ขรก.เฮเตรียมเบิกค่าเทอมลูก กฤษฎีกาตีความร.ร.เก็บเพิ่มได้
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 23, 2024, 12:05:35 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขรก.เฮเตรียมเบิกค่าเทอมลูก กฤษฎีกาตีความร.ร.เก็บเพิ่มได้  (อ่าน 3601 ครั้ง)
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« เมื่อ: มิถุนายน 03, 2008, 09:36:53 pm »



ข้าราชการเตรียมตัวเบิกค่าเทอมลูกได้ หลังกฤษฎีกาตีความ ร.ร.ขอรับเงินเพิ่มเติมจากผู้ปกครองได้ในบางกรณี ยึดหลักเป็นไปตามความสมัครใจ ไม่บังคับเก็บเป็นรายบุคคล ด้าน สพฐ.รอกรมบัญชีกลางกำหนดประเภท อัตราเงินบำรุงการศึกษาที่ให้ ขรก.เบิกได้

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความโรงเรียนเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้ปกครองได้หรือไม่ เสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน แต่ยังไม่ได้แจ้งผลการตีความมายังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แต่ทราบจากบันทึกการประชุมว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาลงความเห็นให้โรงเรียนสามารถขอรับเงินเป็นบางกรณีจากผู้ปกครองได้ เช่น โรงเรียนจัดให้บริการทางการศึกษาพิเศษนอกเหนือหลักสูตรปกติกับนักเรียน หรือขอบริจาคเงินจากผู้ปกครองมาแก้ปัญหาความขาดแคลนต่างๆ เช่น จ่ายค่าสาธาณูปโภค แต่ต้องเป็นความสมัครใจของผู้ปกครอง ไม่ใช่บังคับจ่ายรายบุคคล

 ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาขอให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แจงให้ละเอียดว่า รายการใดบ้างอยู่ในการจัดการศึกษาตามหลักสูตร และรายการใดเป็นบริการเสริมพิเศษนอกเหนือหลักสูตร ขณะที่โรงเรียนก็ควรแจกแจงให้ผู้ปกครองทราบชัดเจนเช่นกันว่า เงินที่ขอเก็บตามความสมัครในจากผู้ปกครอง นำไปใช้ดำเนินการในเรื่องใดบ้าง

 “การตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกานี้ ถือว่ายืดหยุ่นและสะท้อนความเป็นจริง สอดคล้องในหลักการกับนโยบายของ สพฐ. หลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาทำหนังสือแจ้งเรื่องอย่างเป็นทางการมายัง สพฐ.แล้ว จะต้องรอให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กำหนดประเภทและอัตราเงินบำรุงการศึกษาที่อนุญาตให้ข้าราชการเบิกเงินสวัสดิการการศึกษาของบุตรได้เสร็จเรียบร้อยก่อน เพื่อรองรับว่า ข้าราชการสามารถเบิกที่จ่ายเพิ่มเติมให้โรงเรียนได้ ซึ่งกรมบัญชีกลางมักจะกำหนดให้เบิกได้ตามอัตราและประเภทเงินบำรุงการศึกษาที่ ศธ.กำหนด ดังนั้น สพฐ.ก็จะต้องมาจัดทำประกาศ ศธ. ว่าด้วยการเก็บเงินบำรุงการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เมื่อทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้ปกคอรงที่เป็นข้าราชการจึงจะสามารถเบิกเงินสวัสดิการทางการศึกษาได้" คุณหญิงกษมากล่าว


วันเดียวกัน มีผู้ปกครองรายหนึ่งซึ่งลูกเข้าเรียนชั้น ม.1 ร.ร.ท่าม่วงราษฎร์บำรุง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี โทรศัพท์มาร้องเรียนต่อ "คม ชัด ลึก" ว่า ร.ร.ท่าม่วงราษฎร์บำรุงได้ขอระดมทรัพยากรจากผู้ปกครองในปีการศึกษา 2551 โดยนักเรียนระดับชั้น ม.1 และ ม.4 เก็บค่าใช้จ่ายเป็นเงินคนละ 2,181 บาทต่อเทอม ส่วนระดับชั้น ม.2 ม.3 ม.4 และ ม.5 เก็บค่าใช้จ่ายต่างๆ คนละ 2,000 บาทต่อเทอม ซึ่งโรงเรียนได้ประชุมผู้ปกครองเพื่อมอบตัวนักเรียนเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ชี้แจงให้ผู้ปกครองทราบว่า จะเก็บค่าใช้จ่ายในรายการใดบ้าง และไม่ได้สอบถามผู้ปกครองว่าสมัครใจที่จะจ่ายหรือไม่ แต่เมื่อผู้บริหารโรงเรียนแจ้งเรื่องแล้วก็จบการประชุม ซึ่งทราบมาว่า โรงเรียนเก็บค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าสระว่ายน้ำ

  "โรงเรียนควรชี้แจงต่อผู้ปกครองว่าเงินที่เรียกเก็บนั้นนำไปใช้ประโยชน์อะไร แต่ก็จ่ายเงินให้โรงเรียนไปแล้วและยังไม่ได้รับใบเสร็จ ทางโรงเรียนแจ้งว่าจะให้ครูที่ปรึกษานำมาให้นักเรียนเพื่อส่งต่อผู้ปกครอง ที่บ้านทำงานได้เงินเดือน 4,000 บาท เสียค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,000 บาทแล้ว ถ้าถูกเรียกเก็บแบบนี้บ่อยๆ คงต้องเดือดร้อนหนัก" ผู้ปกครองรายเดิมกล่าว

  นายภิเษก ประกอบ ผอ.ร.ร.ท่าม่วงราษฎร์บำรุงกล่าวว่า การขอระดมทรัพยากรจากผู้ปกครองนั้น โรงเรียนทำตามนโยบายและระเบียบของ สพฐ. โดยก่อนดำเนินการได้เสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งได้พิจารณาอย่างรอบคอบ และเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครองให้น้อยที่สุด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ปกครอง

 ทั้งนี้ ช่วงเดือนเมษายน ได้ประชุมผู้ปกครองทุกระดับชั้น เพื่อชี้แจงว่าโรงเรียนจะขอระดมทรัพยากรจากผู้ปกครองในรายการใดบ้าง พร้อมขออนุญาตผู้ปกครองว่าจะให้เรียกเก็บได้หรือไม่ ซึ่งผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็เซ็นอนุญาตให้เรียกเก็บได้ แต่มีผู้ปกครองบางส่วนไม่ได้เซ็นอนุญาต ทางโรงเรียนทำได้แค่ขอร้องให้ช่วยเหลือโรงเรียน เพราะขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ปกครอง 


ผอ.ร.ร.ท่าม่วงราษฎร์บำรุงกล่าวอีกว่า ส่วนค่าใช้จ่ายที่โรงเรียนขอระดมทรัพยากรจากผู้ปกครองนั้น ไม่ได้เรียกเก็บค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า แต่เรียกเก็บในส่วนของค่าใช้จ่ายกิจกรรมนอกเหนือหลักสูตร ได้แก่ 1.ค่าดูแลสระว่ายน้ำคนละ 100 บาทต่อเทอม ซึ่งมีนักเรียน ม.1-ม.6 ประมาณ 2,000 คน เก็บได้ 4 แสนบาท แต่เสียค่าใช้จ่ายในการดูแลสระว่ายน้ำจำนวนมาก แยกเป็นค่าคลอรีนปีละ 1.6 แสนบาท ค่าไฟฟ้าปีละ 7-8 หมื่นบาท ค่าจ้างครูดูแลและสอนว่ายน้ำ และเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดปีละกว่า 1 แสนบาท 2.ค่าคอมพิวเตอร์คนละ 500 บาทต่อเทอม เพราะโรงเรียนต้องเช่าคอมพิวเตอร์

 3.ค่าจ้างครูคนไทยและต่างประเทศคนละ 500 บาทต่อเทอม เพราะทางโรงเรียนจ้างครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ครูชาวต่างประเทศสอนภาษาจีนและภาษาอังกฤษ และเจ้าหน้าที่ธุรการ รวมประมาณ 20 คน เนื่องจากครูมีไม่พอและครูชาวต่างประเทศนั้นต้องจ้างเดือนละ 2 หมื่นบาท 4.ค่าผลิตสื่อคนละ 300 บาทต่อเทอม เพราะโรงเรียนสนับสนุนให้ครูผลิตสื่อการสอนที่ทันสมัย ใช้ตำราเรียนน้อยลง 5.ค่าห้องสมุดคนละ 100 บาท ซึ่งโรงเรียนสร้างอาคารหอสมุดใหม่ และติดตั้งเครื่องปรับอากาศ 20 ตัว คอมพิวเตอร์ 40 ตัว และพัดลม 16 ตัว และต้องจ้างบุคลากรเพิ่มอีก 2 คน จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 3 คน 6.ค่าประกันชีวิตนักเรียนคนละ 170 บาทต่อเเทอม 7.ค่ารายงานผลการเรียนของเด็กคนละกว่า 100 บาทต่อเทอม 8.ค่าดูแลสุขภาพนักเรียนคนละ 120 บาทต่อเทอม โดยนำไปใช้ในกิจกรรมของห้องพยาบาล ค่าทำความสะอาดเพราะโรงเรียนจ้างเอกชนมาช่วยทำความสะอาดโรงเรียน เพราะภารโรงที่มีกว่า 10 คนไม่เพียงพอ และค่าสมาคมผู้ปกครองคนละ 100 บาทต่อปี

  นายภิเษกกล่าวต่อไปว่า โรงเรียนไม่ได้เรียกระดมทรัพยากรจากผู้ปกครองในเดือนเมษายนทันที แค่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเท่านั้น เพราะเกรงผู้ปกครองจะได้รับความเดือดร้อน แต่มาขอเรียกเก็บในการประชุมผู้ปกครองในการมอบตัวนักเรียนเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยได้แจ้งต่อผู้ปกครองว่าขอเรียกเก็บ แต่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดว่าเรียกเก็บรายการใดบ้าง เพราะเคยชี้แจงและขออนุญาตผู้ปกครองไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน จึงให้อาจารย์ที่ปรึกษาของนักเรียนแต่ละห้องแจ้งแก่นักเรียน เนื่องจากนักเรียนมีจำนวนมาก และผู้ปกครองรายใดที่จ่ายแล้วก็ออกใบเสร็จให้ด้วย อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่า ผู้ปกครองที่โทรศัพท์มาร้องเรียนต่อหนังสืพิมพ์ "คม ชัด  ลึก" คงไม่ได้มาประชุมผู้ปกครองเมื่อเดือนเมษายน จึงไม่ทราบรายละเอียด

"โรงเรียนไม่ได้ขู่เข็ญ บังคับเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองทุกคน หากผู้ปกครองไม่ได้จ่าย ก็ไม่ได้ทำให้เด็กเดือดร้อนถึงขั้นไม่ได้เรียน เพราะเข้าใจว่าผู้ปกครองบางคนมีลูก 2-3 คน และช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ผู้ปกครองที่ยังไม่พร้อมจะจ่ายขอผ่อนผันได้ถึง 1 ปีการศึกษา หรือผู้ปกครองที่ยากจนขอยกเว้นไม่จ่ายได้ขอให้มาลงบันทึกไว้กับโรงเรียน จะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานพิจารณายกเว้น อีกทั้งโรงเรียนมีเงินอุดหนุนปัจจัยขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนยากจนชั้น ม.1-ม.3 คนละ 1,000-2,000 บาทต่อปี ที่ผ่านมามีนักเรียนยากจนขอรับเงินอุดหนุนส่วนนี้ 200 คน และยังมีทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจน ส่วนนักเรียน ม.ปลาย มีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้กู้ยืม อย่างไรก็ตาม ในเทอมต่อไปจะพยายามปรับลดการขอเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองเพื่อให้เดือดร้อนน้อยที่สุด" ผอ.ร.ร.ท่าม่วงราษฎร์บำรุงกล่าว

 คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการ กพฐ.กล่าวว่า กรณีที่มีผู้ปกครองร้องเรียนว่า ร.ร.ท่าม่วงราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี เรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากผู้ปกครองโดยไม่สอบถามความสมัครใจนั้น ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ที่ผ่านมาได้รับร้องเรียนเรื่องลักษณะนี้มากว่า 10 ราย และกำลังตรวจสอบอยู่

 "ได้มีหนังสือคำสั่งออกไปถึงโรงเรียนต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมแล้วว่า เมื่อได้รับงบค่าใช้จ่ายรายหัวเพิ่มจากรัฐบาลในปีนี้ สถานศึกษาก็ต้องไม่เก็บค่าใช้จ่ายจากนักเรียนเพิ่มเติมเป็นรายบุคคล แต่ถ้าโรงเรียนจำเป็นต้องขอระดมเงินจากผู้ปกครอง จะเป็นไปตามความสมัครใจ และทำได้ใน 2 กรณี คือ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนต่างๆ เช่น ครู หรือจ่ายค่าสาธารณูปโภค หรือเพื่อจัดบริการพิเศษนอกเหนือหลักสูตรปกติให้แก่นักเรียน หากผู้ปกครองไม่สมัครใจจ่าย ทางโรงเรียนก็ไม่มีสิทธิ์เก็บเงิน หรือถ้าเก็บมาแล้วก็ต้องคืน ซึ่งมีหลายโรงเรียนได้คืนเงินให้ผู้ปกครองไปบ้างแล้ว" เลขาธิการ กพฐ.กล่าว


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!