อิทธิฤทธิ์ของพระเครื่องพระบูชา มีจริงหรือ?
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 23, 2024, 12:32:10 pm *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อิทธิฤทธิ์ของพระเครื่องพระบูชา มีจริงหรือ?  (อ่าน 4372 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 24, 2008, 10:13:01 am »

วันนี้ขอเขียนเรื่องเบา ๆ ให้อ่านกันสักวัน..แต่ถึงอย่างไรก็ยังวนเวียนอยู่ในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ กับพระสังฆคุณอยู่ดีแหละครับ  เพียงแต่หยิบยกเอาสิ่งใกล้ตัวและสามารถนำเอาไปใช้ได้มากที่สุดให้กับท่านผู้ อ่านมากกว่ารู้ไว้ประดับความจำเท่านั้น
                ในระยะหลัง  ๆ มานี้ หลายท่านคงได้ข่าวกันมาบ้างว่า
“ดินเมืองไทยแพงที่สุดในโลก” ในที่นี้มิได้หมายถึง ‘ที่ดิน’ นะครับ แต่หมายถึงเศษดินก้อนเล็กที่คณาจารย์โบราณนำมาสร้างเป็นรูปสมมุติแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเป็นรูปสมมุติของท่านอาจารย์ผู้สถาปนาพระเครื่องขึ้นเอง

เหตุที่กล้ากล่าวดังนี้ เพราะในปัจจุบันมีนักนิยมสะสมพระเครื่อง พระบูชาในเมืองไทยตื่นตัวกันมากขึ้น 
มิหนำซ้ำยังแพร่ไปจนถึงต่างประเทศ  ยกตัวอย่างเช่น ไต้หวัน ฮ่องกง หรือแม้กระทั่งที่อเมริกาก็ยังมีคนไทยไปเปิดศูนย์พระเครื่องถึงที่นั่น

เคยมีคนทำประวัติศาสตร์เอาไว้ในการเช่าพระเครื่องมาบูชาสูงสุดเป็นจำนวนถึงเจ็ดล้านบาทต่อองค์ 
หลายท่านอาจจะตาเหลือกเพราะนึกไม่ถึงใช่ไหมครับว่า ในโลกนี้จะมีคนบ้าระห่ำถึงขนาดนั้นหรือ 
คนที่ใจถึงขนาดควักกระเป๋าเอาเงินจำนวนหลาย ๆ ล้านแลกพระเครื่ององค์เล็ก ๆ  ซึ่งมีขนาดกว้างคูณยาวไม่กี่เซนติเมตรมีจริง ๆ หรือ...

...ผมขอยืนยัน  นอนยัน  และนั่งยันด้วยเกียรติของตนว่ามีจริงๆ ครับ 
แต่อย่าให้ผมออกชื่อเสียงเรียงนามนั่นเลย  เพราะไม่ได้ขออนุญาตท่านไว้

ด้วยเหตุนี้พระเครื่องชั้นเลิศทั้งหลายจึงเป็นที่ปรารถนาของทุก ๆ คน 
เพราะอย่างน้อยถ้านำออกให้เหล่าผู้มีเงินระดับมหาเศรษฐีเช่าบูชาละก็...มีสิทธิ์แก้จนไปได้นานทีเดียว

ที่กล่าวเกริ่นมาตั้งแต่ต้นนั้นมิใช่ผู้เขียนมีเจตนาให้ท่านทั้งหลายยึดอาชีพพุทธพาณิชย์ 
หากแต่ต้องการให้เห็นภาพพจน์จริง ๆ ของคำว่า ‘ดินเมืองไทยแพงที่สุดในโลก’ เท่านั้น
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็มิได้หมายความว่า พระเครื่องจะมีราคาสูงในทุกรุ่น ทุกพิมพ์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดีมาน-ซัพพลาย...
คือสิ่งของกับความต้องการของคน...เพียงแต่พระเครื่องนั้นต่างกับสินค้าก็คือ...

...พุทธคุณ...และประสบการณ์ของท่านประจักษ์ขลังแค่ไหน?
ถ้าพระเครื่องนั้นมีผู้นำท่านไปขึ้นคอ  หรือนำไปบูชาแล้วเกิดมงคลในชีวิตจนชีวิตก้าวหน้า 
ทั้งหน้าที่การงานและการเงิน หรือสามารถแสดงให้เห็นประจักษ์ด้านแคล้วคลาดคงกระพันขึ้น คนก็จะดิ้นรนเสาะหากัน 
เมื่อคนเสาะหามาก จำนวนพระมีน้อยก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีการแข่งขันขึ้น 
การแข่งขันก็จำจะต้องใช้เงินทุ่มตามกำลังที่ตนมี...นั่นคือเหตุผลว่าทำไมดินเมืองไทยจึงแพงที่สุดในโลก...

มาถึงตรงนี้จึงเป็นคำถามตามที่จั่วหัวเอาไว้ว่า อิทธิฤทธิ์ของพระเครื่อง-พระบูชามีจริงหรือ?   
คำถามตรงนี้ก็คล้ายกับคำถามที่ว่าตายแล้วสูญหรือเปล่า…?  เพราะเป็นปัญหาค่อนข้างนามธรรม และหาข้อยุติยาก

...เป็นเรื่อง ‘ปัจจัตตัง’
หมายถึงเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน...กับผู้ที่ประสบพบเห็นเท่านั้น  แต่ถ้าเราท่านเป็นผู้ที่ศึกษาและติดตามข่าวคราวอย่างละเอียดใกล้ชิด  ก็จะเห็นว่าพุทธคุณของพระเครื่องเคยก่ออภินิหารช่วยชีวิตคนจากการถูกไล่ล่า หมายปองชีวิตมาก็มาก
และที่เป็นข่าวกันครึกโครมเมื่อไม่นานมานี้ก็คือ พระของขวัญวัดปากน้ำรุ่นสี่ 
สามารถคุ้มกันคมกระสุนสงครามจากปืนอาก้าไม่ให้ทะลุเนื้อหนังของสตรีผู้หนึ่งไว้ได้ กับอีกหลาย ๆ ครั้งถ้าจะยกขึ้นมาเขียนก็คงมีหน้ากระดาษให้ไม่พอ

คำถามที่ตามมาก็คือ พระเครื่องเหล่านั้นมีฤทธานุภาพได้อย่างไร? 
ถ้าจะตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ไม่ยาก...คืออำนาจจากพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ...

แต่ถ้าจะให้อธิบายอย่างชัดเจนกว่านี้ก็คือ...สิ่งที่ป้องกันอันตรายเหล่านั้นให้กับผู้ครอบครองวัตถุมงคลเหล่านั้นคือ ‘พลังจิต’
ที่บรรจุอยู่ในพระเครื่องด้วยวิธีการและพิธีกรรมของเหล่าคณาจารย์ผู้สร้าง
ข้อยืนยันได้มาจากคัมภีร์วิสุทธิมรรค...ซึ่งพระพุทธองค์เคยบัญญัติไว้สำหรับเหล่าโยคาวจร  ใช้สร้างทิพยอำนาจ หรืออภิญญาทางจิต...
...อำนาจเหนือธรรมชาติมีอยู่อำนาจเดียวคือ  อำนาจจิตที่ได้จาก ‘ฌาน’
ฉะนั้น พระเครื่องหรือวัตถุมงคลต่าง ๆ จะเข้มขลังได้นั้นต้องมาจากพิธีกรรมอันถูกต้องและกำลังจิตของท่านผู้สร้าง ไม่ใช่ใครนึกอยากจะทำก็ทำได้

ครับ...ถึงทำได้ก็ไม่ขลัง...
ผู้เขียนเคยเรียนถามท่านเกจิฯ รูปหนึ่งที่โด่งดังมากในอดีต และปัจจุบันนี้ท่านได้มรณภาพไปแล้วว่า ...พระเครื่องของท่านศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่…?
ท่านตอบว่าอย่างนี้ครับ...ดินเป็นของมีคุณ  เป็นส่วนหนึ่งของพระแม่ธรณี...พระแม่ธรณีมีคุณกับทุกคน
ในร่างกายเราก็มีธาตุดิน...เพราะฉะนั้นเฉพาะคุณของพระธรณีก็ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว 
ส่วนการปลุกเสกก็ไม่ได้ใช้อะไร นอกจากเจริญคุณแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า  คุณทั้งสามประการเป็นคุณศักดิ์สิทธิ์  ส่วนประการสุดท้ายคือจิตของผู้สร้างกับผู้นำไปใช้...จิตของผู้สร้างถ้าเป็นผู้สำเร็จทางจิตสูง 
ความเข้มขลังก็มากขึ้น  ประกอบกับการสร้างมีเจตนาบริสุทธิ์ก็จะดีมากขึ้นไปอีก
ส่วนจิตของผู้ใช้ก็คือ...ผู้อาราธนาพระเครื่องไว้คุ้มครองตน ต้องเป็นคนมีใจประเสริฐ  มีศีลธรรม...
คนจิตใจงาม มีศีล ทาน ภาวนา ย่อมได้รับผลดีกว่าคนจิตใจไม่งามเป็นธรรมดา...
“จิตของพระเกจิฯ ที่ปลุกเสกหรืออธิษฐานให้พระเครื่องมีฤทธิ์ได้  ควรมีจิตระดับไหน?” นั่นคือคำ
ถามของผู้เขียน...ท่านก็ตอบด้วยรอยยิ้ม...

“ อย่างน้อยควรได้ถึงฌานสี่ (จตุตถฌาน)  ต้องเดินจิตให้ถึงที่สุดของฌานแล้วถอยลงมาที่อุปจารสมาธิ ค่อยอธิษฐานให้วัตถุมงคลเป็นไปตามที่ต้องการ” 
ทั้งหมดคือคำยืนยันจากพระสงฆ์รูปหนึ่ง  ที่ผู้เขียนยกย่องท่านเป็นพระอริยเจ้า  ท่านว่าของท่านอย่างนั้น จริงเท็จท่านผู้อ่านลองพิจารณาดูก็แล้วกัน
หากจะถามความรู้สึกคิดเห็นของผมว่าเป็นยังไง...ก็ต้องขอกราบเรียนกันตรงนี้เลยละครับว่า...
            พุทธัง  สรณัง  คัจฉามิ
            ธัมมัง  สรณัง  คัจฉามิ
            สังฆัง  สรณัง  คัจฉามิ
ชนชาวพุทธนั้นยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ พระเครื่องเป็นรูปสมมุติแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า 
มีไว้กับตัวเพื่อระลึกถึง...เป็นเครื่องเตือนใจยามว้าวุ่น ยามหวาดหวั่นต่อภยันตรายทั้งปวง  จะอย่างไรพระเครื่องก็เป็นเครื่องมงคลย่อมต้องเป็นสิ่งดีที่มีดีในตัวเองอยู่แล้ว
และผมเชื่อว่า ถ้าพระเครื่องไม่มีฤทธิ์อำนาจจริง คนทั้งหลายจากโบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ก็คงไม่ให้ความเชื่อถือมาขนาดนี้  จนกล้ากล่าวได้ว่า...

...ไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใด ในแผ่นดินสยาม ไม่เชื่อถือในวัตถุมงคล
โดยเฉพาะทุกพระองค์ที่เป็นจอมทัพด้วยแล้ว  ต้องพึ่งพุทธคุณคุ้มครองกายยามออกศึกทั้งสิ้น...
ถึงตรงนี้บางท่านอาจจะถามว่า “แล้วเราจะเลือกใช้พระเครื่องอย่างไร?” ขอกราบเรียนอย่างนี้ครับ...

ไม่จำเป็นต้องเลือกหาหรือขวนขวายใช้ทรัพย์มากมายเป็นหมื่นเป็นแสนแลกเปลี่ยนมา...
เพราะพระแพงไม่จำเป็นต้องดีกว่าพระถูกเสมอไป เพียงแต่เพราะเป็นรุ่นหายาก ทำให้คนแข่งขันกันเอาไว้เพื่ออวดบารมีก็มีถมไป...

ตรงนี้ขอยกตัวอย่างสักนิด...บ่อยครั้งที่คนมีพระสมเด็จวัดระฆังฯ ราคาหลายล้านห้อยคอ ถูกยิงล้มตายมาก็มาก
 แต่บางรายห้อยพระราคาไม่กี่สิบบาท แคล้วคลาดความตายมาก็เยอะ 
ทั้งหลายนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้ด้วย  อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ผู้ใช้ต้องเป็นคนมีศีลธรรมจึงจะได้ผลจริง

ข้อแนะนำ...ในการเลือกพระเครื่องเอาไว้เป็นมงคลกับตัวเองมีดังนี้...
1.   จริยาวัตรของพระสงฆ์หรือเกจิฯ ที่สร้าง ดีหรือไม่ดี
2.  เจตนาของผู้สร้างเพื่อผลทางพุทธพาณิชย์ หรือหวังช่วยสัตว์โลกตามวิสัยมีเมตตาธรรม ถ้าเป็นไปโดยความบริสุทธิ์ถือว่าเป็นมหาวัตถุมงคล
3.  วัตถุมงคลควรจะได้รับจากมือ หรือจากสำนักต่าง ๆ โดยตรงเพื่อผลทางจิตวิทยาและความเชื่อมั่นว่า  วัตถุนั้นมิได้แปลกปลอม บวกกับมั่นใจในเจตนาของผู้มอบให้โดยเฉพาะ
4.   การสวมใส่ควรอาราธนาและอธิษฐานจิตทุกครั้ง

ทั้งหมดคือข้อแนะนำโดยสังเขป  แต่อยากจะเตือนใจท่านผู้อ่านไว้สักนิด...วัตถุมงคลนั้นมีเอาไว้เป็นข้อเตือน ใจและช่วยเราจากภัยต่าง ๆ ได้ในบางกรณีเท่านั้น  การแขวนพระเครื่องมิได้หมายความว่าผู้ใช้จะพ้นจากนิสัยแห่งกรรมและความตาย  เพราะแม้แต่ผู้สร้างยังตาย  แล้วคนใช้จะหนีพ้นได้อย่างไร ?
ฉะนั้น  มีพระเครื่องดีแล้ว  คนใช้ต้องดีด้วย  ไม่ประมาทต่อการก่อกรรมทั้งปวงแม้ยามตายก็อุ่นใจว่า  ไม่หลงทางสู่อบายภูมิ




บันทึกการเข้า

พรเทพ-LSV team♥
รับติดตั้งจานดาวเทียม ลาดพร้าว บางกะปิ
Senior Member
member
*

คะแนน1453
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12125

091-091-9196 ID LINE : tv59


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 24, 2008, 10:33:23 am »

เรื่องนี้ผมไม่กล้าพูด อิอิ  มันละเอียดอ่อนมาก  กลัวเดียวมันไม่จบ  Tongue 

บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!