หัวข้อ: ไทยสน เรือดำน้ำจีน3ลำ3หมื่นล้านบาท. เริ่มหัวข้อโดย: หลอดไฟ ที่ กรกฎาคม 03, 2015, 08:09:09 am (http://www.1009seo.com/+uppic/+2558/7-58/submarine_1009seo-com_.jpg)
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ โบ้ย ผบ.ทร. ตอบประโยชน์ซื้อเรือดำน้ำจีน ยันไทยจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ วันที่ 2 กรกฎาคม 2558 จากกรณีที่กองทัพเรือได้เสนอโครงการจัดซื้อจัดหาเรือดำน้ำ เพื่อป้องกันภัยคุกคาม เสนอไปยังคณะรัฐมนตรี ล่าสุด พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวว่า ขณะนี้กองทัพเรือโดยคณะกรรมการคัดเลือกเรือดำน้ำ จำนวน 17 คน ได้พิจารณาแล้วว่าจะเลือกเรือดำน้ำของประเทศใด หลังจากที่เดินทางไปดูเรือดำน้ำของประเทศต่าง ๆ ซึ่งจะต้องดูเรื่องประสิทธิภาพ ราคา และการใช้งาน อย่างไรก็ตามต้องส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อขาวถามว่า ถ้าเป็นเรือดำน้ำของประเทศจีนเราจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ และขอให้ไปถาม พล.ร.อ. ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ที่ศึกษารายละเอียดของเรือดำน้ำในแต่ละประเทศ โดยส่วนตัวเห็นว่าไทยควรจะมีเรือดำน้ำ http://www.1009seo.com/ หัวข้อ: Re: ไทยสน เรือดำน้ำจีน3ลำ3หมื่นล้านบาท. เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ กรกฎาคม 03, 2015, 09:21:10 am (http://image.free.in.th/v/2013/ib/150703092704.png) (http://picture.in.th/id/113687e8ee931c7333b9492d070483b3)
ศ. ดร. สุรชาติ บำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ บอกการมีเรือดำน้ำของไทย ไม่ช่วยตอบโจทย์ด้านความมั่นคง เนื่องจากไทยไม่ค่อยมีข้อพิพาท ด้านความมั่นคงทางทะเลโดยตรง ซึ่งไทยไม่มีความจำเป็นในจุดนี้ เอาเข้าปาย..มือใครยาว สาวได้สาวเอา (http://image.free.in.th/v/2013/ih/150703092925.png) (http://picture.in.th/id/dce900a3adf2b109840000ac7e145134) หัวข้อ: เรือดำน้ำจีน ของดีคุ้มค่า แต่สังคมสงสัย ไทยจำเป็นต้องมีในขณะนี้มั๊ย? เริ่มหัวข้อโดย: หลอดไฟ ที่ กรกฎาคม 08, 2015, 11:31:55 am (http://www.1009seo.com/+uppic/+2558/7-58/submarine_1009seo-com_2.JPG)
เปิดข้อมูล เรือดำน้ำจีน รุ่น Yaun Class S26T สมรรถนะคุ้มราคา แต่สังคมแคลงใจจำเป็นต้องมีหรือ ด้านนักวิชาการชี้ไม่ตอบโจทย์ด้านความมั่นคง อ้างเหตุพิพาทในทะเลจีนใต้ไม่เกี่ยวกับไทย ขณะที่ ครม. ยังไม่ลงมติไฟเขียวโครงการดังกล่าว (http://www.1009seo.com/+uppic/+2558/7-58/submarine_1009seo-com_3.JPG) วันที่ 7 กรกฎาคม 2558 จากกรณีที่กองทัพเรือมีมติเอกฉันท์จะจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน 3 ลำ ซึ่งมีรายงานว่าเป็นรุ่น Yuan Class S-26T เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่มีระวางน้ำอยู่ที่ 2,600 ตัน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ติดตั้งระบบ Air Independent Propulsion system (AIP) เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ทำให้อยู่ใต้น้ำได้นานถึง 21 วัน โดยไม่ต้องโผล่มาที่่ผิวนำเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้า จึงถือเป็นเรือดำน้ำที่อยู่ใต้น้ำได้นานที่สุดที่ไม่ได้ใช้ระบบนิวเคลียร์เป็นพลังงาน ขณะที่เรือดำน้ำทั่วไปปกติจะอยู่ได้นาน 7-10 วัน (http://www.1009seo.com/+uppic/+2558/7-58/submarine_1009seo-com_4.JPG) ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ ระบุว่า เรือดำน้ำรุ่น Yuan Class S-26T ได้ติดตั้งระบบ ขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือ ASM (Anti-Ship missile) ซึ่งคลาสปกติของ Yuan ไม่ได้มีการติดตั้งระบบดังกล่าวไว้ หากลองเปรียบเทียบสมรรถนะกับขุมกำลังใต้น้ำของเพื่อนบ้านในละแวกอาเซียนนั้น พบว่า เรือดำน้ำที่กองทัพเรือเสนอจัดซื้อ มีสมรรถนะดีที่สุด และราคาอยู่ในระดับยอมรับได้ ดังนี้ -มาเลเซีย ใช้เรือดำน้ำรุ่นสกอร์เปี้ยน สามารถยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือได้ แต่ไม่มีระบบ AIP -อินโดนีเซีย ใช้เรือดำน้ำ Chang Bogo-class รุ่น DW1400 ยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือ ASM ไม่ได้ และยังไม่มีระบบ AIP ด้วย -สิงคโปร์ ใช้เรือดำน้ำที่สั่งต่อเอง รุ่น 218 SG ยิง ASM ไม่ได้ แต่มีระบบ AIP -เวียดนาม ใช้เรือดำน้ำที่ซื้อจากรัสเซีย คลาส Kilo สามารถยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือได้ แต่ไม่มีระบบ AIP จากข้อมูลการเปรียบเทียบข้างต้นจะเห็นว่าในแง่ราคา และสมรรถนะ อาจไม่ใช่ปัญหาของการจัดการซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ แต่ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามจากสังคม คือ ความเหมาะสมและความจำเป็นของการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการในช่วงเวลานี้ว่าเหมาะสมหรือไม่ (http://www.1009seo.com/+uppic/+2558/7-58/submarine_1009seo-com_5.JPG) โดยโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนในครั้งนี้ เป็นที่ทราบกันว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ทราบความเคลื่อนไหวโครงการดังกล่าวเป็นอย่างดี จากการเดินทางเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ และจีนได้เสนอเรือดำน้ำชั้น (คลาส) S-26T ให้กับกองทัพเรือ แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของประเทศบางหน่วยจะทำความเห็นคัดค้าน เพราะเห็นว่าจะเป็นภาระกับงบประมาณในระยะยาว และสถานการณ์ภัยคุกคามทางทะเลของไทยยังไม่มีความจำเป็นถึงขั้นต้องจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการก็ตาม (http://www.1009seo.com/+uppic/+2558/7-58/submarine_1009seo-com_8.JPG) จากนั้นวันที่ 29 เมษายน กระทรวงกลาโหมได้ทำหนังสือเรื่องโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ เตรียมเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำที่กระทรวงกลาโหมเสนอเรื่องนั้น เป็นการจัดซื้อเพียง 2 ลำ ไม่ใช่ 3 ลำ ตามที่กองทัพเรือแถลงในภายหลัง โดยมีรายงานว่ากองทัพเรือชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า งบจัดซื้อ 36,000 ล้านบาทนั้น เดิมจัดซื้อได้เพียง 2 ลำ แต่รัฐบาลจีนเสนอให้ 3 ลำโดยใช้งบประมาณเท่าเดิม เท่ากับรัฐบาลจีนลดราคาให้ถึง 12,000 ล้านบาท (http://www.1009seo.com/+uppic/+2558/7-58/submarine_1009seo-com_7.JPG) ขณะที่หน่วยงานความมั่นคงที่ไม่ใช่ทหาร ประเมินว่าไทยยังไม่มีความจำเป็นต้องจัดหาเรือดำน้ำมาประจำการในขณะนี้ ด้วยเหตุผลคือ 1. ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ไม่เกี่ยวกับไทย 2. ความจำเป็นด้านความมั่นคงที่กองทัพเรือต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หรือปัญหาโจรสลัด ขบวนการค้ามนุษย์ ที่มาทางเรือ ซึ่งใช้เรือรบบนผิวน้ำก็เพียงพอ 3. ประเทศที่เป็นศัตรูหรืออาจเป็นศัตรูของไทยในอนาคตยังไม่มี หรือถ้ามีก็เป็นประเทศที่ไม่มีศักยภาพทางทะเล 4. เขตอธิปไตยไทยมีสองฝั่ง คือ ด้านอ่าวไทยกับอันดามัน ความจำเป็นในการใช้กำลังทางเรือจึงควรเป็นเรือตรวจการณ์ เรือฟรีเกตมากกว่า 5. ความจำเป็นต้องร่วมกับพันธมิตรในการทำสงครามทางทะเลยังไม่มี เพราะมีนโยบายวางตัวเป็นกลาง 6. ในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าจะเกิดสงครามทางทะเลในอาเซียน ในทางกลับกันอาเซียนกำลังจะรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ถือเป็นสถานการณ์เชิงบวกว่าทุกประเทศจะไม่สู้รบกัน http://www.1009seo.com/ |