตกมีศรัทธา มีความสนใจเรื่องการปฏิบัติ ความทุกข์ก็มีอยู่ เป็นเรื่องความคิด ความเห็นของชาวตะวันตกที่ไม่มีทางที่จะพ้นได้ เดี๋ยวนี้ปัญญาชนทางตะวันตกก็เห็นประโยชน์ที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า หลวงพ่อชาเป็นอาจารย์ที่เลิศ ที่แนะนำทางที่เป็น practical เป็นสิ่งที่จะทำได้ จะอยู่ในลักษณะเป็นฆราวาสก็ได้ หรือมีโอกาสได้บวชเป็นพระเป็นเณร เป็นแม่ชีก็ได้ เพื่อจะถวายชีวิต เพื่อจะรักษาจิตตลอด ตามระเบียบและประเพณีทางพระพุทธศาสนาที่เอามาจากเมืองไทย หลวงพ่อชาส่งอาตมาเองมาเมืองอังกฤษนี่ เพื่อจะสร้างประโยชน์ ช่วยเหลือคนที่มีศรัทธาที่จะมาฟังเทศน์ฟังธรรม และปฏิบัติตามด้วย นี่ก็เป็นโอกาสดีที่เมืองไทยส่งพระฝรั่งออกจากเมืองไทย มีปัญญาพอสมควรที่จะออกไปได้ เพื่อที่จะเผยแผ่ศาสนาทางยุโรป ทางอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จนถึงทั่วโลก"

กับที่มีคนนมัสการถามถึงประเด็นเมืองไทย ท่านสุเมโธซึ่งเป็นชาวอเมริกัน อดีตเป็นทหารในสงคราม เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเป็นผู้นำธงธรรมจักรสู่ต่างแดนตอบไว้ตอนหนึ่งว่า

"ขอให้คนไทยพิจารณาในสิ่งที่ดี สิ่งที่สำคัญในชีวิต ในการเป็นมนุษย์ ในการเป็นคนไทย ทุกวันนี้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงอย่างไร บางทีรัฐบาลก็เปลี่ยนอย่างที่เราชอบ อยากให้มันเป็น แล้วอีกไม่นานมันก็เปลี่ยนอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่ชอบ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น นี้ก็เป็นเรื่องโลกียธรรมที่เราไม่มีความสามารถจะบังคับตามความต้องการของเรา แต่สิ่งที่ใช้ได้ทุกๆ เวลา ทุกๆ ขณะจิต คือให้มีสติอยู่ รู้ตัว รู้ทางพ้นทุกข์ แสดงความเคารพอย่างสูงถวายในหลวง ทุกวันนี้ท่านก็เป็นในหลวงที่ดี ที่รักษาพระองค์ รักษาจิตของท่านเอง ให้เป็นในหลวงที่ดีที่สุด ที่จะนำทางดี ทางโลกียธรรม ทางปฏิบัติด้วย เพื่อจะพ้นทุกข์ได้ คนไทยมีโชคดีที่มีหัวหน้าอย่างนี้ ในหลวงที่มีทศพิธราชธรรม ที่ท่านพยายามรักษาให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนในเมืองไทย ทุกวันนี้ท่านมีอายุมากแล้ว ขอให้ในหลวงทรงพระเจริญต่อไป อยู่นานๆ เพื่อจะเป็นแรงดลใจของชาวไทยต่อไป เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร...."

บางท่านอาจอยากถาม ที่ว่าพระพุทธศาสนาแผ่กว้างไปในยุโรป สหรัฐนั้น มีที่ไหนบ้าง เอาที่ท่านสุเมโธตอบไว้นะครับ ที่อังกฤษมีวัดใหญ่ ๔ แห่ง วัดอมราวดี ทางตอนเหนือกรุงลอนดอน วัดป่าจิตตวิเวก ใกล้ลอนดอน มีวิหารอยู่ทางเหนือชายแดนสกอตแลนด์ แล้วก็มีวิหารในอังกฤษ ในสกอตแลนด์ ในเวลส์ ในฝรั่งเศส โปรตุเกส มีสาขาอยู่ในอิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงวัดที่นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ สหรัฐที่แคลิฟอร์เนีย ซานฟราสซิสโก กระทั่งออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

ท่านสุเมโธเล่าไว้ถึงสาขาในอิตาลีว่า "อาจารย์ปรีชาก็อยู่ อาจารย์ฉันทปาโลเป็นลูกศิษย์อาตมา เป็นเจ้าอาวาสที่นั่น อิตาลีเป็นประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิกมาก สันตะปาปาอยู่ที่นั่น เราก็สงสัยว่าอยู่เป็นชาวพุทธในอิตาลีคงจะลำบากนะ กลัวโรมันคาทอลิกมาก แต่ก็อยู่ได้ คนอิตาลีกำลังจะสนใจ สิ่งที่จับใจชาวอิตาลีคือการปฏิบัติทางจิตใจ นี่สำคัญมาก

ทุกวันนี้คนยุโรปไม่ยอมเชื่อง่ายๆ นะ ต้องพิสูจน์ มีหนทางที่จะพิสูจน์ที่จะเข้าใจชีวิตมนุษย์เป็นอย่างไร ความทุกข์มันเกิดจากอะไร เราก็เป็นประเทศที่รวยแล้ว จะเป็นทุกข์อยู่ทำไม เพราะเหตุอะไร บางคนชี้ไปถึงรัฐบาลก็ได้ ให้ดูอารมณ์ ดูจิต เพื่อจะได้เห็นความทุกข์ เป็นเรื่องความคิด ความเห็น ยึดมั่นถือมั่น...."

ครับ...ตั้งแต่เปลี่ยนศักราชใหม่-ปีใหม่ ท่านอาจสังเกตว่าผมจะ "หนักไปทางพระ-ทางวัด" ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ แต่ "ไปเอง" อย่างไรก็ไม่ทราบ บ้านเรา-คือเมืองไทยอยู่ระหว่างการเดินทางไปสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในรอบ ๒ ศตวรรษครึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ผมเห็นนิมิตดีสู่อนาคตที่ดี

อย่าเอาเหตุการณ์ปัจจุวันนี้เป็น "ตัวตั้ง" อนาคตใหม่เลยครับ เพราะอนาคตไทยเป็นอนาคตยิ่งใหญ่-สดใส เพราะจะไม่มีเชื้อร้าย "มารประเทศ-มารสถาบัน" เหลือปะปนแน่นอน!

คนไทย โดยเฉพาะวัยรุ่นขณะนี้ ปีใหม่-เทศกาลใหม่ "หันหน้าเข้าวัด" กันหลามไหล เจ้าตัวแต่ละคนก็คงตอบไม่ถูกเหมือนกันว่า "เพราะอะไร?" แต่ทราบไว้เถอะครับว่า นั่นเพราะจิตประเภท Supur Subconscious มันกระตุ้นเตือนผู้มีเชื้อกุศลกรรมเก่าให้เข้าหา "ที่พึ่งประเสริฐ" เป็นภูมิคุ้มกันภัยที่จะกรายมาถึงในอนาคตอันใกล้ เพียงแต่ตัวเองไม่รู้

เหมือนมดคาบไข่หนีขึ้นที่สูง เหมือนวาฬที่เห็นยกฝูง "หลงทะเล" เกยหาด ความจริงปลาไม่มีหลง แต่เพราะสัญชาตญาณรับรู้ภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด น้ำแข็งขั้วโลกละลาย อากาศจะร้อน-หนาวมหาวิบัติ ทำให้ว่ายเบี่ยงทิศหนีภัย แต่สัตว์มีเพียงชีวิต ไม่มีวิญญาณคือการรับรู้ด้วยสติ จึงเพ่นพ่านเกยตื้น

ฉะนั้น ในความสับสนทิศทาง เราเป็นคน ทำอย่างที่ท่านสุเมโธบอก คือ "มีสติทุกขณะจิต" แล้วทางออกจะเปิดอ้าให้เห็นเอง!

หลายท่านอาจทราบแต่เพียงว่า "ที่อังกฤษมีวัดไทยชื่ออมราวดี" ผมจะนำประวัติย่อๆ จากหนังสือ "สู่เมธาธรรม-พระราชสุเมธาจารย์" ที่หลวงพ่อสุเมโธตอบไว้กับญาติโยม ๒-๓ ปีก่อนมาให้ท่านได้รู้จักมากขึ้น ดังนี้

"วัดอมราวดีเป็นศูนย์กลางการศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทจากประเทศไทย ก่อตั้งปี ๒๕๒๗ ทางตอนเหนือกรุงลอนดอน มีชาวต่างชาติจากประเทศต่างๆ แทบทุกทวีปมาศึกษาและปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงสร้างพระอุโบสถขึ้นเพื่อใช้ประกอบศาสนกิจ" สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จทรงเป็นประธานในพิธีผูกพัทธสีมาและฉลองพระอุโบสถเมื่อ ๔ ก.ค.๔๒

โบสถ์วัดอมราวดีนี้ แบบเป็นสถาปัตยกรรมรูปทรงสมัยใหม่ ประยุกต์ศิลปะไทยและศิลปะตะวันตก จุคนได้ประมาณ ๔๐๐ หลังคาโบสถ์ทรงยอดแหลม ส่วนยอดเป็นทองคำ ทำโดยช่างไทย "คุณแม่วาณี ล่ำซำ" เป็นผู้บริจาคค่าใช้จ่าย รอบอุโบสถที่เป็นบานกระจกแกะสลักภาพพุทธประวัติ "แม่ชีเรณู โอสถานุเคราะห์" เป็นผู้ออกแบบ

"ตลอดเวลาที่มาเผยแผ่ศาสนาพุทธในประเทศนี้ พวกเราได้รับความช่วยเหลืออย่างดีทั้งคนอังกฤษและกลุ่มคนไทย เคยมีเศรษฐีท่านหนึ่งเป็นคนอังกฤษ อายุมากแล้ว หลังจากเสียชีวิตก็ได้มอบมรดกไว้เป็นของวัดชิตเฮิร์สต์....ท่านเจ้าคุณปัญญานันทภิกขุก็เคยช่วยเหลือหลายครั้ง ท่านมาเยี่ยมวัดเราแทบทุกปี เมื่อท่านกลับเมืองไทยก็มักจะไปเล่าเรื่องความคืบหน้าต่างๆ ของวัดชิตเฮิร์สต์

คนไทยที่นี่ก็ให้ความสนใจและช่วยเหลือกิจการของวัดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะคุณวาณี ล่ำซำ เป็นผู้ที่มีจิตใจเป็นพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง ให้ความอุปถัมภ์บำรุงในการก่อสร้างวัดอมราวดีจนเกือบจะสมบูรณ์ในไม่ช้า ได้ช่วยเหลือทุ่มเทให้มาตั้งแต่วัดชิตเฮิร์สต์ (วัดป่าจิตตวิเวก) แม้แต่หนังสือธรรมะสิ่งพิมพ์ต่างๆ ก็ได้รับความอุปการะจัดพิมพ์ไม่เคยขาด"

ครับ...ก็เอามาเล่าให้ท่านฟัง ขณะที่ในประเทศเรากำลังเบื่อ "อลัชชีในคราบพระ" แต่นอกประเทศ เขากำลังตื่นตัวศรัทธาด้วยเข้าถึง "พระสุปฏิปันโน" พระพุทธศาสนาเหี่ยวเฉาในตะวันออก แต่กำลังไปเบ่งบานในตะวันตก โดยเฉพาะที่อังกฤษ แต่น่าดีใจ วัดไทยสำเร็จได้ด้วยเงินบุญ-เงินบริสุทธิ์ เหตุนี้ "คนเสนียดจัญไร" จึงอยู่ใกล้พระ-ใกล้พุทธทั้งในอังกฤษและในไทยไม่ได้

เพราะสวรรค์ปิดสำหรับเขา นรกรอเปิดให้เข้าเสียแล้ว!

http://www.thaipost.net/news/250110/16898

วัดจิตตวิเวก ชิตเฮอร์สทChithurst
http://www.cittaviveka.org/index2.htm


บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: