วัตถุมงคล ไม่มีในมงคลของพระพุทธเจ้า!!
LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"
พฤศจิกายน 23, 2024, 08:03:10 am *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วัตถุมงคล ไม่มีในมงคลของพระพุทธเจ้า!!  (อ่าน 2686 ครั้ง)
eskimo_bkk-LSV team♥
.กลุ่มผู้มีน้ำใจงาม..
member
*

คะแนน1887
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13886


ไม่แล่เนื้อเถือหนังพวก


อีเมล์
« เมื่อ: มีนาคม 24, 2008, 09:52:56 am »

วัตถุมงคล ไม่มีในมงคลของพระพุทธเจ้า!!

เดี๋ยวนี้พุทธบริษัทเราไม่เข้าใจชัดในเรื่องวัตถุนี้ จึงได้เข้าใจไปนับถือในรูปขลัง รูปศักดิ์สิทธิ์ต่างๆนานา
แม้ว่าการนับถือนั้นจะทำให้ตนสบายใจ แต่เป็นความสบายใจเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่เป็นความสบายใจที่เด็ดขาดตายตัว
ไม่เหมือนกับเอาธรรมะมาใช้แก้ปัญหา แต่ว่าที่ได้กระทำกันอยู่ทั่วๆไปนั้น ก็เพราะว่าไม่เข้าใจในเรื่องนั้นตามความเป็นจริง
ไ ม่มีใครพูดให้เราฟังว่าความจริงนั้นควรจะเป็นอย่างไร เราเชื่อและทำกันมาตามที่เขาว่า เขาว่าอย่างนั้นว่าอย่างนี้ รับมาตั้งแต่เป็นเด็ก
เช่นรับนับถือมาว่าพระพุทธรูปองค์นั้นศักดิ์สิทธ ิ์อย่างนั้นอย่างนี้ ในรูปต่างๆ เล่าลือกันถึงอภินิหารแปลกๆ ซึ่งคนโบราณเขามีความเข้าใจอย่างนั้น
แล้วก็ถือตามกันมาในรูปอย่างนั้น ไม่ได้เข้าถึงพระพุทธเจ้าที่เป็นเนื้อแท้ แต่ไปถึงสิ่งที่เป็นวัตถุ จนมีคำพูด กันในสมัยนี้ว่า ‘วัตถุมงคล’
       
        วัตถุมงคลนั้นไม่มี ในมงคล ๓๘ ของพระพุทธเจ้าไม่มีสิ่งอะไรที่เป็นวัตถุว่าเป็นมงคล มีแต่เรื่องการไม่ปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่เป็นอัปมงคล และมีเรื่องการปฏิบัติตามหลักธรรมเท่านั้นที่ชื่อว่าเป็นมงคล ไม่มีสิ่งวัตถุอันใดที่เป็นมงคลเลยตามหลักพระพุทธศาสนา เช่นเราจะถือว่าใบไม้นั้นเป็นมงคล หญ้านี้เป็นมงคลหรือว่าอะไรๆที่เป็นมงคลตามที่เราเข้าใจกันอยู่นั้น มันเป็นมงคลภายนอกพระพุทธศาสนา ไม่ใช่มงคลตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา
       
        มงคลในพระพุทธศาสนานั้น มีความหมายว่า เหตุอันให้เกิดความสุขความเจริญในชีวิต ก็เหตุที่จะให้เกิดความสุขความเจริญในชีวิตของเรานั้น
ย่อมเป็นเหตุภายในไม่ใช่เหตุภายนอก เหตุภายในก็คือการปรับปรุงจิตใจของเราให้เข้าทางธรรมะให้ได้ ใช้หลักธรรมะเป็นแนวทางชีวิต
จะปฏิบัติอะไรก็ให้เรียกว่าปฏิบัติตรงตามแนวธรรมะ นั้นแหละเป็นอุดมมงคล เป็นมงคลสูงสุดตามหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนา
       
        วัตถุที่เป็นมงคลนั้น หาเป็นมงคลที่แท้จริงไม่เป็นเรื่องหลอกตัวเราเท่านั้นเอง คือหลอกให้หลงให้เพลินไปกับวัตถุนั้นชั่วครั้งชั่วคราว
ตราบเท่าที่เรา ยังมีอวิชชา คือความไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องนั้นตามที่เป็นจริง เราก็หลงใหลเรื่อยไป มัวเมาอยู่ในสิ่งนั้นเรื่อยไปไม่รู้จักจบ จักสิ้น
ไ ม่คิดช่วยตัวเองในการปฏิบัติ แต่ไปนึกว่าวัตถุนั้นจะช่วยตนให้พ้นจากภัยจากอันตรายด้วยประการต่างๆ อันนี้คือความหลงผิด ไม่ตรงกับคำสอนในทางพระพุทธศาสนา
และในสมัยนี้กำล ังมีมากขึ้น แพร่หลายขึ้น ในการที่จะจูงคนเหล่านั้นให้เอาวัตถุเหล่านั้นมาเป็นที่พึ่ง ยึดมั่นถือมั่นในวัตถุนั้นว่า ช่วยตนให้พ้นภัยอย่างนั้นอย่างนี้เป็นต้น
อ ันนี้คือการไม่ถูกต้อง แต่ว่าทำกันอยู่มาก เพราะอะไร เพราะว่าเป็นทางเจริญแห่งลาภสักการะ เป็นทางได้มาแห่งวัตถุอีกเหมือนกัน วัตถุที่ได้มานั้นก็คือเงินทองนั้นเอง เงินได้มาจากวัตถุก็เอาไปสร้างวัตถุต่อไป คนก็ติดในวัตถุต่อไป ไม่ได้เข้าถึงธรรมะอันเป็นตัวการปฏิบัติซึ่งเป็นเนื้อแท้ของพระรัตนตรัย เราก็ติดอยู่แต่เพียงวัตถุ
       
        ในสมัยนี้ ควรจะได้มีการแกะเอาสิ่งที่เป็นวัตถุนั้นออกไปเสียบ้าง เพื่อจะได้เข้าถึงตัวธรรมะอันเป็นตัวข้อปฏิบัติ จึงได้พูดกับญาติโยมให้เข้าใจในความหมายของสิ่งเหล่านี้ เพื่อจะให้เราได้รู้จักใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็นคุณเป็นประโยชน์ คือใช้เพียงเพื่อเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจให้เราได้นึกถึงคุณธรรมต่อไป ไม่ใช่เอาวัตถุนั้นเป็นสรณะอย่างแท้จริง
เช่นพระพุทธรูปต่างๆ ที่เขาทำให้นั้น เราก็ถือแต่เพียงว่าเป็นวัตถุเตือนใจให้เราได้นึกถึงคุณความดีของท่านแล้วเร าได้เอาความดีนั้นมาใส่ไว้ในใจของเรา
การเอาคุณงามความดีมาใส่ไว้ในใจนั่นแหละ เราสร้างพระพุทธขึ้นในใจ สร้างพระธรรมขึ้นไว้ในใจ สร้างพระอริยสงฆ์สาวกขึ้นไว้ในใจของเรา
       
        เมื่อเราสร้างสิ่งนี้ขึ้นไว้ในใจของเรา ใจเราก็เป็นพระ ใจเราเป็นพระเราก็สบาย ไม่มีปัญหาคือความทุกข์ความ เดือดร้อน
อ ันเกิดขึ้นจากความหลงผิดเข้าใจผิดด้วยประการต่างๆ และเราจะไม่ถูกใครชักจูงไปในทางเสื่อม ทางเสีย หรือจะหลอกจะต้มเราด้วยเรื่องอะไรต่างๆได้
เพราะเราไม่ได้สนใจในสิ่งที ่เป็นวัตถุเหล่านั้น เราสนใจ ในแง่ของธรรมะ เมื่อเราสนในใจแง่ของธรรมะ วัตถุนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีค่าอะไรมากเกินไป
แต่เราถือว่าหลักธรรมคำส อน การปฏิบัติตามหลักคำสอนนั้นแหละเป็นสิ่งมีคุณค่าสูงสุดสำหรับชีวิตของเรา ถ้าเราจะถือว่าเป็นมงคลก็หมายความว่าหลักธรรมะหรือข้อปฏิบัตินั้นแหละเป็นมง คลสำหรับตัวเรา
จะทำให้เราเกิดความสุขความเจริญด้วยประการต่างๆไม่ใช่เพียงวัตถุนั้นอย่างเดียว วัตถุนั้นเป็นแต่เพียงเครื่องประกอบนิดหน่อย
เ ป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจ ให้เราได้นึกถึงข้อปฏิบัติและเราจะได้ปฏิบัติในสิ่งนั้นต่อไปเท่านั้นเอง อันนี้เป็นเรื่องที่ควรจะได้เข้าใจไว้
       
        ถ้าเราได้เข้าใจในรูปอย่างนี้แล้ว เราจะมีพระพุทธรูปไว้ในบ้านก็ไม่เป็นไร และไม่ต้องหาว่าของเก่าแก่อย่างนั้นอย่างนี้
หรือไม่จำเป็นจะต้องหาว่าสมัยนั้นสมัยนี้ หรือว่าไม่จำเป็นว่าจะต้องไปปลุกไปเสกให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เ พราะเราถือแต่เพียงว่าเป็นภาพเตือนใจให้เราได้นึกถึงพระธรรมเท่านั้นเอง เมื่อเป็นรูปที่เตือนใจได้ก็เป็นใช้ได้ เพราะเป็นเรื่องสมมติขึ้น
สมมต ิว่านี้เป็นรูปแทนคุณความดีของพระพุทธเจ้าที่เป็นเนื้อแท้ ไม่ใช่แทนองค์พระพุทธเจ้าที่เป็นเนื้อเป็นหนัง เพราะว่าพระคุณนั้นเป็นนามธรรม
ไม่ใช่สิ่งที่จะหยิบด้วยมือหรือดูด้วยตาได้ แต่เป็นสิ่งที่เราจะสัมผัสได้ด้วยใจ เราจะเข้าถึงสิ่งนั้นได้ด้วยจิตใจของเรา
วัตถุนั้นเป็นแต่เพียงเครื่องเตือนใจกันลืมให้เราได้เห็นด้วยตา แล้วเราจะได้นึกถึงไม่หลงไม่ลืมในสิ่งเหล่านั้น
ถ้าเราเป็นผู้นับถือพระพุทธรูปถูกแบบ เราจะไม่สนใจในเรื่องความเก่า ไม่สนใจในเรื่องความใหม่ของวัตถุนั้น
เพราะเราสนใจแต่เพียงว่า เป็นวัตถุสำหรับเตือนใจ ให้เราได้นึก ถึงพระธรรมคำสอน
ให้เราได้สำนึกในความเป็นพุทธบริษัท แล้วจะได้ปฏิบัติตนตามคำสอนเท่านั้น...
             
โดย พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ)


บันทึกการเข้า

พรเทพ-LSV team♥
รับติดตั้งจานดาวเทียม ลาดพร้าว บางกะปิ
Senior Member
member
*

คะแนน1453
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12125

091-091-9196 ID LINE : tv59


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 24, 2008, 10:00:05 am »

ถูกต้องครับ   Tongue
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1 RC2 | SMF © 2001-2006, Lewis Media

lsv2555Please follow the new website at https://www.pohchae.com

Valid CSS!