ศาลปกครองระงับขึ้นค่ารถเมล์มีผลตั้งแต่วันนี้
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 23, 2024, 03:37:24 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ศาลปกครองระงับขึ้นค่ารถเมล์มีผลตั้งแต่วันนี้  (อ่าน 3636 ครั้ง)
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 06:49:28 am »



ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับการขึ้นค่ารถโดยสารรถ ขสมก.-รถร่วม มีผลตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ครม.ออกมาตรการประหยัดพลังงาน เล็งห้ามขับรถเกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เล็งออกคูปองคนชราและเด็กนักเรียน พร้อมลดภาษีใช้ "เอ็นจีวี-อี 85" ส่วนชาวประมงเฮ ได้ใช้น้ำมันม่วงสัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ศาลปกครองกลาง ถนนสาทรใต้ นายชาชิวัฒณ์ ศรีแก้ว ตุลาการเจ้าของสำนวนคดีดำหมายเลข 811/2551 คดีขึ้นค่ารถเมล์ มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวคดีที่นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ ยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 เรื่องเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการออกคำสั่งโดยมิชอบกรณีที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งฯ มีมติเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รถร่วม ขสมก. รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และรถร่วม บขส. ซึ่งจะให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม

 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถประจำทางหมวด 1 ในเขตกทม. และจังหวัดใกล้เคียงที่มีเส้นทางต่อเนื่อง ซึ่งได้แก่ รถมาตรฐาน 3 (สีขาว-น้ำเงิน) อัตราไม่เกิน 10 บาทต่อคนต่อเที่ยว รถมาตรฐาน (สีครีม-แดง) อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 9 บาทต่อคนต่อเที่ยว รถโดยสารมินิบัส อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 8 บาทต่อคนต่อเที่ยว รถมาตรฐาน 2 (รถโดยสารปรับอากาศธรรมดา คำนวณค่าโดยสารตามระยะทาง 13-21 บาทต่อคนต่อเที่ยว รถมาตรฐาน 2 (รถโดยสารปรับอากาศยูโร 1 และ ยูโร 2) คำนวณค่าโดยสารตามระยะทาง 14-26 บาทต่อคนต่อเที่ยว และรถโดยสาร ประจำทางหมวด 4 ในเขต กทม. ได้แก่ รถมาตรฐาน 3 (รถโดยสารธรรมดา ลักษณะพิเศษ (ข) ) อัตราไม่เกิน 10 บาทต่อคนต่อเที่ยว รถมาตรฐาน 3 (รถโดยสารธรรมดา และหรือรถโดยสารสองแถว) อัตราไม่เกิน 7.50 บาทต่อคนต่อเที่ยว

 ส่วนรถมาตรฐาน 2 (รถปรับอากาศธรรมดา) คำนวณค่าโดยสารตามระยะทาง 11-19 บาทต่อคนต่อเที่ยว รถมาตรฐาน 2 (รถปรับอากาศยูโร 1 และยูโร 2) คำนวณค่าโดยสารตามระยะทาง 14-26 บาทต่อคนต่อเที่ยวนั้น เป็นการออกคำสั่งทางปกครองโดยยังไม่มีข้อเท็จจริง ประกอบการพิจารณาอย่างเพียงพอที่จะทำให้การพิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารเป็นไปอย่างถูกต้อง เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีรถโดยสารที่ติดตั้งระบบก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาน้ำมันดีเซล หมุนเร็ว จำนวนมากถึง 2,073 คัน แยกเป็นรถโดยสาร ขสมก.จำนวน 104 คัน จาก 3,524 คัน และรถร่วม ขสมก.จำนวน 1,969 คัน จากจำนวน 6,938 คัน ซึ่งการพิจารณาการขึ้นค่ารถโดยสารตามมติคณะกรรมการขนส่งฯ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ควรนำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาประกอบ แต่ปรากฏตามบันทึกการให้ถ้อยคำของนายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ถูกฟ้องที่ 1 ให้ถ้อยคำต่อศาลว่าไม่ได้นำข้อมูลการติดแก๊สเอ็นจีวีไปพิจารณาประกอบด้วย

 ดังนั้นศาลจึงเห็นว่า มติของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ดังกล่าว จึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายประกอบกับหาให้คำสั่งทางปกครองมีผลใช้บังคับต่อไป แล้วต่อมาหากศาลมีคำพิพากษาให้ผู้ฟ้องชนะคดี ก็ย่อมจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ยากแก่การเยียวยาในภายหลัง ที่จะให้ผู้ประกอบการคืนเงินค่าโดยสารส่วนที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ฟ้องคดี รวมทั้งประชาชนทั่วไป อีกทั้งศาลเห็นว่าหากมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับมติของผู้ถูกฟ้องที่ 1 แล้วก็ไม่เป็นปัญหา อุปสรรคต่อการบริหารงานของผู้ถูกฟ้องที่ 1 และการบริหารงานของรัฐรวมทั้งการบริการสารธารณะเนื่องจาก ขสมก. ไม่ได้ร้องขอให้ปรับค่าโดยสารและยังคงให้บริการอยู่เช่นเดิม จึงสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับขึ้นราคา ค่ารถโดยสารประจำทางหมวด 1 และ หมวด 4  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

 อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรถสองแถว รถรับส่งนักเรียนในต่างจังหวัด ต่างพากันขยับราคาเพิ่มขึ้น ทั้ง จ.กาฬสินธุ์ และ จ.พิจิตร จากการปรับขึ้นราคาดังกล่าว สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ปกครองนักเรียนนักศึกษาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรายที่มีลูกหลายคน ผู้ประกอบการก็พยายามช่วยเหลือผู้ปกครองด้วยการให้ติดหนี้ไว้ก่อน 1 เดือนบ้าง 2 เดือนบ้าง

เล็งจำกัดความเร็ว90 กม./ชม.

  พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่างภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมอนุมัติในหลักการกรอบมาตรการแก้ไขวิกฤติพลังงานและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยในส่วนของกระทรวงพลังงานนั้น มีมาตรการประหยัดพลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ทั้งก๊าซเอ็นจีวีและน้ำมันอี 85 ซึ่งมาตรการประหยัดพลังงานจะรณรงค์ให้ประหยัดทุกภาคส่วน โดยให้หน่วยงานของรัฐบาลดำเนินการเป็นแบบอย่างอย่างเคร่งครัด เช่น การปรับระดับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25-26 องศาเซลเซียส การปรับเปลี่ยนรถยนต์ราชการไปใช้ก๊าซเอ็นจีวี การปรับเปลี่ยนเวลาเพื่อลดภาระด้านการจราจร การจำกัดความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในส่วนนี้จะไปพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการบังคับได้หรือไม่

 ส่วนการสนับสนุนให้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีนั้น ครม.เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมปรับเปลี่ยนระบบรถโดยสาร ขสมก.เป็นรถเอ็นจีวีจำนวน 6,000 คัน และพลังงานจะร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สนับสนุนการเปลี่ยนรถแท็กซี่ที่ใช้แอลพีจีเป็นเอ็นจีวีจำนวน 42,750 คัน ภายในปี 2551 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดหา และส่งเสริมให้มีการปรับเปลี่ยนรถยนต์ไปใช้เอ็นจีวีไม่ต่ำกว่า 122,370 คันภายในสิ้นปี 2551

 ขยายเวลาลดภาษี 4 ปีหนุนใช้เอ็นจีวี

 ส่วนปัญหาสถานีบริการ ปริมาณก๊าซ และรถขนก๊าซเอ็นจีวีไม่เพียงพอ ที่ประชุมเห็นชอบให้เร่งรัดขยายสถานีบริการภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ไม่น้อยกว่า 260 สถานี จากเดือนเมษายนมีอยู่ 177 สถานี คาดว่าเดือนธันวาคมปีนี้จะมีจำนวนทั้งสิ้น 355 สถานี หรือเพิ่มขึ้น 205% โดยจะขอความร่วมมือจากส่วนราชการ ให้จัดหาสถานที่ก่อสร้างรองรับความต้องการเอ็นจีวีที่ไม่ต่ำกว่า 600 ตันต่อวัน สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณการใช้ทั้งสิ้น 73,700 ตัน

 รวมถึงการเพิ่มจำนวนรถขนก๊าซจาก 800 คัน เป็น 1 หมื่นกว่าคันภายในสิ้นปี และเร่งรัดการลงทุนวางท่อส่งก๊าซในเส้นทางหลักภาคเหนือจากจ.พระนครศรีอยุธยาถึง จ.นครสวรรค์ รวม 172 กิโลเมตร ลงทุน 8,600 ล้านบาท สายตะวันออกเฉียงเหนือจาก จ.สระบุรีถึง จ.นครราชสีมาระยะทาง 152 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 7,600 ล้านบาท สายใต้จาก จ.ราชบุรีถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 373 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 1.8 หมื่นล้านบาท รวมเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 3.8 หมื่นล้านบาท โดยให้ ปตท.เป็นผู้ลงทุนคาดว่าดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 3 ปี

 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายระยะเวลาการลดภาษีสนับสนุนการใช้เอ็นจีวี ทั้งการขยายระยะเวลา การยกเว้นภาษีนำเข้าถังบรรจุก๊าซเอ็นจีวีและอุปกรณ์ควบคุมการใช้เอ็นจีวีออกไปอีก 4 ปีจากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เป็นธันวาคม 2555 และให้หักค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อทรัพย์สินประเภทเครื่องจักร อุปกรณ์ วัสดุ เอ็นจีวี รวมค่าติดตั้งเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้ 25% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งกระทรวงการคลังรับไปดำเนินการต่อไป

เร่งรัดใช้อี 85 ให้ได้ 60% ในปี 54

 รมว.พลังงานกล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์อี 85 ภายในปีนี้ โดยให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และกระทรวงเกษตรฯ จัดทำแผนส่งเสริมการผลิตและการใช้อี 85 ทั้งมาตรการลดหย่อนภาษี ส่งเสริมใช้วัตถุดิบ การทำเอทานอลและขยายสถานีบริการ มาเสนอครม.อีกครั้งหนึ่ง ในส่วนของพลังงานยืนยันว่ามีความพร้อมดำเนินการได้ภายใน 3-5 เดือน และขอให้มั่นใจว่ากำลังการผลิตเอทานอลมีเพียงพอรองรับความต้องการใช้จากปัจจุบันมีจำนวนโรงงานผลิต 8 แห่งจะเพิ่มอีก 11 โรง ในปี 2552 และจากที่ได้รับใบอนุญาตมีทั้งสิ้น 45 โรง ได้ประสานงานกัน ปตท.และบางจากแล้ว ยืนยันว่าพร้อมเปิดสถานีบริการ 30-50 แห่ง ภายใน 3-5 เดือน ทั่วประเทศ และได้หารือกับค่ายรถยนต์ทั้งยุโรปและญี่ปุ่น ทางค่ายยุโรปมีความพร้อมในการนำรถสำหรับใช้อี 85 เข้ามาภายใน 3-5 เดือน และมีผลิตในประเทศภายใน 18 เดือน ส่วนค่ายญี่ปุ่นสามารถผลิตได้ภายใน 2-3 ปี เชื่อว่ามาตรการประหยัดพลังงานและส่งเสริมใช้พลังงานทดแทนจะทำให้มีการปรับเปลี่ยนมาใช้ อี 85 ได้ 60% ของพลังงานทั้งหมด ได้ภายในปี 2554 จะช่วยประหยัดเงินจากการนำเข้าน้ำมันได้ถึงปีละ 9.6 หมื่นล้านบาท และช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรปีละ 8.2 หมื่นล้านบาท จากการปลูกพืชผลิตเอทานอล

 นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรฯ ขอมติจำหน่ายน้ำมันม่วงให้แก่กลุ่มอาชีพชาวประมง 17 จังหวัดติดชายทะเล จำนวน 90 ล้านลิตร ระยะเวลา 6 เดือน ในราคาที่ถูกกว่าน้ำมันดีเซลตามท้องตลาดลิตรละ 2 บาท โดยจะเป็นการช่วยเหลือชาวประมงชายฝั่งที่ไม่สามารถขับเรือออกไปเติมน้ำมันราคาถูกที่ห่างจากฝั่งไป 5 ไมล์ทะเลได้ จึงร้องขอให้กระทรวงพลังงานอนุญาตให้จำหน่ายน้ำมันม่วงบนฝั่งได้ เพื่อช่วยเหลือเรือประมงพื้นบ้าน ที่ขณะนี้หยุดการหาปลาไปแล้วกว่า 2 หมื่นลำ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าเรือประมงจะสามารถมาเติมน้ำมันม่วงได้

เล็งออกคูปองโดยสารช่วยคนชรา-นักเรียน

 นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลกำลังหาแนวทางลดภาระให้แก่คนชราและเด็กนักเรียน ในการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะโดยจ่ายเป็นคูปอง ซึ่งกำลังหาแนวทางที่เหมาะสม สำหรับการออกคูปองเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนในบางส่วนเท่านั้น เช่น คนชราและเด็กนักเรียนที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เมื่อได้ข้อสรุปก็จะเสนอให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง ยืนยันจะไม่มีการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการทั่วไป เพราะจะทำให้ประชาชนไม่ประหยัดการใช้พลังงาน

 ด้านนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สัปดาห์นี้คณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงาน จะประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดแนวทางสนับสนุนภาคขนส่งให้ใช้ก๊าซเอ็นจีวี และประหยัดพลังงานลดผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง โดยแนวทางหลักจะให้ความสำคัญต่อผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นอันดับแรก โดยมีวงเงินสนับสนุนประมาณ 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จำนวน 5,000 ล้านบาท และกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 4,000 ล้านบาท กองทุนอนุรักษ์พลังงานจะปล่อยกู้เฉพาะรถโดยสารสาธารณะที่ให้บริการในเขต กทม. อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการร่วมฯ จะพิจารณาวางหลักเกณฑ์ช่วยเหลือผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางทั้งหมด ได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน ส่วนอัตราค่าโดยสารของรถโดยสารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และรถร่วมบริการ ต้องนำข้อมูลที่กรมการขนส่งทางบกศึกษาต้นทุนเดินรถมาประกอบการพิจารณาก่อนกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนน้ำมัน

 ด้านนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ขสมก.ได้เปลี่ยนเชื้อเพลิงมาใช้ไบโอดีเซล บี 5 แทนน้ำมันดีเซล ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ลิตรละ 0.50 บาท หรือประหยัดค่าใช้จ่ายวันละ 1 แสนบาท อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวนั้น ขสมก.ต้องรอให้แผนฟื้นฟูผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ ขสมก. เพื่อให้นำไปสู่ภาคปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ ขสมก. ประหยัดประมาณวันละ 2,000 บาทต่อวันต่อคัน

 นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ที่ผ่านมา บขส.ต้องแบกภาระขาดทุนจากต้นทุนเพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันแพง โดยเดือนเมษายนขาดทุนถึง 30 ล้านบาท เพราะอัตราค่าโดยสารของ บขส. อยู่บนฐานราคาน้ำมันที่ลิตรละ 24 บาท ต่ำกว่าราคาปัจจุบันถึงลิตรละ 10 บาท และที่ผ่านมา บขส. มีรถโดยสารใช้เอ็นจีวีเพียง 4 คัน ซึ่งเป็นรถที่นำไปดัดแปลงเครื่องยนต์ และพบว่าใช้งานไม่ได้ทั้ง 4 คัน ดังนั้นแผนงานในอนาคต บขส.จะใช้วิธีการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณคันละ 2 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าในปี 2552 จะมีรถโดยสารใช้เอ็นจีวีในสัดส่วน 70% ใช้น้ำมันดีเซล 30%


บันทึกการเข้า

แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 06:53:18 am »

พี่ชาไม่ได้ลืมครับ มั่วทำกับข้าวให้คนที่บ้านทานอยู่ครับ  Smiley
บันทึกการเข้า
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 07:17:41 am »

พี่ชาไม่ได้ลืมครับ มั่วทำกับข้าวให้คนที่บ้านทานอยู่ครับ
ปัจจัยสำคัญขั้นพื้นฐานระดับรากหญ้า...ของชาวบ้านชาวช่อง
ไม่ลงข่าวนี้หละ ปลดจากนักข่าวประจำเว็บ
ไปเป็นนกกระจิบเล๊ย 55555
บันทึกการเข้า
mbsamart
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 07:34:51 am »

น่าจะระงับขึ้นราคาน้ำมัน...
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 12:44:04 pm »



ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ยื่นหนังสือคัดค้านคำสั่งศาลปกครองกลาง กรณีให้ระงับขึ้นค่าโดยสาร ด้านกรมขนส่งทางบก เตรียมรถขสมก.บริการประชาชน หากรถร่วมบริการลดลง

(28พ.ค.) นายฉัตรชัย ไชยวิเศษ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน กล่าวกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ระงับขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งมีผลวันนี้ (28พ.ค.) ว่า เบื้องต้นพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล แต่คำตัดสินส่งผลให้ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ได้รับความเดือดร้อนมาก ในเร็วๆนี้ ทางสมาคมเตรียมยื่นหนังสือเพื่อขอคัดค้านคำสั่งศาลปกครองดังกล่าว และสมาคมจะประชุมร่วมกันเพื่อหาทางออกต่อไป

พร้อมกันนี้ ผู้ประกอบการจะนำรถโดยสารที่ใช้น้ำมันดีเซล มาวิ่งให้บริการเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น เท่านั้น และอาจหยุดวิ่งให้บริการเพื่อลดภาวะการขาดทุน ซึ่งการให้บริการในช่วงเวลาปกติ ต้องเป็นหน้าที่ของรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพหรือขสมก. เป็นผู้รับภาระแทนผู้ประกอบการ เนื่องจากผู้ประกอบการมีรถโดยสารที่ติดตั้งเอ็นจีวีเพียง 1,700 คัน จากรถโดยสารทั้งหมด 12,000 คัน ด้านนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวกรณีรถร่วมบริการจะหยุดเดินรถและให้บริการลดลง หลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งระงับการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะตั้งแต่วันนี้(28พ.ค.)ทำให้รถร่วมที่ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารไปก่อนหน้านี้ 1.50 บาท จะต้องกลับมาเก็บค่าบริการราคาเดิมว่า วันนี้(28พ.ค.)ได้สั่งการให้รถตรวจการ ของกรมขนส่งทางบกออกไปสังเกตการณ์แล้ว หากพบเส้นทางใดที่มีรถบริการไม่เพียงพอ จะจัดส่งรถของขสมก.ออกไปบริการเพิ่ม แม้ว่าขสมก.จะขาดทุน แต่ต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชน เพราะขาดทุนมาต่อเนื่องอยู่แล้ว จากเดิม 500 ล้านบาท/เดือน เพิ่มเป็น 620 ล้าน/เดือน ในช่วงน้ำมันแพง

นายชัยรัตน์ กล่าวว่า กรมขนส่งทางบกจะต้องนำตัวเลขภาวะการขาดทุนจากราคาต้นทุนที่สูงขึ้นชี้แจงต่อศาลว่า รถโดยสารสาธารณะต้องแบกรับต้นทุนอย่างไรและการขอปรับขึ้นราคามีมาตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ไม่พิจารณาให้เนื่องจากเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางจำนวนมาก อาจจะได้รับความเดือดร้อน จนกระทั่งเพิ่งมาพิจารณาปรับให้ และ ให้เพียงครึ่งหนึ่งที่ขอมาเท่านั้นคือ 1.50 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้รถร่วมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯหรือขสมก. และรถสองแถว ปรับขึ้นราคาตามมติคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง โดยให้กลับไปใช้ราคาเดิมตั้งแต่วันนี้ (28 พ.ค.) เป็นต้นไป จนกว่าคดีที่มีการฟ้องร้องกันจะถึงที่สุด ส่วนกรณี รถร่วม บริษัทขนส่งจำกัด หรือ บขส. นั้น ศาลอนุญาตให้ปรับขึ้นตามมติของคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง มีมติให้รถร่วม ขสมก.และรถสองแถวปรับขึ้น 1 บาท 50 สตางค์ ขณะที่รถ ปอ.ปรับขึ้นระยะละ 1 บาท ขณะที่รถร่วม บขส. ได้รับอนุญาตให้ปรับขึ้น 3 สตางค์ต่อกิโลเมตร อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่าผู้ประกอบการเดินรถจำนวนมากอาจหยุดเดินรถ เนื่องจากไม่สามารถรับภาระค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทุกวันไม่ไหว
บันทึกการเข้า
แวมไพร์-LSVteam♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม.
member
*

คะแนน912
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3712


..เรียนให้รู้เป็นครูเขา.Learning by doing


« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2008, 02:42:30 pm »

    นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ได้มีประชาชน

   โทรเข้ามาร้องเรียน สายด่วน 1584 เพื่อร้องเรียนเรื่องรถร่วมบริการ กว่า 20 สายทั่วกรุงเทพมหานคร

ไม่ยอมปรับลดราคาค่าโดยสารลง ตามที่ศาลปกครองได้สั่งคุ้มครองตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ล่าสุด มีผู้ร้องเรียนเข้ามาร่วม 100

สายแล้ว ซึ่งเบื้องต้นตนได้ส่งแฟ็กซ์เอกสารแจ้งให้ผู้ประกอบการแต่ละรายทราบแล้ว

พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบตามจุดต่อรถต่างๆ พร้อมกำชับให้ปรับค่าโดยสารลงมา

และหากถ้าผู้ประกอบการรายใดยังมีการฝ่าฝืน ก็ต้องเชิญมาชี้แจง ทั้งนี้ หากยังพบพนักงานเก็บค่าโดยสารเกินอยู่

ก็ต้องเรียกมาสอบสวน พร้อมกับสั่งปรับในการกระทำผิดไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนโทษอื่นๆ จะต้องพิจารณาในรายละเอียดและเจตนา

ก่อนดำเนินการต่อไป

    อย่างไรก็ตาม นายชัยรัตน์ ยังระบุถึงกรณีกลุ่มผู้ประกอบการรถร่วมฯ ขู่หยุดเดินรถ หากปรับราคาค่าโดยสารลง ว่า

ไม่ทราบว่าจะใช้เหตุผลอะไรในการหยุด เนื่องจากราคาโดยสารก็ขึ้นให้แล้ว และถ้าเกิดขึ้นจริง

ก็ต้องเรียกเข้ามาคุยกันด้วยเหตุผลต่อไป


โดย..เนชั่นทันข่าว
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!