LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

(http://img.tnews.co.th/large/tnews_1478777668_1376.jpg)

จากกรณีที่มีกระแสราคาข้าวตกต่ำอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา จนกระทั่งหลายๆจังหวัดมีมาตรการเพื่อเยียวยาช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงที่ผ่านมาทางโรงสีต่างๆนั้นให้ราคาขายข้าวที่ต่ำมาก อยู่ที่ประมาณกก.ละ 6 - 6.60 บาท เมื่อนำไปตรวจวัดความชื้นแล้วก็มักจะถูกตัดราคาลงมากอีก เหตุดังกล่าวนี้จึงส่งผลกระทบต่อชาวนาอย่างหนัก ทั้งนี้ก็มีทั้งส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนออกมาช่วยเหลือมากมาย เช่นจัดตลาดซื้อขายข้าวราคาถูกผ่ายชาวนาโดยตรงพร้อมทั้งสีข้าวเองจนได้รับความร่วมมือจากประชาชนอย่างล้นหลาม
 



อย่างไรก็ตามทราบว่ามีเหตุที่ต้องทำให้หลายๆคนแปลกใจขึ้นมาอีกเมื่อเฟซบุ๊ก เสกสม แจ้งจิต ผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าว NBT ได้โพสต์รายงานว่า นายวิเชียร พวงลำเจียก อดีตนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหลายรายถึงกรณีโรงสี หลายแห่ง และพ่อค้าคนกลาง ที่ไปเปิดจุดรับซื้อข้าวหอมมะลิ ในพื้นที่ ขยับราคารับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิ จากเดิมที่เคยซื้อ กก.ละ 6 - 6.60 บาท หรือตันละ 6,000 - 6,600 บาท ตอนนี้ปรับราคาซื้อเป็น 7 - 8.80 บาท หรือตันละ 7,000 - 8,800 บาท และคาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นอีก ซึ่งคาดว่าอาจจะมาจากกรณีรัฐบาลออกมาตรการช่วยชาวนาออกมาทุกรูปแบบ ดังนั้นเหล่าโรงสีและพ่อค้้าคนกลางจึงต้องออกมาตราการดังกล่าวเพื่อต้องการเก็บข้าวเปลือกไว้สต๊อกเพื่อขายเป็นข้าวสารในปีหน้า คนกลุ่มนี้รู้ดีว่าหากชาวนาเลือกขายข้าวสารด้วยตัวเอง พวกโรงสี พ่อค้าคนกลางจะไม่มีข้าวเก็บไว้

โดยระบุข้อความว่า "อ้าว !! ใหนบอก ส่งออกไม่มีคำสั่งซื้อ ทำไมขึ้นราคารับซื้อข้าวเปลือกแล้ว !!! วิเชียร ย้อนถาม ทำไมโรงสีใน จ.สุรินทร์ หลายแห่งขยับราคารับซื้อข้าวเปลือก ทั้งที่บอกส่งออกไม่ได้ 17.20 น. วิเชียร พวงลำเจียก อดีตนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากเครือข่ายชาวนาใน จ.สุรินทร์ ว่า โรงสี หลายแห่ง และพ่อค้าคนกลาง ที่ไปเปิดจุดรับซื้อข้าวหอมมะลิ ในพื้นที่ ขยับราคารับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิ จากเดิมที่เคยซื้อ กก.ละ 6 - 6.60 บาท หรือตันละ 6,000 - 6,600 บาท ตอนนี้ปรับราคาซื้อเป็น 7 - 8.80 บาท หรือตันละ 7,000 - 8,800 บาท และคาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นอีก
 

วิเชียร ยอมรับว่า เหตุที่โรงสี และพ่อค้าคนกลางปรับขึ้นราคา 2-3 วัน ที่ผ่านมา เป็นเพราะรัฐบาลออกมาตรการช่วยชาวนาออกมาทุกรูปแบบ ทำให้โรงสี และพ่อค้าคนกลางต้องปรับตัว ที่สำคัญกระแสชาวนาเป็นผู้ผลิต ไปจนถึงผู้ขาย โดยเฉพาะการสีข้าวสารตระเวณขาย ทำให้โรงสี และพ่อค้าคนกลาง เลือกที่ปรับราคารับซื้อข้าวเปลือก เพราะต้องการเก็บข้าวเปลือกไว้สต๊อกเพื่อขายเป็นข้าวสารในปีหน้า คนกลุ่มนี้รู้ดีว่าหากชาวนาเลือกขายข้าวสารด้วยตัวเอง พวกโรงสี พ่อค้าคนกลางจะไม่มีข้าวเก็บไว้
 

วิเชียร ตั้งข้อสังเกตุว่า ก่อนหน้านี้สมาคมโรงสีข้าวไทย ออกมาระบุว่า ราคาข้าวตกต่ำเป็นเพราะไม่มีคำสั่งซื้อจากผู้ส่องออก แต่ลืมอะไรไปหรือป่าวว่า โรงสีบางแห่งก็เป็นผู้ส่งออกข้าวเอง โดยเฉพาะที่ จ.สุรินทร์ มีโรงสี 54 แห่ง ผันตัวเองเป็นผู้ส่งออก 6 แห่ง ส่งออกปีละ 60,000 ตัน นี่แค่จังหวัดเดียวที่โรงสีเป็นผู้ส่งออกด้วย แล้วที่อื่นๆ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง โรงสีที่ทำธุรกิจส่งออกข้าวด้วยมีมากแค่ใหน กระทรวงพานิชย์ รู้ดี"..

จาก http://www.1009seo.com