พิมพ์หน้านี้ - ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

นานาสาระ => ลึกลับ-เหลือเชื่อ-ธรรมะ => ข้อความที่เริ่มโดย: b.chaiyasith ที่ ธันวาคม 06, 2011, 10:20:54 am



หัวข้อ: ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น
เริ่มหัวข้อโดย: b.chaiyasith ที่ ธันวาคม 06, 2011, 10:20:54 am
(http://www.naiin.com/Contents/ProductImages/201010/5190503_250.jpg)(http://www.naiin.com/Contents/ProductImages/2007/9985854_100.jpg)

 ปริศนาแห่งจักรวาลที่พิสูจน์ได้ด้วยธรรมะ พาคุณสู่ความมหัศจรรย์ครั้งใหม่ โดยทันตแพทย์สม สุจีรา นักเขียน Best Seller แห่งยุค
เปิดมิติใหม่พาคุณสู่ความมหัศจรรย์เมื่อธรรมะและวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เส้นขนานอีกต่อไป
1. ทำไมไอน์สไตน์จึงเรียกพุทธศาสนาว่า ศาสนาแห่งจักรวาล
2. พบสุดยอดการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ที่เชื่อมโยงกับศาสนาแห่งจักรวาล
3. ความลับของแสงที่เป็นตัวคุมเวลาของจักรวาล แต่ยังเดินทางช้ากว่าจิต
4. ปาฏิหาริย์การเหาะเหินเดินอากาศ หายตัว เป็นไปไม่ได้หรือยังพิสูจน์ไม่ได้

แบ่งปันประเทืองปัญญาหาอ่านกันเองนะครับ ผู้เขียนทราบแต่รายละเอียดจากบุคคลและได้ดูจากทางสื่อทีวีคงต้องหามาอ่านด้วย ทางยูทูปก็พอมีครับ HAPPY2!! :D :-X แค่ดีดมือยังไม่จบก็เป็นอดีดเสียแล้ว smiley4


หัวข้อ: Re: ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น
เริ่มหัวข้อโดย: b.chaiyasith ที่ ธันวาคม 06, 2011, 10:34:18 am
ทางลัดสู่อัจฉริยะ1
http://www.youtube.com/watch?v=k3hDMePPqE8&feature=related


หัวข้อ: Re: ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น
เริ่มหัวข้อโดย: b.chaiyasith ที่ ธันวาคม 06, 2011, 11:16:11 am
ถ้ามีสติจะสามารถทำงานได้ทุกสถานการณ์เลย สมมุติไปอ่านหนังสือหรือเขียนหนังสือกลางห้างที่เสียงดังพลุกพล่าน ถ้ามีสติจะทำได้และทำได้เร็ว แต่ถ้ามีสมาธิ ถึงจะทำได้ก็จริง แต่ช้า ในสมองของคนมีสติจะมีสารชนิดหนึ่งเรียกว่าโดพามีน แต่คนที่มีสมาธิจะมีสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งสารสองตัวนี้ทำให้สมองทำงานต่างกันมาก โดพามีนจะทำให้ตื่นตัวและทำงานเร็ว เกิดอะไรขึ้นเราจะคิดทัน ดังนั้นเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ถ้ามีสติจึงช่วยได้ พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงเน้นฝึกสติ ไม่ได้เน้นฝึกสมาธิ
หมอสม สุจีรา


หัวข้อ: Re: ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น
เริ่มหัวข้อโดย: b.chaiyasith ที่ ธันวาคม 11, 2011, 12:00:18 pm
คำแนะนำหนังสือ :
เชื่อว่า หลายท่านเมื่อได้เห็นชื่อหนังสือเล่มนี้ คงจะสงสัยว่า ไอน์สไตน์พบอะไรหรือ แล้วพระพุทธเจ้าเห็นอะไร ทำไมจึงนำมาจับคู่กันได้
สิ่งที่ไอน์สไตน์พบคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านอื่นๆ อีกมากมาย ความรู้เหล่านี้ถือว่าเป็นคุณูปการต่อชีวิตในสังคมยุคใหม่ สิ่งของ เครื่องใช้ อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่น DVD เตาไมโครเวฟ แสงเลเซอร์ จอภาพโทรทัศน์ เครื่องถ่ายเอกสาร โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ อีกมาก ก็ล้วนแต่พัฒนามาจากพื้นฐานความรู้ที่ไอน์สไตน์ค้นพบทั้งสิ้น
ไอน์สไตน์นั้น นับว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกให้เป็นบุคคลแห่งศตวรรษที่ 21 ความรู้และทฤษฎีที่เขาค้นพบนั้นลึกลับ ซับซ้อน ช่วงแรกมีคนไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง นานหลายปีจึงมีคนเริ่มเห็นด้วย และนำไปสู่วิทยาการพลิกโลก
สำหรับพระพุทธเจ้า สิ่งที่ทรงเห็น แตกต่างจากการพบของไอน์สไตน์ เพราะพระองค์ทรงเห็นด้วยพระสัพพัญญุตญาณ นั่นคือ ทรงเห็นสัจธรรม เห็นสิ่งทั้งปวงตามที่เป็นจริงแล้วนำมาเผยแพร่ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้เห็นเหมือนๆ กับพระองค์
เราคงเคยได้ยินคำว่า “มอง...แต่ไม่เห็น” “ฟัง...แต่ไม่ได้ยิน” คำว่าพบและเห็นในที่นี้ก็เช่นเดียวกัน ไอน์สไตน์ได้พบบางส่วนที่นำไปสู่การรู้แจ้ง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถข้ามพ้นไปถึงการเห็นเหมือนที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบและเห็นได้
การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ของไอน์สไตน์นำไปสู่ผลทั้งด้านดี เช่น เทคโนโลยีต่างๆ ที่พัฒนาไปมากในยุคปัจจุบัน และด้านร้าย เช่น ระเบิดปรมาณู ซึ่งทำให้มีคนตายร่วมสองแสนคนในพริบตาเดียว ระเบิดนี้พัฒนามาจากทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์นั่นเอง
หนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนได้หยิบยกเอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาเชื่อมโยงและสอดรับกับความรู้ทางพุทธศาสนา และสามารถนำมาพิสูจน์ความจริงที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้เมื่อ 2,500 ปีมาแล้วได้ว่า ถูกต้องและเป็นไปได้จริงๆ
หลายท่านอาจเคยสงสัยว่า โลกและจักรวาลนี้มีมาได้อย่างไร นอกจากจักรวาลนี้แล้วมีจักรวาลอื่นอีกหรือไม่
ทำไมอายุขัยของมนุษย์ 100 ปี กลับเป็นเวลาเพียงชั่วครู่เดียวในสรวงสวรรค์
ทำไมสุนัขมีอายุขัย 15 ปี แต่ยุงกลับมีอายุแค่ 7 วัน
เพราะเหตุใดพระองคุลิมาลจึงวิ่งตามพระพุทธเจ้าไม่ทันทั้งที่พระองค์ก็ทรงดำเนินไปตามปกติ
คำตอบรอท่านอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว
ความจริงนั้นพระพุทธเจ้าเห็นก่อน แล้วไอน์สไตน์เพิ่งมาค้นพบความรู้นี้หลังพระพุทธเจ้าถึงสองพันปี แต่เหตุที่หนังสือเล่มนี้เรียงชื่อเป็น “ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น” ก็เพราะต้องการให้ตรงกับการดำเนินเรื่องของหนังสือที่หยิบยกความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ขึ้นมากล่าวก่อน แล้วจึงเชื่อมโยงไปสู่ความรู้หรือความจริงทางพุทธศาสนาในภายหลัง
แม้ว่า ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จะช่วยให้เรามีความเป็นอยู่สะดวกสบายขึ้น แต่ก็เป็นความสุขภายนอก ต่างจากความรู้ทางพุทธศาสนาที่จะช่วยชำระใจภายในของเราให้สะอาด
พระพุทธเจ้าคือนักวิทยาศาสตร์ทางใจที่จะช่วยให้เราไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป


http://www.naiin.com/ProductDetail.aspx?sku=BK_9789749985854