หัวข้อ: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: ช่างเล็ก(LSV) ที่ พฤศจิกายน 15, 2012, 06:39:23 pm วันนี้ต้องมาค้นหาการบ้านให้ลูก... ถ้าทำไม่เสร็จท่องไม่ได้ โดนหักคะแนน undecided2
การบ้านต้องใช้สมองมากครับ ครูถามว่ารัฐมนตรีรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ มีกี่คน ชื่ออะไรบ้าง รองนายกมีกี่คน .. ชื่ออะไร ท่องมาให้ผ่าน ...เวรกรรมการศึกษาของไทย olleyes2 หัวข้อ: Re: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ พฤศจิกายน 15, 2012, 07:57:08 pm ข้อสังเกตความล้มเหลวของการศึกษาไทย เคยมีคนไปถามบิล เกตส์ เจ้าของบริษัท Microsoft ว่า ให้เขาเลือกคนเก่งที่สุดในบริษัทของเขาออกมาสัก 10 คน บิลเกดส์เลือกคนเก่งของบริษัทเขาออกมา ปรากฎว่า ในบรรดา 10 คนที่เลือกมา เป็นชาวเอเชีย 8 คน เป็นชาวตะวันตก 2 คน ชาวเอเชียแยกเป็นชาวจีน 4 คน อินเดีย 2 คน ญี่ปุ่น 1 คน เกาหลี 1 คน ส่วนชาวตะวันตกที่ บิลเกตส์เลือก เป็นยุโรปซะ 1 คน อเมริกา 1 คน การเลือกคนเก่งของบิลเกตส์คราวนี้สื่ออะไรได้หลายๆอย่าง เพราะระบบการเรียนการสอนของชาวเอเชีย สอนให้เด็กมีการแข่งขันกันอย่างหนัก เพื่อคัดเลือกเด็กเก่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในขณะที่ระบบมหาวิทยาลัยทางตะวันตกใช้ระบบ Admission ประเทศในแถบเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ยังใช้ระบบสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัย อย่างไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยก็เคยใช้ระบบนี้ในรุ่นของพวกผม แล้วค่อยๆกลายพันธ์เป็นระบบ Admission ตามอย่างตะวันตก ผมว่า ปัญหามันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่นักการศึกษา เข้ามาวุ่นวายกับการจัดระบบการศึกษา และ ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อจะยกวิทยฐานะของตนเอง หรือ เพื่อธุรกิจแอบแฝงที่มากับการศึกษา ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมสมัยผมสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรม ซึ่งมีวิชาบังคับต้องสอบเข้าแค่ 3 วิชา คือ เลข ฟิสิกส์ และ อังกฤษ แล้วไปสอบความถนัดทางศิลป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักเรียนหญิงจะสอบเข้าคณะนี้ได้น้อยมาก ไม่เกิน 20 คน เนื่องจากสอบวิชาคำนวณสู้นักเรียนชายไม่ได้ จนมีนักการศึกษาหัวดีแนะนำให้สอบวิชาบังคับ คือ ภาษาไทย สังคมศาสตร์เพิ่ม ก่อนที่จะไปสอบวิชาประจำคณะ ในปีแรกนักเรียนหญิงเข้าคณะสถาปัตยกรรมได้เกือบครึ่งหนึ่งของนักเรียนชาย เพราะได้คะแนนจากวิชาท่องจำ แต่ขอโทษครับระบบการศึกษามันเริ่มมีปัญหาแล้ว เพราะแสดงว่า การสอนในระดับชั้นประถมและมัธยมของเรา ไม่ช่วยให้เด็กไทยใช้ภาษาไทยเป็น การเรียนรู้สังคมไม่วางรากฐานตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียน จนต้องนำเอาวิชาพวกนี้มาสอบคัดนักเรียน ที่แย่กว่าเริ่มมีโรงเรียนกวดวิชาเปิดขึ้นมาเพื่อมาหากินกับนักเรียน จนอาจารย์บางคนไม่ใส่ใจในการสอน เพียงเพื่อจะหารายได้เพิ่มจากการสอนพิเศษพุ่งเป็นดอกเห็ด จนเด็กๆสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้เริ่มกดดันตัวเอง หาทางออกในทางที่ผิด เช่นการทำร้ายตัวเอง หรือ ฆ่าตัวตายดังที่เห็นเป็นข่าว แล้วนักการศึกษาอีกนั่นแหละที่ไปเห็นตัวอย่างระบบ Admission จากทางฝากตะวันตก ซึ่งรับเด็กจากผลเฉลี่ยทางการศึกษา ซึ่งคิดว่า จะทำให้เด็กไม่เครียดเกินไปในการสมัครเข้ารียนมหาวิทยาลัย อยู่ที่ความขยันและตั้งใจของนักเรียนที่จะไขว่คว้าทางการศึกษา แต่ประเทศไทยก็คือประเทศไทย โรงเรียนแต่ละแห่งมาตรฐานการเรียนการสอนต่างกัน กลายเป็นอาจารย์เป็นผู้แจกเกรดให้นักเรียน เพื่อให้นักเรียนของโรงเรียนไม่เสียเปรียบแก่โรงเรียนอื่นๆ กลายเป็นการแจกเกรดสะเปะสะปะ จนหามาตรฐานในการคัดนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ทำให้เกิดเป็นการสอบเพื่อเก็บคะแนนสะสม เพื่อหาค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และไม่รู้สอบอะไรกันเยอะหนักหนาจนคนรุ่นผมตามกันไม่ทัน กลายเป็นภาระของผู้ปกครอง แล้วธุรกิจที่ตามมาไม่เคยหายไปไหน ก็คือ โรงเรียนกวดวิชาที่ต้องไปจองที่เรียนกันข้ามปี ทำให้อาจารย์บางคนเป็นเศรษฐีได้ภายในแค่ 2-3 รุ่น ของนักเรียนที่เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ปัญหาของนักการศึกษาอีกอย่าง คือ การให้ปริญญาตรีเกลื่อนเมืองสำหรับนักศึกษาในหาวิทยาลัยต่างๆ จนไม่เป็นที่ยอมรับของบริษัทเอกชนต่างๆในไทย แต่ที่ผมรับไม่ได้ คือ ให้ปริญญาผิดประเภท เพราะนักการศึกษาอยากยกวิทยฐานะของตัวเอง และช่วยลูกศิษย์ของตน ขอยกวิชาชีพของผมเป็นตัวอย่าง ธรรมดานักศึกษาอาชีวะที่จบการเขียนแบบจากอุเทนถวาย หรือ ก่อสร้างดุสิต จะได้วุฒิ ปวส. หลังจากนั้นไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในคณะสถาปัตย์คุรุบัณฑิตสักสองปี จบออกมาก็จะได้ปริญญาตรีสถาปัตย์สาขาคุรุบัณฑิต เด็กเหล่านั้นเก่งในเรื่องเทคนิคการก่อสร้างและเขียนแบบก่อสร้างได้ดี ผิดจากเด็กที่เรียนจบโดยตรงจากคณะสถาปัตยกรรม ซึ่งสอนเรื่องการออกแบบแต่เด็กจะด้อยเรื่องการเขียนแบบก่อสร้าง และเทคนิคการก่อสร้าง ซึ่งธรรมดาเด็กที่จบจากอาชีวะจะเป็น Buddy หรือครูให้เด็กที่จบจากคณะสถาปัตยกรรมโดยตรงในเรื่องการเขียนแบบก่อสร้าง ปัญหาที่เกิดและเรื้อรังมาถึงทุกวันนี้ คือเด็กที่จบจากอาชีวะเมื่อมารับปริญญาตรีเป็นสถาปัตย์บัณฑิต ไม่มีใครอยากมานั่งเขียนแบบ เพราะรู้สึกว่า ตัวเองเป็นสถาปนิกออกแบบงานได้ ซึ่งออกแบบสู้เด็กที่เรียนมาทางด้านสถาปัตยกรรมโดยตรงก็ไม่ได้ ส่วนเด็กที่เรียนสถาปัตยกรรมโดยตรงก็เขียนแบบก่อสร้าง สู้เด็กจบจากอาชีวะไม่ได้ ทำให้ประเทศไทยขาดบุคลากรที่มีทักษะในการเขียนแบบก่อสร้างเป็นอันมาก และขอโทษเป็นที่ต้องการของบริษัทออกแบบจากทั่วโลก เพราะเด็กไทยเขียนแบบได้ดีมากในย่านเอเชีย สิ่งที่ผิด ก็คือ การให้ปริญญาตรีสถาปัตย์แก่เด็กอาชีวะ แทนที่จะให้ปริญญาตรีด้านเทคนิคก่อสร้างซึ่งเป็นสื่งที่เด็กพวกนี้ถนัด เหมือนกับปริญญาเทคนิคการแพทย์ที่ทางแพทยสภา ให้กับคนที่จบมาเพื่อรองรับช่วยเหลืออาชีพแพทย์ คนพวกนี้มีความรู้เรื่องแพทย์ แต่ไม่ใช่หมอ แต่มีความถนัดในเครื่องมือของแพทย์ช่วยวิเคราะห์วิจัยให้หมอ ที่เล่ามาทั้งหมดเพื่อจะบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่การศึกษาไทยต้องมาทบทวนบทบาทตนเองครับ โดยเฉพาะนักการศึกษาที่ไปเห็นระบบการศึกษาของตะวันตกแล้วเห็นว่าดี แต่มาใช้กับเมืองไทยกลับล้มเหลว เพราะการสั่งสอนเด็กให้เติบโตและวัฒนธรรมของตะวันตกต่างกับเราโดยสิ้นเชิง เมื่อไหร่ที่เด็กของเรามีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ตั้งแต่เด็กระบบตะวันตกอาจจะเหมาะสมกับเรา แต่การที่เราเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ขนาดอายุ 30 ปี ยังต้องให้พ่อแม่ดูแล ระบบตะวันตกที่นำมาใช้จะล้มเหลวสิ้นเชิง ผมไม่ทราบว่า การศึกษาของประเทศไทยจะไปทางไหน แต่ระบบสอบคัดเลือกคนเก่งเข้ามหาวิทยาลัยที่ประเทศต่างๆในเอเชียใช้ ผมคิดว่า ยังมีมนต์ขลังอยู่ ไม่งั้นจะเห็นความรุ่งโรจน์ของเอเชียในขณะนี้หรือ โดยประเทศจีนการคัดเลือกคนเก่งของเขา สามารถพิสูจน์ได้จาการเจริญเติบโตของประเทศจีนในตอนนี้ หรือไม่ต้องดูไกล ประเทศเวียดนามที่กำลังเติบโตเท่าเทียมไทย หรือ แซงไทยไปแล้วก็ใช้ระบบการสอบนี้ อย่ากลัวว่า ระบบการศึกษาที่เราเคยใช้ไม่ดี หรือ สร้างความผิดหวังให้เด็กที่สอบเข้าไม่ได้ เพราะถ้าคุณเป็นชาวพุทธ การสอบเข้าไม่ได้อาจเป็นพรหมลิขิต เพื่อให้เด็กที่สอบไม่ติดเหล่านั้นแสวงหาแนวทางที่แตกต่างก็ได้ หรือ ทำให้เด็กเหล่านั้นเข้าใจชีวิต ว่า ชีวิตไม่โรยด้วยดอกกุหลาบ เพื่อทำให้ชีวิตของเด็กเหล่านั้นแกร่งขึ้นเพื่อเป็นกำลังพัฒนาประเทศ ครับ Credit http://www.oknation.net/blog/jui880/2010/07/31/entry-1 หัวข้อ: Re: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: Nattawut-LSV Team ที่ พฤศจิกายน 15, 2012, 11:09:47 pm เคยโดนมาแล้วครับ(สมัยมัธยมตอนต้น ม.2) คัดลายมือไทย 100 แผ่น 200 หน้า
ถ้าใครไม่คัดมา ตัดเกรด มส. ใครบ้างอยากจะติด มส. ผมคนนึงที่ไม่อยากจะติด ผมใช้เวลาคัดตั้งแต่ 5 โมงเย็น จนถึงตี 5 ไม่ได้หลับไม่ได้นอน (ทุกวันนี้ยังฝังใจผมอยู่เลย ว่าจะมีที่ไหนอีก ที่ทำกับผมอย่างนี้) แต่การทำอย่างนี้ก็มีทั้งข้อดีและเสีย lsv-smile HAPPY2!! :) หัวข้อ: Re: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ พฤศจิกายน 16, 2012, 08:57:13 am อย่าให้พูดเลยเรื่องแบบนี้
ผิดหมดทุกคน (ผมถูกคนเดียว) 55555 ผู้นำก็ผิด ผิดเพราะไม่ใส่ใจเรื่องเนื้อหา เอาแต่เงิน ครู ส่วนมากก็เอาแต่เงิน พ่อแม่ส่วนมาก.....(สอนลูกแบบผิดๆ) จริงๆแล้ว วิชาในโรงเรียน สอนไม่กี่วิชาหรอก สอนให้เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีวิชาสอนให้เป็นเจ้าของ บ. และจริงๆแล้ว ความสำเร็จ ไม่ได้มาจากเรียกเก่ง คนเรียนเก่งมากมาย เป็นแค่ลูกจ้าง และคนเก่งก็มีมากมาย ส่วนมากก็เป็นแค่ลูกจ้าง ***เหมือนซ่อมทีวีเก่ง ก็เป็นได้แค่ช่างเก่ง แต่เป็นลูกจ้าง คนที่เป็นเจ้าของ อาจซ่อมไม่เป็น ***ผมเองก็เป็นคนเก่งคนหนึ่ง lsv-smile(ขอยกหางหน่อย) ผมก็เป็นแค่ลูกจ้าง (ต้องรอเขาจ้าง) ผมไม่ได้เป็นนายจ้าง หมายถึง จ้างคนทำงานให้ เราไม่ต้องทำ นั่งอยู่บ้าน หัวข้อ: Re: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ พฤศจิกายน 16, 2012, 10:11:23 am 55555555555555555 พี่นั่นหละผิด lsv-smile
อ้างถึง สอนให้เป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีวิชาสอนให้เป็นเจ้าของ บ. ปริญญาโท เอก ส่วนใหญ่เนื้อหาวิชา เค้าจะเน้น หลักการบริหาร Executive + Business Administration + Management นั่นหมายถึง การเข้าถึง การเป็นเจ้าของบริษัท หรือ องค์กร แต่ เด็ก ไม่อยากเรียนเอง อยาก สมสู่ สะมากกว่า และ ค่าใช้จ่ายในการเรียน โท + เอก แพงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คนมีตังค์หรือ คนรวย ไงหละที่ เข้าถึง ส่วนคนจน ก็ไม่ใช่ว่า หนทางจะ มืด สะทีเดียว มี มูลนิธิ การสอบชิงทุน ขององค์กร ภาคต่างๆ เค้าก็เปิดโอกาส เยอะแยะ แต่ คนไทย ใจ ไม่ถึง ส่วนมาก ขอทำงานก่อนแล้วหาโอกาสเรียนเสริม มากมาย lsv-smile หัวข้อ: Re: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ พฤศจิกายน 16, 2012, 10:44:03 am lsv-smile
เจ้าของ บ.ใหญ่ๆ หลายต่อหลาย บ. ไม่ได้จบสูง ***แล้วทำไม ต้องตั้งหลักสูตรไว้สูงจัง ลูกผมก็ จบ ป.ตรี ไม่เห็นรู้อะไรเลย การใช้ชีวิตไม่มีสอนเลย หรือสอนก็สอนน้อยมาก น้อยเกินที่จะเอาไปใช้งานได้ ***เหตุผลหลักคือ ถ้าสอนให้คุณรู้แล้ว แล้วจะโกงกินกันยังไงละ ดังนั้น สอนให้ เป็นแค่ลูกจ้างก็พอ มันจบไปจะได้เป็นลูกจ้าง ทำงานให้เรา เขาจะได้โกงกินกันไง อีกอย่าง เส้นทางรวย สอนให้คุณรู้ คุณก็มาแย่งสิ สอนให้โง่หรอ เก็บไว้รวยเองไม่ดีกว่าหรอ หัวข้อ: Re: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: e21fnw-LSV team♥ ที่ พฤศจิกายน 16, 2012, 11:36:08 am เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมที่รัฐสภา ในหัวข้อ
" สุขภาวะของเด็กไทย : การพัฒนาทางสติปัญญาเพื่อก้าวไปสู่โลกแห่งการแข่งขัน” http://www.thairath.co.th/content/edu/298076 ฮิ ฮิ เคยแต่นอนตากยุงข้างนอก นั่งร่วมประชุมทั้งวัน สงสัยเพิ่งจะตื่นรู้กันว่าเด็กไทย IQ EQ MQ ต่ำทุกด้าน จนท.จากศึกษา สาธารณสุข องค์กรพัฒนาการศึกษาเอกชน ก็พูดกันไป ว่ากันไป มองแต่มุมของตัว เหมือนมาฟังพวกมันบ่่น ๆ ไม่ต้องหวังกับการศึกษาไทยแล้วครับ ล่มจม แล้วครับ ในส่วนตัวผม ย้ำ ๆ ขอให้เป็น " คนดี " ก่อนที่จะเป็นคนเก่ง เริ่มที่ตัวเราก่อน ครอบครัวเราก่อน ครับ ping! หัวข้อ: Re: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ พฤศจิกายน 16, 2012, 11:47:15 am ถูกต้องครับ
และถูกต้องที่สุดครับ หัวข้อ: Re: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: worathep-LSV team ที่ พฤศจิกายน 16, 2012, 06:28:07 pm สาเหตุเป็นเพราะ คนไม่มีความรู้แท้จริงเป็นใหญ่เป็นโตกันเต็มประเทศ มันก็เลยเป็นอย่างนี้แหล่ะ
หัวข้อ: Re: บ่นคนเดียว...การศึกษาไทย... เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ พฤศจิกายน 17, 2012, 07:27:43 am *ความรู้ คือ อำนาจ *
*ไม่มีใครเลี้ยงอาหารใครเปล่า ๆ โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน * *ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน การศึกษาไทย...ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่ประเทศที่พัฒนา...อย่างแท้จริงจะมองไป.............ยังอนาคต* *ผู้ปกครองระดับธรรมดา.....ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง.....ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง......ใช้ปัญญาของ.....คนอื่นอย่างเต็มที่ * คำคม ขงเบ้ง |