มุมมองใหม่ๆของกัญชาจากเวที
รับฟังความคิดเห็นในการถอดถอนกัญชาจากบัญชียาเสพติด เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาโรค
มาว่ากันต่อกับมุมมองใหม่ๆของกัญชาจากเวที
รับฟังความคิดเห็นในการถอดถอนกัญชาจากบัญชียาเสพติด
เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาโรค
จัดโดย สภาเกษตรกรแห่งชาติ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
มีผู้เกี่ยวข้องทั้งวงการแพทย์ ภาครัฐ ป.ป.ส. อย.
ร่วมวงถกเพื่อหาข้อสรุปผลเสนอไปยังรัฐบาล
อย่างที่บอกไปเมื่อวาน...งานวิจัยทางการแพทย์หลายประเทศชี้ชัด
กัญชา มีฤทธิ์รักษาโรคเรื้อรังร้ายแรงได้หลายโรค
โดยเฉพาะมะเร็ง แต่กฎหมายไทยกำหนดให้เป็นยาเสพติด
ไม่สามารถนำมาทำวิจัยเป็นยารักษาโรคได้
ส่งผลให้คนไทยเสียโอกาสในการเข้าถึงการรักษาจากสมุนไพร
ทั้งที่สถิติมีคนไทยเสียชีวิตจากมะเร็งปีละ 100,000 คน
แต่ละคนต้องจ่ายค่ารักษาเฉลี่ยคนละ 1 ล้านบาท...
หมดไปกับค่าเคมีบำบัด ที่มีผลข้างเคียงมากมาย
เท่ากับเราสูญเสีย เงิน ไปปีละ 1 แสนล้านบาท!!!
แม้ร่างกฎหมายยา เสพติดฉบับใหม่ที่ผ่าน ครม.แล้ว
อยู่ในขั้นกฤษฎีกา มาตรา 76 จะเอื้อให้นำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้ก็ตาม
แต่เป็นได้แค่ตำรับยา... เพราะ นิยามคำว่า ตำรับยา
หมายถึงต้องมีส่วนผสมของตัวยาหลายตัว
ในขณะที่ดอกกัญชา เท่านั้น มีสาร THC มากพอที่จะเอาเซลล์มะเร็งอยู่
และต้องใช้สารสกัดจากดอกเพียวๆ ถึงจะฆ่าเซลล์มะเร็งได้ที่สำคัญตำรับยาจะสามารถขึ้นทะเบียนกับ อย.ทั่วโลกได้
ต้องมีงานวิจัยรองรับ บ้านเรากัญชาคือยาเสพติด
ยังไม่มีงานวิจัยสักชิ้นเดียว
บริษัทไทยหมดสิทธิ์ผลิตและถึงแม้จะผลิตได้ ก็ติดปัญหาสิทธิบัตร...
อเมริกาจดไปเมื่อปี 2546
อังกฤษ ญี่ปุ่น จดปี 2556
และอีกหลายประเทศเตรียมยื่นขอจดสิทธิบัตร
ประเทศเหล่านี้ไม่ได้จัดกัญชาเป็นยาเสพติด...แต่จัดเป็นสมุนไพร
ฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดทางเดียว
นพ.สมยศ กิตติมั่นคง เสนอในเวทีสัมมนา
ให้จัดกัญชาให้เป็น สมุนไพร และเพิ่มคำว่า
สมุนไพรร่วมกับตำรับยาไปในกฎหมาย
เพื่อเอื้อให้สามารถนำกัญชาเพียวๆมาสกัดเพื่อรักษาโรคมะเร็งได้
หากไม่แก้ไขนั่นหมายความว่า
เราต้องเป็นทาสซื้อยาจากต่างชาติไปจนตาย
ไม่รู้เขียนกฎหมายมาเพื่อเอื้อ
บริษัทปิศาจค้ายาข้ามชาติหรือเปล่า ...คิดกันเอาเอง.
Cr:http://www.thairath.co.th