แน่นอนว่าทุกคนคงอยากจะใช้สินค้ามือ 1 กันทั้งนั้น เพราะสินค้าอะไรที่เป็นมือสองนั้น เราย่อมไม่รู้เลยว่าสินค้านั้นเป็นมายังไง เจ้าของใช้มาเป็นยังไงบ้าง รูปร่างภายนอกอาจตกแต่งได้ให้ได้ราคา มือถือก็เป็นสินค้าชนิดนึงที่มองหามือสองกัน เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา มีการเปลี่ยนเครื่อง ตลอดจนการขายมือถือเพื่อหาเงินในยามที่เดือดร้อนเงิน ไม่ว่าคุณจะหาสินค้าใดๆที่เป็นมือสอง คุณจะต้องเลือกอย่างพิถีพิถันมากกว่าปกติอยู่แล้ว ยิ่งโทรศัพท์มือถือราคาหลักพันหลักหมื่นยิ่งต้องคิดหนัก และคำว่ามือสองนั้น จริงๆ แล้วอาจไม่ใช่มือสองก็ได้ อาจผ่านมือเจ้าของหรือผู้ประสงค์จะเป็นเจ้าของ (ขโมยมา) และมือถือก็เป็นสิ่งที่ทุกคนใช้กันเป็นปกติแล้วในปัจจุบัน ดังนั้นย่อมมีการเสื่อมสภาพตามการใช้งานและการดูแลรักษาของผู้ใช้
การเลือกซื้อมือถือมือสองนั้น ไม่ใช่ง่ายๆเหมือนลองรองเท้า เสื้อผ้ามือสองนะครับที่ลองแล้วใส่ได้ไม่มีปัญหาเลย แต่อุปกรณ์อีเล็กทรอนิคส์นี่ย่อมมีความละเอียดอ่อน บางครั้งลองๆดูก็ไม่รู้ว่าระยะยาวเครื่องจะใช้ได้ดีหรือไม่ ผมมีวิธีเลือกซื้อมือถือมือสองมาฝากกันครับ ใช้ได้กับทุกรุ่น ทุกยี่ห้อครับ
มือถือมือสองหาได้จากที่ไหน
การเลือกซื้อมือถือนั้น หากเป็นเครื่องใหม่ก็จะหาตามศูนย์ มีการรับประกันหรือเครื่องนอกจากร้านมือถือทั่วๆไป สำหรับมือถือมือสองนั้น หาตามศูนย์คงไม่มีแน่ คงต้องหาตามร้านที่เป็นตู้กระจกทั่วๆไปครับ ส่วนร้านก็ขอให้พิจารณาความน่าเชื่อถือด้วยนะครับ ส่วนใหญ่ร้านมือถือจะมีแทบทุกที่เลยตามแหล่งชุมชนใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ตลาด และตลาดนัดก็ตาม
ทำไมต้องมือสองล่ะ เขามาขายเครื่องทำไม
หากคุณสนใจมือถือสักเครื่อง แต่อาจไม่มีงบพอที่จะซื้อเครื่องใหม่มือ 1 คุณอาจมองหาเครื่องมือสองในราคาที่ย่อมกว่าครับ เป็นที่รู้ๆกันว่าของมือสองคือผ่านการใช้งานมาแล้ว ย่อมมีการเสื่อมสภาพ เสีย ซึ่งบางคนซ่อมแล้วไม่ดีขึ้นก็ขาย หรือเปลี่ยนเครื่อง หรือเดือดร้อนเรื่องเงินก็ขาย แต่มีบางทีก็ซื้อมาแล้วไม่ชอบก็ขาย อันหลังนี้เราจะได้เครื่องใหม่ ประกันยังอยู่เกือบครบปี อันนี้จะน่าเชื่อถือกว่าเพราะยังอยู่ในประกัน ส่วนมือถือมือสองที่เป็นรุ่นที่ออกมาได้นานพอสมควร อาจไม่มีประกันแล้ว หรือเครื่องนอกที่ไม่มีประกันครับ
มือถือมือสองน่าเชื่อถือแค่ไหน
คำว่าน่าเชื่อถือในที่นี้คือประกันครับ ใครซื้อสินค้าใดมีประกันก็อุ่นใจ แต่มือสองนี่สิ บางเครื่องใช้มา ปีกว่า สองปี ก็หมดประกันแล้ว ประกันมี 2 แบบสำหรับมือสองนะครับ คือประกันศูนย์ ดังที่กล่าวข้างต้นว่าเครื่องที่เพิ่งขายหลังจากวางตลาดไม่นานก็จะมีประกันศูนย์อยู่ อีกแบบคือประกันศูนย์หมดหรือเครื่องนอกไม่มีประกัน จะเป็นประกันร้านครับ
เลือกประกันดูยังไง
สำหรับการรับประกันมือถือนั้น จะหาใบรับประกันเป็นบัตรใหญ่ๆเหมือนพวกทีวีคงเป็นไปไม่ได้ อุปกรณ์พวกอีเลคทรอนิคส์ คอมพิวเตอร์ มือถือ ที่เป็นอุปกรณ์เล็กๆจะมีการรับประกันโดยติดสติกเกอร์รับประกันในบริเวณๆขูดลอกยาก เพราะหากสติกเกอร์ขูดลอกหรือถูกทำลายจะหมดประกันทันที ท่านใดที่ใช้คอมพิวเตอร์จะเข้าใจดีเพราะอุปกรณ์คอมทุกชิ้นต้องให้ความสำคัญกับสติกเกอร์รับประกัน (void) ที่จะบอกระยะเวลารับประกัน ซึ่งมือถือจะมีระยะเวลารับประกัน 1 ปีสำหรับตัวเครื่อง และ 6 เดือนสำหรับแบตเตอรี่และที่ชาร์จไฟ ส่วนตัวสติกเกอร์มักเป็นแบบฟอยด์เงินๆ เขียนด้วยปากกา maker ที่ลบไม่ออก หรือเป็นสติกเกอร์ที่ลอกออกยาก อีกแบบคือ void ของทางร้านครับ จะมีชื่อร้านพร้อมระยะเวลารับประกัน ปกติแล้วจะแสดงเดือนและปีที่รับประกันอย่างชัดเจนครับ ส่วนคำพูดที่คนขายบอกว่าประกัน 1 เดือน 3 เดือนก็อย่าไปหวังอะไรมากครับ ถ้าไม่มี void รับประกันก็อย่าเชื่อ แต่ให้ขอนามบัตรร้านไว้ด้วย เพราะหากมีสติกเกอร์รับประกัน ร้านจะอ้างไม่ได้ครับว่าไม่ประกัน เพราะมีสติกเกอร์เป็นหลักฐานครับว่ายังประกันอยู่
มาเลือกซื้อมือถือมือสองกัน
แน่นอนว่าของมือสองใครๆก็ไม่ไว้ใจว่าดีหรือไม่ สภาพภายนอกอาจดีเลิศ เปลี่ยนหน้ากาก เปลี่ยนไฟสวยงาม แต่การใช้งานนั้นเป็นยังไงเราไม่รู้ และอีกหลายๆคนอยากได้มือถือมือสองเพราะราคาถูกกว่ามือ 1 แทบจะครึ่งหนึ่งทีเดียว แต่อยากลืมนะครับว่าราคาสูงหน่อยแต่ดี มีประกันเหลือ ย่อมสบายใจกว่าราคาถูกแต่มีรู้ทีหลังว่าเครื่องไม่ดี โดนแกะครับ
ถ้าสนใจมือถือมือสองทำยังไง
ก่อนอื่นเราต้องศึกษาก่อน ว่าร่นไหนเป็นยังไง ทำอะไรได้บ้าง ศึกษาราคาคร่าวๆ ตั้งงบไว้คร่าวๆ การใช้งานว่าต้องการทำอะไรได้บ้าง ไปที่ร้านตู้ๆ จะมีมือถือมือสองให้ดู พร้อมราคา ถ้าสนใจทำไงล่ะ อันดับแรกเลย ราคาตรงใจ รูปทรง รุ่น การใช้งานครงกับที่เราจะใช้แล้ว ต่อไปขอเขาดูเลย ไม่ต้องเกรงใจครับ ยังไงเราจะซื้อต้องตัดสินใจ เงินเรานี่เนอะ อย่าไปกลัวว่าดูแล้วไม่ซื้อนะครับ ยังไงเขาไม่มาบังคับเราหรอกครับ ลองครับลอง ก่อนอื่นถามว่าใช้กับระบบใดได้บ้าง ดูตำหนิ รอยแกะเครื่อง ดูให้ดี ดูน๊อตด้วย ต้องไม่มีรอยไขหรือหัวน๊อตเสียครับ จากนั้นลองใส่ซิมที่เราจะใช้งานได้เลย เขาอาจมีซิมให้ลอง หรือหากมีซิมก็ใส่เลย แต่เรื่องซิมไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวนี้ไม่ล๊อกเครื่องแล้ว ส่วนใหญ่เป็นแบบ dual band 900 / 1800 ครับคือใช้ได้ทั้ง AIS - GSM Advance (900) และระบบ 1800 คือ Dtac และ Orange ครับ บางรุ่นเป็น 3 band (Tri-band) ก็ลองเลยครับ ให้คนขายโทรเข้า ลองคุยๆดู ตอนโทรนี่ฟังเสียงทั้งริงโทนและเสียงคุย ลองระบบสั่นด้วยก็ดีครับ ลองคุยดู ไมค์ใช้ได้ดีไหม ลำโพงดีไหม ลองกดปุ่มดูทุกปุ่ม การลงน้ำหนัก ปุ่มแข็ง-อ่อนไปไหม กดแล้วเด้งดีไหม ปุ่มลอกหรือเปล่า กดให้หมดทุกปุ่ม 1 - 9 เลข 0 * # ลองให้หมดครับ อ๋อ ลองเปิด-ปิดด้วย ดูหน้าจอด้วยว่ามีเส้นๆไหม หรือมีส่วนใดของจอแปลกๆหรือไม่ ปกติต้องเปิดปิดได้ปกติ อาจมีเสียงหรือข้อความต้อนรับไม่ต้องแปลกใจ ตั้งได้ครับ ทดสอบทุกอย่าง เล่นเกมด้วย สักพัก ดูการกดปุ่มเพราะเล่นเกมจะกดปุ่มถี่ไงครับ เล่นมาถึงตรงนี้ ถ้าเขาอยากขายคงไม่ว่าอะไร ปล่อยเราลองไปได้เรื่อยๆ ถ้าเขารำคาญว่าไม่ซื้อแล้วยังลองก็อย่าไปซื้อเลยครับ คนอยากขายมีเยอะแยะไป ต่อมาลองให้แน่ใจว่าใช้ได้ดี ประกันก็สำคัญ หากได้เครื่องที่มีประกันเหลือจะดีกว่า อุ่นใจกว่าประกัน 1 เดือน 3 เดือนนะครับ แต่ถ้าประกันร้านก็อย่างไปบอกไปครับ ว่ามีสติกเกอร์รับประกัน ลองชาร์จไฟดู ชาร์จไฟสักพัก ถ้าชาร์จไม่เข้า อาจเป็นเพราะแบตเสื่อม หรือที่ชาร์จเสียครับ แต่ปกติไม่มีปัญหา ร้านทั่วๆไปจะทดสอบเครื่องก่อนขาย เพราะเขาอยากขายน่ะสิครับ
อุปกรณ์ที่ให้มาด้วย
ปกติแล้วมือถือจะมีสายชาร์จแบบเร็ว คือเป็นสายเสียบท้ายเครื่องมาให้ด้วย ตรงนี้มีให้ก็ดีครับ ถ้าไม่มีก็นินนิษฐานได้ว่าเครื่องโดนขโมยมาขาย เพราะเวลามีเครื่องมาขายที่ร้านจะมีที่ชาร์จมาด้วยครับ แต่หากไม่มีก็ไม่ต้องตกใจ ราคาสายชาร์จถ้าไม่ใช่ของแท้ 199 ของแท้ประมาณ 500 - 800 ครับ มือถือส่วนบางรุ่นอาจมีแบตให้ 2 ก้อน มีซีดี สายโหลด data link ต่อกับคอมก็ถามดู หากราคาถูกแต่อุปกรณ์ไม่ครบก็ไม่น่าซื้อครับ
ถูกใจแล้วทำอย่างไรดี
ถูกใจราคา ถ้าจะตัดสินใจ ลองถามดูหลายๆร้าน ลองใช้ดูหลายๆร้านก่อน บางร้านราคาแพะงกว่าหน่อย แต่ประกันเหลือ อุปกรณ์ครบ บางร้านประกันไม่มี อุปกรณ์ไม่ครบ ลองดูดีๆนะครับ ถ้าตกลงว่าจะเอารุ่นที่เราต้องการ ลองทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ก็ลองต่อรองราคาดูครับ หน้าร้านอาจตั้งราคาไว้สูง ถ้าคุยถูกคออาจมีลดได้อีก หรือร้านดีๆที่อยากจะขายจริงๆ จะลดให้ แต่อย่าหวังอะไรมากกับราคา ให้ดูประกัน ดูการใช้งานที่ทดสอบตามวิธีข้างต้นครับ
ก่อนออกจากร้าน
จำชื่อร้านให้ได้ ดูประกัน อาจเป็นของร้านหรือประกันศูนย์ที่เหลือ ขอนามบัตรไว้เพื่อติดต่อหากเครื่องมีปัญหา สำหรับร้านตู้กระจก จะหาใบเสร็จคงไม่มีนะครับ สุดท้ายเชกอุปกรณ์ให้ครบ ซิมการ์ดนี่อย่าลืม ไม่ใช่ว่าลองเครื่องแล้วลืมซิมไว้ในเครื่องที่ร้านแบบนี้ไม่ดีครับ ยังไงขอให้โชคดีกับมือถือมือสองสภาพการใช้งานดีในราคาที่คุณพอใจครับ
ขอขอบคุณ
www.mobikiss.com ครับ
