ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 24, 2024, 01:47:54 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆช่วยทีครับ  (อ่าน 7175 ครั้ง)
numtc.25
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41


อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 20, 2009, 03:23:42 pm »

 ฮีสเตอร์เครื่องทำืน้ำอุ่น NATIONAL รุ่น DH-A4500 ตันครับน้ำไหลเบามากๆ เช็คแรงดันน้ำที่ผ่านสวิตซ์แรงดันแล้วน้ำไหลออกมาแรง แต่พอไหลเข้าฮีสเตอร์ไหลออกมาเบามากๆ เลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะฮีสเตอร์ตัน เช็คราคาของแล้วถ้าเปลียน 1,350 บาท ไม่ทราบพี่่ๆพอจะแนะนำวิธีที่จะทำให้
ฮีสเตอร์หายตันได้ไหมครับ ไม่อยากเสียเงินซื้อไหม่เลยครับ ยุคเศรษฐกิจกำลังแย่ รบกวนพี่ๆด้วยครับ Cheesy Cheesy Cheesy Cheesy


บันทึกการเข้า

H933-LSV team 14,000
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1646
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 957


เสียสละด้วยใจ รับใช้สังคม


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 20, 2009, 05:29:02 pm »

ปกติสายน้ำเข้าจะมีตัวกรองสิ่งสกปรก ก่อนเข้า ของท่านตันในหม้อต้ม 1.โซดาไฟผสมน้ำกรอกทิ้งไว้12-3นาที 2.น้ำยาR11กรอกทิ้งไว้4-5นาที
บันทึกการเข้า

ขอเรียนเชิญเพื่อนสมาชิกสมทบทุนสนับสนุน เว็ปไซด์ดีๆมีประโยชน์ เอื้อเฟื้อ เกื้อกูลแบ่งปันข้อมูลแนะนำการตรวจซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า แก่เพื่อนช่างและผู้สนใจ น่าที่จะช่วยกันสนับสนุนเพื่อรักษาให้คงอยู่ตลอดไปตราบนานแสนนานครับ
ภินันท์อัครสิน 42/36ม.พรไพศาล ถ.สุขาประชาสรรค์3 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี  รับติดตั้ง-ซ่อมTV เครื่องซักผ้า ตู้เย็น แอร์บ้าน รับซื้อ-จำหน่ายแอร์บ้าน   ยินดีรับใช้ ให้บริการ   โทร.081-5535496  02-5840111
omomo
member
*

คะแนน11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 197


จงจองจำตัวเองด้วยอิสระภาพ


« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 20, 2009, 07:09:17 pm »

ใช้กรด ชื่อ HCL มีขายที่ร้านขายเคมี กรดชนิดนี้ใช้กำจัดตะกันภายในแอร์ชิลเลอร์
บันทึกการเข้า
santipp
ซุปเปอร์ วีไอพี
member
*

คะแนน180
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 631


« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 20, 2009, 08:22:16 pm »

รบกวนถาม คุณomomo ถ้าไปถึงร้านขายเคมี ไปบอกกับผู้ขายว่า ต้องการ HCL
บอกเท่านี้ก็ได้เลยหรือครับ ราคาแพงไหมครับ เขาขายอย่างไรครับ Smiley
บันทึกการเข้า
numtc.25
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 21, 2009, 03:57:18 pm »

พี่ครับน้ำยา R11 คือน้ำที่ใช้เกี่ยวกับการล้างท่ือแอร์ใช่ไหมครับ คือว่าผมไม่มีถังใส่ น้ำยา R11 ไม่ทราบว่าผมใช้แต่โซดาไฟผสมน้ำใส่เข้าไปในฮีสเตอร์แล้วทิ้งใว้ประมาณ 12 นาที แล้วใช้สายยางอัดน้ำเข้าไปแรงๆ
แล้วเอาที่เติมลมเป่าอีกครั้ง ไม่ทราบพอจะใช้ได้ไหมครับ รบกวนพี่แนะนำด้วยครับ Cheesy
บันทึกการเข้า
Ruengyot
วีไอพี
member
***

คะแนน32
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 141


« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 21, 2009, 06:50:54 pm »

เท่าที่ผมเคยเจออาการนี้ผมเอาไขควงเคาะๆรอบๆแล้วก็เอาน้ำอัดออกถ้ายังไม่หมดให้เอาฮีทเตอร์ไปตากแดดให้รอ้นจัดๆแล้วเอามาเคาะๆอีกครั้งเพราะฮีทเตอร์แบบนี้ขาดยากขอเน้นว่าเคาะไม่ใช่ทุบนะครับแต่เป็นประสปก่ารณ์จริงครับ
บันทึกการเข้า
b.chaiyasith
แก้ปัญหาไม่ตกคุยกันเวลางานline:chiabmillion
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน650
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3008


ไม้ดีไม่ลอยน้ำมาไกล


อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 21, 2009, 06:55:01 pm »

http://msds.pcd.go.th/searchName.asp?vID=42ชื่อเคมี IUPAC: Hydrochloric acid
 
ชื่อเคมีทั่วไป Hydrochloride
 
ชื่อพ้องอื่นๆ Muriatic acid; Chlorohydric acid; Spirits of salts; Hydrogen chloride (acid); Hydrogen chloride; Hydrogen Chloride Gas only
 
สูตรโมเลกุล  สูตรโครงสร้าง  
 
รหัส IMO     CAS No. 7647-01-0 รหัส EC NO.  017-002-00-2
UN/ID No. 1789 รหัส RTECS MW 4025000
 
รหัส EUEINECS/ELINCS 231-595-7 ชื่อวงศ์ -
 
ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า  Mallinckrodt Baker Inc.
 
แหล่งข้อมูลอื่นๆ  -
 

 

  
  

  
 
 3. การใช้ประโยชน์ (Uses)


- ใช้เป็นสารเคมีในห้องปฏิบัติการ

 

 
 
  
  

  
 
 4. ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ (Standard and Toxicity)

LD50(มก./กก.) :   900  
 ( กระต่าย)
 LC50(มก./ม3) :  4655  
 / -
 ชั่วโมง  ( หนู)
 

IDLH(ppm) :  50
 ADI(ppm) :    
 MAC(ppm) :    
 

PEL-TWA(ppm) :  5
 PEL-STEL(ppm) :  
 PEL-C(ppm) :  5
 

TLV-TWA(ppm) :  5  
 TLV-STEL(ppm) :    
 TLV-C(ppm) :  5  
 

พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535(ppm) :  
 
พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 (ppm) :  
 
พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 :  
 ชนิดที่ 1  
 ชนิดที่ 2  
 ชนิดที่ 3  
พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ppm)  :    
    
    
  

เฉลี่ย 8 ชั่วโมง    
 ระยะสั้น  
 ค่าสูงสุด  5  
 สารเคมีอันตราย :    

พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 :  
 ชนิดที่ 1  
 ชนิดที่ 2  
 ชนิดที่ 3  
 ชนิดที่ 4  
หน่วยงานที่รับผิดชอบ :  กรมโรงงานอุตสาหกรรม  
 
 
 

 
 
  
  

  
 
 5. คุณสมบัติทางกายภาพและเคมี (Physical and Chemical Properties)

สถานะ : ของเหลว , ก๊าซ สี : ไม่มีสี กลิ่น : ฉุน  นน.โมเลกุล : 36.46
จุดเดือด(0ซ.) : 53 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) :  -74
ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) :  1.18 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 1.3
ความหนืด(mPa.sec) :  0.0148  
 ความดันไอ(มม.ปรอท) :    190  
 ที่  25
 0ซ.  
ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : ละลายได้  ที่   -
 0ซ.  ความเป็นกรด-ด่าง(pH) :   -  
 ที่  -
 0ซ.  
แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm =  1.49
 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 =   0.67
 ppm ที่   25
 0ซ.  
ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ :

  - สารนี้สามารถละลายได้ในเอทานอล
 
 

 
 
  
  

  
 
 6. อันตรายต่อสุขภาพอนามัย (Health Effect)


สัมผัสทางหายใจ  - การหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าไปจะก่อให้เกิดอาการไอ หายใจติดขัด เกิดการอักเสบของจมูก ลำคอ และทางเดินหายใจส่วนบน และในกรณีที่รุนแรง จะก่อให้เกิดอาการน้ำท่วมปอด ระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้


 
สัมผัสทางผิวหนัง  - การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองเกิดผื่นแดง ปวดและเกิดแผลไหม้ การสัมผัสกับสารที่ความเข้มข้นสูงจะก่อให้เกิดแผลพุพองและผิวหนังเปลี่ยน


 
กินหรือกลืนเข้าไป  - การกลืนหรือกินเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคือง จะก่อให้เกิดอาการปวด และเกิดแผลไหม้ในปาก คอ หลอดอาหาร และทางเดินอาหาร อาจก่อให้เกิดอาการ คลื่นไส้ และท้องร่วง และอาจทำให้เสียชีวิตได้
 
สัมผัสถูกตา  - การสัมผัสถูกตาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและอาจก่อให้เกิดการทำลายได้ อาจทำให้เกิดแผลไหม้อย่างรุนแรง และก่อให้เกิดทำลายตาอย่างถาวรได้
 
การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ,อื่น ๆ - การสัมผัสกับไอระเหยของสารเป็นระยะนานจะก่อให้เกิดการกัดกร่อนต่อกัน และทำให้เกิดฤทธิ์กัดกร่อน เช่นเดียวกับฤทธิ์ของการสัมผัสกรด
- ในบุคคลที่มีอาการผิดปกติทางผิวหนัง หรือเป็นโรคทางตา จะมีความไวต่อการเกิดผลกระทบสารนี้
- ไม่เป็นสารก่อมะเร็งตาม NTP จัดเป็นสารก่อมะเร็งประเภท 3 ตามบัญชีรายชื่อของ IARC
 

 
 
  
  

  
 
 7. ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา (Stability and Reaction)


- ความคงตัวทางเคมี : สารนี้มีความเสถียรภายใต้สภาวะปกติของการใช้และการเก็บ ภาชนะบรรจุของสารอาจเกิดการแตกออกและระเบิดได้เมื่อสัมผัสกับความร้อน
- สารที่เข้ากันไม่ได้ : โลหะ โลหะออกไซด์ ไฮดรอกไซด์ เอมีน คาร์บอเนต สารที่เป็นเบส และสารอื่น ๆ เช่น ไซยาไนด์ ซัลไฟด์ และฟอมัลดีไฮด์
- สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความร้อน และการสัมผัสโดยตรงกับแสง
- สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : เมื่อสารนี้สัมผัสกับความร้อน จะเกิดการสลายตัวและปล่อยฟูม/ควันของไฮโดรเจนคลอไรด์ที่เป็นพิษและจะเกิดปฏิกิริยากับน้ำหรือไอน้ำ ทำให้เกิดความร้อน และเกิดฟูมหรือควันของสารที่เป็นพิษและมีฤทธิ์การสลายตัวของสารจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น เนื่องจากความร้อนจะทำให้เกิดฟูม/ควันของก๊าซไฮโดรเจนซึ่งสามารถระเบิดได้
- อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น




 

 
 
  
  

  
 
 8. การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด (Fire and Explosion)

จุดวาบไฟ(0ซ.) :  -  จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) :  -  
ค่า LEL % : - UEL % :  - NFPA Code :    
LFL % : - UFL % :  -
 
- การสัมผัสกับความร้อนสูงหรือการสัมผัสกับโลหะจะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซไฮโดรเจนซึ่งไวไฟออกมา
- สารดับเพลิงในกรณีเกิดเพลิงไหม้ให้ใช้ น้ำฉีดเป็นฝอย และทำให้สารเป็นกลางโดยใช้โซดาไฟหรือปูนขาว
- กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า
- ใช้น้ำฉีดหล่อเย็นเพื่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสเพลิงไหม้ และให้อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุสาร

 
 
 
 

 
  
  

  
 
 9. การเก็บรักษา/สถานที่เก็บ/เคลื่อนย้าย/ขนส่ง (Storage and Handling)


- เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด และป้องกันการเสียหายทางกายภาพ
- เก็บในบริเวณที่เย็นและแห้ง
- เก็บในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ
- เก็บในบริเวณที่มีพื้นป้องกันกรด และมีระบบระบายออกที่ดี
- เก็บห่างจาก การสัมผัสโดยตรงกับแสง ความร้อน น้ำ และสารที่เข้ากันไม่ได้
- อย่าทำการฉีดล้างภายนอกภาชนะบรรจุหรือนำเอาภาชนะไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น
- เมื่อต้องการเจือจางให้ทำการค่อย ๆ เติมกรดปริมาณน้อย ๆ ลงในน้ำ อย่าใช้น้ำร้อนหรืออย่าทำการเติมน้ำลงในกรดเพราะจะทำให้ไม่สามารถควบคุมจุดเดือดของสารได้
- เมื่อทำการเปิดภาชนะบรรจุสารที่ทำจากโลหะให้ใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันการเกิดประกายไฟ เพราะในการเปิดอาจเกิดก๊าซไฮโดรเจนขึ้นได้
- ภาชนะบรรจุของสารที่เป็นถังเปล่า แต่มีกากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ไอระเหย ของเหลว อาจเป็นอันตรายได้
- ให้สังเกตคำเตือนและข้อควรระวังทั้งหมดที่ให้ไว้สำหรับสารนี้
- ชื่อทางการขนส่ง : Hydrochloric acid
- รหัส UN : 1789
- ประเภทอันตราย : 8
- ประเภทการบรรจุหีบห่อ :กลุ่ม III


 

 
 
  
  

  
 
 10. การกำจัดกรณีรั่วไหล (Leak and Spill)


- วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล ให้จัดให้มีการระบายอากาศในบริเวณที่มีการหกรั่วไหล
- ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม ให้กั้นแยกเป็นพื้นที่อันตราย และกันบุคคลที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันออกจากบริเวณหกรั่วไหล
- ให้เก็บของเหลวที่หกรั่วไหลและนำกลับมาใช้ใหม่ถ้าสามารถทำได้
- ทำให้สารเป็นกลางโดยใช้สารที่เป็นเบส เช่น โซดาไฟ ปูนขาว และทำการดูดซับส่วนที่หกรั่วไหลด้วยวัสดุที่เฉื่อย เช่น แร่หินทราย (Vermiculite) ทรายแห้ง ดิน และเก็บใส่ในภาชนะบรรจุสำหรับกากของเสียเคมี




 

 
 
  
  

  
 
 11. อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPD/PPE)


 
      
    
ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) :
- ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 50 ppm :ให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) ซึ่งมี canaister ประเภทที่เหมาะสม โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 250 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
- ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพ (HEPA filter) หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50

 
 

 
  
  

  
 
 12. การปฐมพยาบาล (First Aid)


หายใจเข้าไป:    - ถ้าหายใจเข้าไปให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์
 
กินหรือกลืนเข้าไป:    - ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป อย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียนให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ หรือนมปริมาณมาก ๆ ถ้าสามารถหาได้ ห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ นำส่งไปพบแพทย์ทันที
 
สัมผัสถูกผิวหนัง:      - ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที พร้อมถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อนสารเคมีออก ซักทำความสะอาดเสื้อผ้า และรองเท้าก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ นำส่งไปพบแพทย์
 
สัมผัสถูกตา :    - ถ้าสัมผัสถูกตาให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที กระพริบตาถี่ ๆ นำส่งไปพบแพทย์ทันที
 
อื่น ๆ:    
 

 
 
  
  


  

  
 
 13. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impacts)


- เมื่อรั่วไหลลงสู่ดินคาดว่าสารนี้จะไม่เกิดการสลายตัวทางชีวภาพ และสารนี้อาจถูดดูดซึมเข้าสู่แหล่งน้ำใต้ดินได้
- สารนี้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในน้ำ จะเกิดอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงค่าพีเอช
- ห้ามทิ้งลงสู่ระบบน้ำ น้ำเสีย หรือดิน



 

 
 
  
  

  
 
 14. การเก็บและวิเคราะห์ (Sampling and Analytical)

NMAM NO. :  
 7903 OSHA NO. :  ID 174 SG
วิธีการเก็บตัวอย่าง :  
 กระดาษกรอง  
 หลอดเก็บตัวอย่าง  
 อิมพิ้นเจอร์
วิธีการวิเคราะห์ :  
 ชั่งน้ำหนัก  
 สเปคโตโฟโตมิเตอร์  
  
 แก๊ซโครมาโตกราฟฟี  
 อะตอมมิกแอบซอปชั่น
ข้อมูลอื่น ๆ :
  - การเก็บตัวอย่างใช้ Washed silica gel, 400 mg/1200 mg with glass fiber filtger plug
- อัตราไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง 0.2 ถึง 0.5 ลิตรต่อนาที
- ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด 3 ลิตร , สูงสุด 100 ลิตร
 
 

 
 
  
  

  
 
 15. ขั้นตอนการปฎิบัติงานฉุกเฉิน (Emergency Response)

AVERS Guide :

 42  DOT Guide : 157  
 - กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650
 - ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457
 

 [url]http://msds.pcd.go.th/searchName.asp?vID=42]
ชื่อเคมี IUPAC: Hydrochloric acid
 
ชื่อเคมีทั่วไป Hydrochloride
 
ชื่อพ้องอื่นๆ Muriatic acid; Chlorohydric acid; Spirits of salts; Hydrogen chloride (acid); Hydrogen chloride; Hydrogen Chloride Gas only
 
สูตรโมเลกุล  สูตรโครงสร้าง  
 
รหัส IMO     CAS No. 7647-01-0 รหัส EC NO.  017-002-00-2
UN/ID No. 1789 รหัส RTECS MW 4025000
 
รหัส EUEINECS/ELINCS 231-595-7 ชื่อวงศ์ -
 
ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า  Mallinckrodt Baker Inc.
 
แหล่งข้อมูลอื่นๆ  -
 

 

  
  

  
 
 3. การใช้ประโยชน์ (Uses)


- ใช้เป็นสารเคมีในห้องปฏิบัติการ

 

 
 
  
  

  
 
 4. ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ (Standard and Toxicity)

LD50(มก./กก.) :   900  
 ( กระต่าย)
 LC50(มก./ม3) :  4655  
 / -
 ชั่วโมง  ( หนู)
 

IDLH(ppm) :  50
 ADI(ppm) :    
 MAC(ppm) :    
 

PEL-TWA(ppm) :  5
 PEL-STEL(ppm) :  
 PEL-C(ppm) :  5
 

TLV-TWA(ppm) :  5  
 TLV-STEL(ppm) :    
 TLV-C(ppm) :  5  
 

พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535(ppm) :  
 
พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 (ppm) :  
 
พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 :  
 ชนิดที่ 1  
 ชนิดที่ 2  
 ชนิดที่ 3  
พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ppm)  :    
    
    
  

เฉลี่ย 8 ชั่วโมง    
 ระยะสั้น  
 ค่าสูงสุด  5  
 สารเคมีอันตราย :    

พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 :  
 ชนิดที่ 1  
 ชนิดที่ 2  
 ชนิดที่ 3  
 ชนิดที่ 4  
หน่วยงานที่รับผิดชอบ :  กรมโรงงานอุตสาหกรรม  
 
 
 

 
 
  
  

  
 
 5. คุณสมบัติทางกายภาพและเคมี (Physical and Chemical Properties)

สถานะ : ของเหลว , ก๊าซ สี : ไม่มีสี กลิ่น : ฉุน  นน.โมเลกุล : 36.46
จุดเดือด(0ซ.) : 53 จุดหลอมเหลว/จุดเยือกแข็ง(0ซ.) :  -74
ความถ่วงจำเพาะ(น้ำ=1) :  1.18 ความหนาแน่นไอ(อากาศ=1) : 1.3
ความหนืด(mPa.sec) :  0.0148  
 ความดันไอ(มม.ปรอท) :    190  
 ที่  25
 0ซ.  
ความสามารถในการละลายน้ำที่(กรัม/100 มล.) : ละลายได้  ที่   -
 0ซ.  ความเป็นกรด-ด่าง(pH) :   -  
 ที่  -
 0ซ.  
แฟคเตอร์แปลงหน่วย 1 ppm =  1.49
 มก./ม3 หรือ 1 มก./ม3 =   0.67
 ppm ที่   25
 0ซ.  
ข้อมูลทางกายภาพและเคมีอื่น ๆ :

  - สารนี้สามารถละลายได้ในเอทานอล
 
 

 
 
  
  

  
 
 6. อันตรายต่อสุขภาพอนามัย (Health Effect)


สัมผัสทางหายใจ  - การหายใจเอาไอระเหยของสารนี้เข้าไปจะก่อให้เกิดอาการไอ หายใจติดขัด เกิดการอักเสบของจมูก ลำคอ และทางเดินหายใจส่วนบน และในกรณีที่รุนแรง จะก่อให้เกิดอาการน้ำท่วมปอด ระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้


 
สัมผัสทางผิวหนัง  - การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองเกิดผื่นแดง ปวดและเกิดแผลไหม้ การสัมผัสกับสารที่ความเข้มข้นสูงจะก่อให้เกิดแผลพุพองและผิวหนังเปลี่ยน


 
กินหรือกลืนเข้าไป  - การกลืนหรือกินเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคือง จะก่อให้เกิดอาการปวด และเกิดแผลไหม้ในปาก คอ หลอดอาหาร และทางเดินอาหาร อาจก่อให้เกิดอาการ คลื่นไส้ และท้องร่วง และอาจทำให้เสียชีวิตได้
 
สัมผัสถูกตา  - การสัมผัสถูกตาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและอาจก่อให้เกิดการทำลายได้ อาจทำให้เกิดแผลไหม้อย่างรุนแรง และก่อให้เกิดทำลายตาอย่างถาวรได้
 
การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ,อื่น ๆ - การสัมผัสกับไอระเหยของสารเป็นระยะนานจะก่อให้เกิดการกัดกร่อนต่อกัน และทำให้เกิดฤทธิ์กัดกร่อน เช่นเดียวกับฤทธิ์ของการสัมผัสกรด
- ในบุคคลที่มีอาการผิดปกติทางผิวหนัง หรือเป็นโรคทางตา จะมีความไวต่อการเกิดผลกระทบสารนี้
- ไม่เป็นสารก่อมะเร็งตาม NTP จัดเป็นสารก่อมะเร็งประเภท 3 ตามบัญชีรายชื่อของ IARC
 

 
 
  
  

  
 
 7. ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา (Stability and Reaction)


- ความคงตัวทางเคมี : สารนี้มีความเสถียรภายใต้สภาวะปกติของการใช้และการเก็บ ภาชนะบรรจุของสารอาจเกิดการแตกออกและระเบิดได้เมื่อสัมผัสกับความร้อน
- สารที่เข้ากันไม่ได้ : โลหะ โลหะออกไซด์ ไฮดรอกไซด์ เอมีน คาร์บอเนต สารที่เป็นเบส และสารอื่น ๆ เช่น ไซยาไนด์ ซัลไฟด์ และฟอมัลดีไฮด์
- สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความร้อน และการสัมผัสโดยตรงกับแสง
- สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : เมื่อสารนี้สัมผัสกับความร้อน จะเกิดการสลายตัวและปล่อยฟูม/ควันของไฮโดรเจนคลอไรด์ที่เป็นพิษและจะเกิดปฏิกิริยากับน้ำหรือไอน้ำ ทำให้เกิดความร้อน และเกิดฟูมหรือควันของสารที่เป็นพิษและมีฤทธิ์การสลายตัวของสารจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น เนื่องจากความร้อนจะทำให้เกิดฟูม/ควันของก๊าซไฮโดรเจนซึ่งสามารถระเบิดได้
- อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น




 

 
 
  
  

  
 
 8. การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด (Fire and Explosion)

จุดวาบไฟ(0ซ.) :  -  จุดลุกติดไฟได้เอง(0ซ.) :  -  
ค่า LEL % : - UEL % :  - NFPA Code :    
LFL % : - UFL % :  -
 
- การสัมผัสกับความร้อนสูงหรือการสัมผัสกับโลหะจะก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซไฮโดรเจนซึ่งไวไฟออกมา
- สารดับเพลิงในกรณีเกิดเพลิงไหม้ให้ใช้ น้ำฉีดเป็นฝอย และทำให้สารเป็นกลางโดยใช้โซดาไฟหรือปูนขาว
- กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า
- ใช้น้ำฉีดหล่อเย็นเพื่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสเพลิงไหม้ และให้อยู่ห่างจากภาชนะบรรจุสาร

 
 
 
 

 
  
  

  
 
 9. การเก็บรักษา/สถานที่เก็บ/เคลื่อนย้าย/ขนส่ง (Storage and Handling)


- เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด และป้องกันการเสียหายทางกายภาพ
- เก็บในบริเวณที่เย็นและแห้ง
- เก็บในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ
- เก็บในบริเวณที่มีพื้นป้องกันกรด และมีระบบระบายออกที่ดี
- เก็บห่างจาก การสัมผัสโดยตรงกับแสง ความร้อน น้ำ และสารที่เข้ากันไม่ได้
- อย่าทำการฉีดล้างภายนอกภาชนะบรรจุหรือนำเอาภาชนะไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น
- เมื่อต้องการเจือจางให้ทำการค่อย ๆ เติมกรดปริมาณน้อย ๆ ลงในน้ำ อย่าใช้น้ำร้อนหรืออย่าทำการเติมน้ำลงในกรดเพราะจะทำให้ไม่สามารถควบคุมจุดเดือดของสารได้
- เมื่อทำการเปิดภาชนะบรรจุสารที่ทำจากโลหะให้ใช้อุปกรณ์ที่ป้องกันการเกิดประกายไฟ เพราะในการเปิดอาจเกิดก๊าซไฮโดรเจนขึ้นได้
- ภาชนะบรรจุของสารที่เป็นถังเปล่า แต่มีกากสารเคมีตกค้างอยู่ เช่น ไอระเหย ของเหลว อาจเป็นอันตรายได้
- ให้สังเกตคำเตือนและข้อควรระวังทั้งหมดที่ให้ไว้สำหรับสารนี้
- ชื่อทางการขนส่ง : Hydrochloric acid
- รหัส UN : 1789
- ประเภทอันตราย : 8
- ประเภทการบรรจุหีบห่อ :กลุ่ม III


 

 
 
  
  

  
 
 10. การกำจัดกรณีรั่วไหล (Leak and Spill)


- วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล ให้จัดให้มีการระบายอากาศในบริเวณที่มีการหกรั่วไหล
- ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม ให้กั้นแยกเป็นพื้นที่อันตราย และกันบุคคลที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องและไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันออกจากบริเวณหกรั่วไหล
- ให้เก็บของเหลวที่หกรั่วไหลและนำกลับมาใช้ใหม่ถ้าสามารถทำได้
- ทำให้สารเป็นกลางโดยใช้สารที่เป็นเบส เช่น โซดาไฟ ปูนขาว และทำการดูดซับส่วนที่หกรั่วไหลด้วยวัสดุที่เฉื่อย เช่น แร่หินทราย (Vermiculite) ทรายแห้ง ดิน และเก็บใส่ในภาชนะบรรจุสำหรับกากของเสียเคมี




 

 
 
  
  

  
 
 11. อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPD/PPE)


 
      
    
ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) :
- ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 50 ppm :ให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) ซึ่งมี canaister ประเภทที่เหมาะสม โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 250 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
- ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพ (HEPA filter) หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50

 
 

 
  
  

  
 
 12. การปฐมพยาบาล (First Aid)


หายใจเข้าไป:    - ถ้าหายใจเข้าไปให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย นำส่งไปพบแพทย์
 
กินหรือกลืนเข้าไป:    - ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป อย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียนให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ หรือนมปริมาณมาก ๆ ถ้าสามารถหาได้ ห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ นำส่งไปพบแพทย์ทันที
 
สัมผัสถูกผิวหนัง:      - ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที พร้อมถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อนสารเคมีออก ซักทำความสะอาดเสื้อผ้า และรองเท้าก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ นำส่งไปพบแพทย์
 
สัมผัสถูกตา :    - ถ้าสัมผัสถูกตาให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที กระพริบตาถี่ ๆ นำส่งไปพบแพทย์ทันที
 
อื่น ๆ:    
 

 
 
  
  


  

  
 
 13. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impacts)


- เมื่อรั่วไหลลงสู่ดินคาดว่าสารนี้จะไม่เกิดการสลายตัวทางชีวภาพ และสารนี้อาจถูดดูดซึมเข้าสู่แหล่งน้ำใต้ดินได้
- สารนี้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในน้ำ จะเกิดอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงค่าพีเอช
- ห้ามทิ้งลงสู่ระบบน้ำ น้ำเสีย หรือดิน



 

 
 
  
  

  
 
 14. การเก็บและวิเคราะห์ (Sampling and Analytical)

NMAM NO. :  
 7903 OSHA NO. :  ID 174 SG
วิธีการเก็บตัวอย่าง :  
 กระดาษกรอง  
 หลอดเก็บตัวอย่าง  
 อิมพิ้นเจอร์
วิธีการวิเคราะห์ :  
 ชั่งน้ำหนัก  
 สเปคโตโฟโตมิเตอร์  
  
 แก๊ซโครมาโตกราฟฟี  
 อะตอมมิกแอบซอปชั่น
ข้อมูลอื่น ๆ :
  - การเก็บตัวอย่างใช้ Washed silica gel, 400 mg/1200 mg with glass fiber filtger plug
- อัตราไหลสำหรับเก็บตัวอย่าง 0.2 ถึง 0.5 ลิตรต่อนาที
- ปริมาตรเก็บตัวอย่างต่ำสุด 3 ลิตร , สูงสุด 100 ลิตร
 
 

 
 
  
  

  
 
 15. ขั้นตอนการปฎิบัติงานฉุกเฉิน (Emergency Response)

AVERS Guide :

 42  DOT Guide : 157  
 - กรณีฉุกเฉินโปรดใช้บริการระบบให้บริการข้อมูลการระงับอุบัติภัยจากสารเคมีทางโทรศัพท์หรือสายด่วน AVERS ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1650
 - ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ กองจัดการสารอันตรายและกากของเสีย กรมควบคุมมลพิษ โทร 0 2298 2447,0 2298 2457
 

 http://msds.pcd.go.th/searchName.asp?vID=42

 
บันทึกการเข้า

"CHIAB"
มนุษย์เราแต่ละคน  ต่างไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไม่มีใครรู้จักกันมาก่อนเลย  แล้ววันหนึ่งก็มาพบหน้ากัน  สมมุติเป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเมีย  เป็นสามี  เป็นลูก  อยู่ร่วมกัน  ใช้ชีวิตร่วมกัน และแล้ววันหนึ่ง  ก็แยกย้ายด้วยการ  "ตายจาก"  กันไปสู่  ณ  ที่ซึ่งไม่มีใครได้ตามพบ  คืนสู่ความเป็นผู้ไม่รู้ว่ามาจากไหน  ไปไหน  และคืนสู่ความเป็น  "คนแปลกหน้า"  ซึ่งกันและกันอนันกาลอีกครั้งหนึ่ง...และอีกครั้งหนึ่ง!?
ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน ที่ให้ข้อคิดดีๆ
numtc.25
member
*

คะแนน0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41


อีเมล์
« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 21, 2009, 08:12:44 pm »

เท่าที่อ่านกระทู้ของพี่b.chaiyasith ผมว่าสาร hcl เป็นสารอันตรายมากๆเลยครับ ผมว่าผมลองใช้วิธีของ k.ruengyot ดูก่อนว่าได้ผลหรือไม่ แล้วจะ update ให้ีพี่ ๆอีกครั้งครับ  Cheesy
บันทึกการเข้า
omomo
member
*

คะแนน11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 197


จงจองจำตัวเองด้วยอิสระภาพ


« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 21, 2009, 08:24:06 pm »

รบกวนถาม คุณomomo ถ้าไปถึงร้านขายเคมี ไปบอกกับผู้ขายว่า ต้องการ HCL
บอกเท่านี้ก็ได้เลยหรือครับ ราคาแพงไหมครับ เขาขายอย่างไรครับ Smiley
ผมห่างจากระบบนี้มานานแต่ตอนที่เคยใช้ถังหนึ่ง 20 ลิตร 4000 บาท แต่ร้านขายไม่รู้เพราะฝ่ายจัดชื้อหามาให้ ลองหาในกูเกิ้ลดู แต่บอกเลยว่าคุ้มครับท่อภายในสะอาดชัวครับ ก่อนใช้อ่าน msds ของท่าน b.chaiyasith ก่อนนะครับเพราะอันตรายต่อผิวหนังและระบบหายใจ
บันทึกการเข้า
santipp
ซุปเปอร์ วีไอพี
member
*

คะแนน180
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 631


« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 21, 2009, 08:48:37 pm »

ขอบคุณ ท่าน omomo มากครับ ศึกษาไว้ เพื่อต้องใช้ เพราะถ้าเป็นตู้รุ่นใหญ่ๆ แคปทิ้วตัน สอดแคปทิ้วเข้าซัคชั่นไม่รอดครับ เนื่องจากซัคชั่นคตโค้งมาก ไม่เหมือนตู้ 250WLX,200WLX ท่านomomo คงยังจำโครงสร้างภายในผนังได้มังครับ ส่วนที่ท่านว่าคอมฯลูกสูบบวม จะเจอกับตู้รุ่นเล็กครับ(ตู้ประตูเดียว)เป็นตู้ที่เขาเพิ่งเริ่มใช้คอมฯของเขาเองใหม่ๆตามเปลี่ยนคอมฯกันอยู่นานเลยครับ(หลังจากที่เจอคอมฯกุลธรลิ้นคอมฯแตก) Smiley
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!