หัวข้อ: รู้ทันธรรมกาย (สารส้ม) เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ เมษายน 10, 2012, 09:18:05 am http://archive.naewna.com/news.asp?ID=307740
(http://archive.naewna.com/cgi-bin/8-4-2012/5b1.gif)(http://archive.naewna.com/cgi-bin/8-4-2012/5b2.gif) (http://archive.naewna.com/cgi-bin/8-4-2012/5b3.gif) จากกิจกรรมการตลาดของวัดพระธรรมกายที่เฟื่องฟุ้ง-ฟู่ฟ่า เป็นที่กล่าวขาน และด่าทอกันกว้างขวาง ไม่เพียงพฤติกรรมประหนึ่งธุรกิจบุญ ทำนองว่ายิ่งบริจาคให้วัดมากๆ ยิ่งได้บุญมาก หรือการขายตั๋วทัวร์นมัสการพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ แม้แต่หลักคำสอนของสำนักพระธรรมกาย ก็เคยถูกพระสงฆ์ผู้ทรงภูมิปัญญา ในพระพุทธศาสนาหลายท่าน ออกมาวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์อย่างเป็นระบบมาก่อนหน้านี้แล้ว ลองย้อนกลับไปอ่านข้อเขียนของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เรื่อง "กรณีธรรมกาย" บางช่วงบางตอนที่น่าสนใจ เช่น 1) "ประพฤติวิปริตจากพระธรรมวินัยก็ร้าย แต่ทำพระธรรมวินัยให้วิปริต ร้ายยิ่งกว่า" "ปัญหาเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายที่กำลังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นี้มีหลายเรื่อง แยกได้หลายแง่หลายประเด็น เช่น เรื่องความประพฤติส่วนตัวของพระ เรื่องการดำเนินงานขององค์กรคือวัดและมูลนิธิ เกี่ยวกับการครอบครองกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เป็นต้น ตลอดจนการดำเนินธุรกิจต่างๆ การแสวงหาเงินทอง โดยวิธีซึ่งเป็นที่สงสัยว่าจะไม่ถูกต้อง ในแง่กฎหมายบ้าง ในแง่พระวินัยบ้าง โดยเฉพาะการยกอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ขึ้นมาเผยแพร่ ในลักษณะที่เป็นการชักจูงให้คนบริจาคเงิน การใช้วิธีกึ่งเกณฑ์ให้เด็กนักเรียนนักศึกษา ตลอดจนข้าราชการ เป็นต้น จำนวนมากๆ เข้าร่วมกิจกรรมโดยมีเป้าหมายที่น่าสงสัยว่าจะมุ่งไปที่การให้บริจาคเงินหรือไม่ สุดท้ายก็คือ ปัญหาที่เกี่ยวกับพระธรรมวินัยโดยตรง โดยเฉพาะการแสดงหลักการของพระพุทธศาสนา เรื่องนิพพานเป็นอัตตา เรื่องธรรมกาย และเรื่องอายตนนิพพาน..." 2) "จาบจ้วง ลบหลู่ ย่ำยีพระธรรมวินัย สร้างความสับสน ไขว้เขวและความหลงผิดแก่ประชาชน" "วัดพระธรรมกายเผยแพร่คำสอนคลาดเคลื่อนไปจากหลักพระพุทธศาสนาหลายประการ เช่น 1.สอนว่านิพพานเป็นอัตตา 2.สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต และให้มีธรรมกายที่เป็นตัวตนเป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพาน 3.สอนเรื่องอายตนนิพพานที่ปรุงถ้อยคำ ขึ้นมาเองใหม่ ให้เป็นดินแดนที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ถึงกับมี พิธีถวายข้าวพระที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนั้น ความสอนเหล่านี้ ทางสำนักพระธรรมกายสอนขึ้นใหม่ ผิดเพี้ยนออกไปจากธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า แต่แทนที่จะให้รู้กันตามตรงว่าเป็นหลักคำสอนและการปฏิบัติของครูอาจารย์ ทางวัดพระธรรมกายกลับพยายามนำเอาคำสอนใหม่ของตนเข้ามาสับสนปะปน หรือจะแทนที่หลักคำสอนเดิมที่แท้ของพระพุทธศาสนา ยิ่งกว่านั้น เพื่อให้สำเร็จวัตถุประสงค์ข้างต้น วัดพระธรรมกายยังได้เผยแพร่เอกสารที่จ้วงจาบพระธรรมวินัย ชักจูงให้คนเข้าใจผิด สับสน หรือแม้แต่ลบหลู่พระไตรปิฎกบาลี ที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนาเถรวาท เช่น ให้เข้าใจว่าพระไตรปิฎกบาลีบันทึกคำสอนไว้ตกหล่น หรือมีฐานะ เป็นเพียงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง เชื่อถือหรือใช้เป็นมาตรฐานไม่ได้ ให้นำเอาพระไตรปิฎกฉบับอื่นๆ เช่น พระไตรปิฎกภาษาจีน และ คำสอนอื่นๆ ภายนอก มาร่วมวินิจฉัยพระพุทธศาสนาเถรวาท ให้เข้าใจเขวไปว่าหลักการของพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องอภิปรัชญา ขึ้นต่อการตีความและความคิดเห็น ตลอดจนการถกเถียงทางวิชาการ อ้างนักวิชาการต่างประเทศ และการปฏิบัติของตน ดังว่าจะใช้วินิจฉัยหลักพระพุทธศาสนาได้ ฯลฯ อีกทั้งสิ่งที่ยกมาอ้าง เช่น คัมภีร์ของมหายาน และทัศนะของนักวิชาการ ตะวันตก ก็ไม่ตรงตามความเป็นจริง หรือไม่ก็เลื่อนลอย นอกจากนั้น ยังนำคำว่า "บุญ" มาใช้ในลักษณะที่ชักจูงประชาชนให้วนเวียนจมอยู่กับการบริจาคทรัพย์ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ชนิดที่ส่งเสริมความยึดติด ถือมั่นในตัวตนและในตัวบุคคล อันอาจกลายเป็นแนวโน้มที่บั่นทอนสังคมไทย ในระยะยาว พร้อมทั้งทำพระธรรมวินัยให้รางเลือนไปด้วย พฤติการณ์ของสำนักวัดพระธรรมกายอย่างนี้ เป็นการจาบจ้วง ลบหลู่ ย่ำยีพระธรรมวินัย สร้างความสับสนไขว้เขวและความหลงผิดแก่ประชาชน..." 3) อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ อุตริมนุสธรรม กับการใช้ปัญญา "ชาววัดพระธรรมกายจำนวนมากได้ชื่อว่าเป็นผู้มีศรัทธาสุภาพเรียบร้อย มีระเบียบ รักษาศีล ใจบุญ พร้อมที่จะบริจาค และน้อมใจไปในสมาธิ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่น่านิยม ชาวพุทธทั้งหลายผู้รักประเทศชาติและพระศาสนาย่อมชื่นชมอนุโมทนา ด้วยหวังว่าจะเป็นกำลังสร้างสรรค์สังคมให้เจริญมั่นคงต่อไป แต่ในท่ามกลางความดีงามนั้นก็มีอาการความเป็นไปต่างๆ ที่น่าห่วงกังวล และบางอย่างก็ทำให้สูญเสียความไว้วางใจ ชาววัดพระธรรมกายจำนวนมากนั้น ตามเกณฑ์นิยมของสังคมไทยเวลานี้ ถือว่าเป็นผู้มีการศึกษาดี ได้เล่าเรียนมาสูง แต่ท่านเหล่านั้นส่วนมากก็คงต้องยอมรับความจริงว่า ตนเข้ามาวัดโดยไม่มีพื้นฐานความรู้ในพระพุทธศาสนามาก่อน จึงเป็นผู้ใหม่ต่อการศึกษาพระพุทธศาสนา และเป็นผู้มาเริ่มต้น ความเป็นผู้มีการศึกษาสูงที่ติดตนมานั้น จะมีความหมายก็ต่อเมื่อนำเอาจิตใจของผู้ศึกษาติดมาใช้ด้วย อย่างน้อยก็เปิดใจรับหรือหาความรู้พระพุทธศาสนาด้วยความใฝ่รู้ และการค้นคว้าไตร่ตรองของตนเองบ้าง มิใช่รอรับฟังแต่คำบอกจากแหล่งศรัทธาเพราะในพระพุทธศาสนานั้น ถือปัญญาเป็นสำคัญ... ...ที่ทางสำนักพระธรรมกายจัดทำพิธีถวายข้าวพระเป็นประจำ โดยมีการเข้าสมาธินำข้าวบูชานั้นไปถวายแก่พระพุทธเจ้าในอายตนนิพพาน ชาววัดพระธรรมกายก็จะต้องเห็นใจว่า ชาวพุทธทั่วไปย่อมไม่อาจเห็นชอบได้ เพราะไม่มีหลักการในพระพุทธศาสนาที่จะอ้างอิงหรือแนะนำให้กระทำเช่นนั้น หากแค่นำไปสวรรค์ก็ยังทำเนา นี่ไปถึงนิพพาน ชาวพุทธที่รู้หลักย่อมอาจมองได้ว่าเป็นการสร้างความเข้าใจผิด ก่อความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา เมื่อเขาเห็นอย่างนั้น ชาววัดพระธรรมกายก็ควรจะต้องศึกษา เพื่อให้เข้าใจเหตุผลของเขาว่าเป็นไปโดยชอบธรรมหรือไม่ อีกทั้งการปฏิบัติเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องของการแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และโยงไปหาพุทธบัญญัติเกี่ยวกับอุตริมนุสธรรม ย่อมก่อความไม่สบายใจ แก่พุทธบริษัทที่รู้ธรรมวินัย และปรารถนาจะรักษาภิกษุบริษัทไว้ให้บริสุทธิ์ ไม่ต้องพูดถึงผลเสียที่เกิดจากการวุ่นวายกับเรื่องเช่นนี้" (http://archive.naewna.com/cgi-bin/8-4-2012/5b5.gif) (http://archive.naewna.com/cgi-bin/8-4-2012/5b4.gif) ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางส่วนบางตอน จากหนังสือ "กรณีธรรมกาย" โดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ท่านแสดงธรรมอย่างละเอียด จำแนกแจกแจงชัดแจ้ง อ้างอิงพระไตรปิฎกชัดเจน ด้วยหนังสือความหนามากกว่า 400 หน้า ตั้งแต่ปี 2542 น่าเสียดาย... กระทั่ง พ.ศ.นี้ กรณีสำนักวัดพระธรรมกาย ยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ตามหลักแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา กลับได้รับการปกป้องอุ้มชูโดยฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม โดยเฉพาะระบอบทักษิณ ซึ่งอุ้มสม เอาผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ถึงขนาดให้อัยการถอนฟ้องคดีที่อยู่ในชั้นศาล และให้การสนับสนุนทางการเมืองให้แก่กัน ถึงวันนี้จึงยังคงเฟื่องฟุ้งฟู่ฟ่า และอหังการมากขึ้นทุกวัน! สารส้ม วันที่ 9/4/2012 |