หัวข้อ: เขาพระวิหาร เขียนโดย ลุงโฉลก เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ มีนาคม 28, 2011, 07:45:00 am ความวุ่นวายเกิดขึ้นทั่วโลก ประชาชนหลายล้านชีวิตต้องเป็นแพะรับบาปจากระบอบทุนนิยมสามานย์ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน การปกป้องผลประโยชน์ให้แก่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกทำให้ ฝรั่งเศษ อังกฤษ และอเมริกา ส่งกำลังเข้าเข่นฆ่าประชาชนของประเทศอื่น เพื่อยึดครองทรัพยากรณ์น้ำมัน สงครามเกิดขึ้นใน Afghanistan, Egypt, Iraq, Bahrain, Yemen, Libya และกำลังลามมาถึงน้ำมันในอ่าวไทยของเรา ที่ปัจจุบันมีบ่อน้ำมันกว่า 300 บ่อ มีน้ำมันเป็นสินค้าส่งออกมูลค่าเป็นอันดับหนึ่งแต่ความมั่งคั่งไม่ได้เข้าประเทศเราเลย นักการเมืองขายชาติขายแผ่นดินสมคบคิดกับต่างชาติ พยายามทำอ่าวไทยให้เป็นพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร เพื่อให้ต่างชาติเข้ามาบริหารและยึดครองผลประโยชน์จากน้ำมันทั้งหมด
แต่วิบากกรรม (ผลของกรรม) มีจริง ใครทำกรรมใดไว้ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ประเทศของเรากำลังวุ่นวายเพราะกรรมที่ทำต่อสถาบันกษัตริย์เมื่อปี 2475 มหาอำนาจฝรั่งเศษ อังกฤษ และอเมริกา ก็กำลังจะรับกรรมที่รุกรานประเทศต่างๆทั่วโลกมาเป็นเวลานาน การล่มสลายทางเศรษฐกิจของระบอบทุนนิยมสามานย์กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว ในปี 2012 พวกเขาจะได้รับรู้ปัญหาการว่างงาน ปัญหาเงินเฟ้อที่จะมาพร้อมกับเศรษฐกิจถดถอย ดอกเบี้นสูง และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระบบเงินตราของโลก หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร เขียนโดย ลุงโฉลก เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ มีนาคม 28, 2011, 07:47:48 am S&P 500 แสดงอาการแห่งความหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามา slowly but sure สังเกตุ Wave [5] จบที่ระดับสูงกว่า Wave [3] เล็กน้อย
ในขณะที่ RSI ลดค่าลง ระยะเวลาจากจุดสูงสุดในปลายปี 1997 ถึงต่ำสุดในต้นปี 2010 น้อยกว่า 2 ปี เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นการจบ Wave [C] การขึ้นมาจนมี (false) buy signal ครั้งนี้ เป็น typical ของ Wave อีกไม่นานตลาดหุ้นอเมริกาอาจจะล่มสลายครั้งใหญ่ หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร เขียนโดย ลุงโฉลก เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ มีนาคม 28, 2011, 07:48:56 am FTSE 100 ของอังกฤษก็ส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยระยะยาว และอาจจะพินาศน์ตามอเมริกาก็เป็นไปได้
false buy signal ใน correction wave 2 เป็น typical false signal ของระบบ PnT อีกไม่นานกรรมก็จะตามทันการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อนอำมหิตของประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร เขียนโดย ลุงโฉลก เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ มีนาคม 28, 2011, 07:51:49 am ฟังนายอภิสิทธิ์ฯ ตอบคำถามในสภาเรื่องการรับรองรายงานการประชุม JBC แล้วก็รู้สึกตกใจ
มนุษย์คนหนึ่งมาจากชาติตระกูลที่ดี มีแม่เคยเป็นอาจารย์หมอของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เป็นที่รักและเคารพของลูกศิษย์ทั้งแผ่นดิน ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นคนขายชาติขายแผ่นดินไปได้ ชมรมของเราไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่ก็ต้องทำหน้าที่รักษาชาติรักษาแผ่นดิน ขอเวลาสมาชิกอ่านแล้วพิจารณาบทความต่อไปนี้ ประเทศไทยกำลังเสียดินแดนอย่างถาวร ช่วยกันหยุดบันทึกรายงานการประชุม JBC 3 ฉบับ ที่ทำให้ประเทศไทยของเราสูญเสียดินแดน ผมหวังว่า เอกสารฉบับนี้จะทำให้ประชาชนคนไทยตื่นจากความฝันที่ประเทศไทยกำลังจะสูญเสียดินแดนอีกแล้ว นับตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว ประเทศของเราไม่เคยตกอยู่ในสภาพยำแย่แบบนี้เลย ในฐานะที่ผมเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา ๓ ฉบับ หรือที่ต่อแต่นี้ไปจะเรียกอย่างสั้นๆ ว่า JBC ๓ ฉบับ ผมได้ใช้เวลาในการศึกษารายงานการประชุม JBC ทั้ง ๓ ฉบับแล้วพบว่า ประเทศชาติอันเป็นที่รักของเรากำลังจะสูญเสียดินแดนครั้งสำคัญ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เป็นการสูญเสียดินแดนที่เกิดจากความบกพร่องและความไม่เข้าใจของนักการเมือง และรัฐบาลหลายต่อหลายรัฐบาล ความเข้าใจที่สับสนว่า ๑. พรมแดนไทยกัมพูชายังมิได้ปักปันเขตแดนแต่ประการใด ทั้งๆที่สยามกับฝรั่งเศสได้ปักปันเขตแดน ไทย-กัมพูชา เสร็จสิ้นทั้งหมดมากว่าร้อยปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณเขาพระวิหาร สยามกับฝรั่งเศสได้ตกลงกันให้ใช้ขอบหน้าผาเป็นสันปันน้ำ และเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จึงไม่ต้องมีการทำหลักเขตแดนใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ต้องปักปันใหม่แล้ว ๒. เป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายกาจที่คิดว่าแผนที่ ๑:๒๐๐๐๐๐ เป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดน สยาม-อินโดจีน ทั้งๆ ที่แผนที่ชุดดังกล่าวมีความไม่สมบูรณ์และเป็นแผนที่เก๊ทุกระวาง (คือมิได้นำแผนที่เข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการผสม และประธานของทั้งสองฝ่ายมิได้ลงนามรับรอง) หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร เขียนโดย ลุงโฉลก เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ มีนาคม 28, 2011, 07:52:39 am หลายคนอาจได้ยินคำว่า MOU ๔๓ ซึ่งก็คือ
“บันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก” ซึ่งเป็น MOU ที่มิได้ผ่านรัฐสภา อันขัดต่อบทบัญญัติมาตรา ๒๒๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ และมิได้ผ่านขั้นตอนของการเสนอเรื่องตามลำดับขั้น โดยเฉพาะไม่ได้นำเสนอผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี MOU ๔๓ จึงเป็นบันทึกความเข้าใจฯ “เถื่อน” และใช้แผนที่ ๑:๒๐๐๐๐๐ เก๊ทุกระวาง แต่ความดื้อดึงและการหวังประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องอย่างหน้ามืดตามัว ย่อมส่งผลให้ประเทศไทยต้องยอมรับแผนที่มาตราส่วน ๑:๒๐๐๐๐๐ ซึ่งมีข้อผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศมาใช้ประกอบการพิจารณา ในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกเสียใหม่ ทั้งๆ ที่ได้มีการจัดทำหลักเขตแดนเสร็จสิ้นไปแล้ว และแน่นอนที่สุดว่า คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา ก็ยอมรับเงื่อนไขของแผนที่มาตราส่วน ๑:๒๐๐๐๐๐ ที่จะนำมาประกอบการพิจารณาเช่นกัน ตัว MOU ๔๓ แม้มิได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบก หากแต่ MOU ๔๓ เป็นที่มาของข้อกำหนดตามแผนแม่บทอำนาจหน้าที่ ซึ่งเราเรียกว่า TOR ๔๖ แผนที่มาตราส่วน ๑:๒๐๐๐๐๐ จึงถูกนำมาใช้ประกอบการพิจารณาในระดับปฏิบัติการภาคสนาม ซึ่งส่งผลให้เขตแดนของทั้งสองประเทศเกิดการอ้างสิทธิ์ของแต่ละฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายไทยต้องสูญเสียดินแดนทางพฤตินัยจากฝ่ายกัมพูชาเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่า ย่อมเกี่ยวข้องกับบันทึกรายงานการประชุมทั้ง ๓ ฉบับ ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา อย่างไม่ต้องสงสัย ในรายงานเอกสาร เรื่องผลการประชุมคณะกรรมธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission - JBC) ที่จะนำเข้าสู่การประชุมของรัฐสภา เพื่อให้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบบันทึกการประชุม ๓ ฉบับอันได้แก่ ๑. บันทึกการประชุม JBC สมัยวิสามัญที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ ๑๐-๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ๒. บันทึกการประชุม JBC ครั้งที่ ๔ ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๓-๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ๓. บันทึกการประชุม JBC สมัยวิสามัญที่กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ ๖-๗ เมษายน ๒๕๕๒ ข้อวิเคราะห์ ๑. ที่มาของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา เกิดจากบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ลงนาม ณ กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๓ (ค.ศ.๒๐๐๐ หรือ MOU ๔๓/๒๐๐๐) ซึ่งมีความเห็นว่า ตัวบันทึกความเข้าใจฯดังกล่าวยังไม่ผ่านขั้นตอนของรัฐสภา และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๒๔ ที่มาที่ไปของคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้จึงมิชอบ ดังนั้น เมื่อนำบันทึกรายงานการประชุมเข้ามาพิจารณา จึงไม่ชอบด้วยกฏหมาย หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร เขียนโดย ลุงโฉลก เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ มีนาคม 28, 2011, 07:53:26 am ๒. เมื่อได้ศึกษารายงานเอกสารดังกล่าวนี้โดยละเอียดแล้วพบว่า
บันทึกการประชุมทั้ง ๓ ฉบับมีเนื้อหาสาระสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดน โดยเฉพาะเขตพื้นที่ประกาศกฤษฎีกาอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งครอบคลุมเนื้อที่บริเวณ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร และอาจทำให้ข้อสงวนสิทธิ์ที่เคยมีมา กรณีปราสาทพระวิหารภายหลังการตัดสินของศาลโลก (ซึ่งไทยได้ไปตั้งข้อสงวนสิทธิ์ที่จะเรียกคืนตัวปราสาท หากมีการค้นพบหลักฐานหรือข้อมูลทางวิชาการใหม่) และอาจเป็นไปได้ว่า เราจะไม่สามารถเรียกคืนตัวปราสาทกลับมาเป็นของไทยได้อีกเลย หากปล่อยให้กัมพูชาเข้ายึดครองพื้นที่ และนำไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารการจัดการมรดกโลกปราสาทพระวิหาร ๓. เฉพาะบันทึกฉบับที่ ๒ และฉบับที่ ๓ ซึ่งมีการแนบ ร่างข้อตกลงชั่วคราว ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชากับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยเรื่องปัญหาชายแดนในพื้นที่ (ไทย - ปราสาทพระวิหาร, กัมพูชา - ปราสาทเปรียะวีเฮียร์) ซึ่งในเบื้องต้นสามารถมองเห็นได้ว่า มีการหารือเรื่องร่างข้อตกลง ซึ่งได้รับการบรรจุอยู่ในระเบียบวาระ “เรื่องพิจารณา” (ในภาคผนวก ๕ หน้า ๑๐๒) เท่ากับว่าฝ่ายไทยเห็นด้วยว่าในพื้นที่อาณาบริเวณดังกล่าวไม่ใช่เป็นของฝ่ายไทยหรือแผ่นดินไทยแต่ฝ่ายเดียว หากแต่เป็นดินแดนที่พิพาท (ทั้งที่ภายหลังคำตัดสินของศาลโลก ฝ่ายไทยยังยืนยันความเป็นเจ้าของมีอำนาจอธิปไตย เหนือดินแดนในอาณาบริเวณนี้ ยกเว้นตัวปราสาทที่ต้องปฏิบัติตามคำตัดสินศาลโลก ส่วนพื้นที่พิพาทฝ่ายไทยยืนยันว่าเป็นพื้นดินที่รองรับตัวปราสาท และยังมีหลักฐานจากบทสัมภาษณ์ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และการเสด็จพระราชดำเนินของกษัตริย์ นโรดม สีหนุ ที่นำคณะรัฐบาล บุคคลสำคัญชาวกัมพูชา ประชาชน และสื่อมวลชนขึ้นมาชักธงกัมพูชาขึ้นสู่เสาในตัวปราสาทพระวิหาร) อีกประการหนึ่งคณะกรรมการ มรดกโลกและยูเนสโกต่างเห็นถึงความจำเป็น ที่จะต้องมีกลไกของ JBC และร่างข้อตกลงชั่วคราวฯ ดังกล่าว เพื่อให้การขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารของกัมพูชามีความสมบูรณ์ จึงออกเป็นมติไว้ในการประชุมครั้งที่ ๓๓ ทั้งๆที่ คณะกรรมการมรดกโลกและยูเนสโกไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการปักปันเขตแดนของทั้งสองประเทศ รวมไปถึงการชักชวนให้ไทย ซึ่งรู้ว่ากำลังมีปัญหาเรื่องเขตแดนนี้ เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน ๑ ใน ๗ ชาติเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร การเกริ่นนำของกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ จึงปรากฏถ้อยคำที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นอันตรายคือ การแนบร่างข้อตกลงชั่วคราวฯ ล่าสุดไว้ในบันทึกการประชุม JBC สมัยวิสามัญที่กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ ๖-๗ เมษายน ๒๕๕๒ (หน้า ๑) ซึ่งเป็นร่างข้อตกลงที่เป็นอันตรายและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดน และอาจนำไปสู่ปัญหาที่ยุ่งยากต่อการสำรวจและตรวจสอบหลักเขตแดนที่ได้กระทำไปเรียบร้อยจบสิ้นแล้ว โดยเฉพาะบริเวณปราสาทพระวิหารและแนวเขตแดนจากช่องบกมาจนถึงช่องสะงำ ซึ่งได้ดำเนินการปักปันไปแล้วกว่า ๑๐๐ ปีที่ผ่านมาภายใต้พื้นฐานสนธิสัญญาฉบับ ค.ศ. ๑๙๐๔ โดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-อินโดจีนชุดที่ ๑ ๔. การเกริ่นนำของกองเขตแดนในข้อที่ ๕ ซึ่งเป็นการรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติม ในหลายประเด็นซึ่งมีทั้งหมด ๗ ข้อ ข้อที่น่าจะเป็นอันตรายในระดับต้นๆ คือ ข้อที่ ๕.๓, ๕.๔ และ ๕.๕ (หน้า ๒) กล่าวคือ ในข้อที่ ๕.๓ และ๕.๔ เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับเรื่องพื้นที่ที่กัมพูชาจะนำไปขึ้นทะเบียนโดยสมบูรณ์ (คือบริเวณบางส่วนระหว่างหลักเขตที่ ๑ ถึง เขาสัตตโสม) ซึ่งโดยหลักการแล้วควรมีหลักเขตแดนให้แน่ชัดเสียก่อน โดยการไปสำรวจแนวของสันปันน้ำที่เคยปักปันไปแล้วตามสนธิสัญญา ค.ศ.๑๙๐๔ และรายงานการประชุมของคณะกรรมการปักปันเขตแดน สยาม-ฝรั่งเศส ชุดที่ ๑ ซึ่งถ้าฝ่ายไทยยืนยันตามหลักฐานเอกสารที่ถูกต้อง ทำไมจึงต้องไปเริ่มต้นกันใหม่ในข้อที่ ๕.๖ เรื่องความเห็นชอบให้มีการประชุม JBC สมัยวิสามัญเพื่อหารือประเด็นกฎหมายเกี่ยวกับพื้นที่สำรวจตอนที่ ๖ (หน้า ๒) ซึ่งในแง่ของนักวิชาการ ภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศและตัวประธาน JBC ของไทย ยังมีความเห็นแย้งกันอยู่มากและหลายประเด็น โดยเฉพาะการตีความคำพิพากษาที่เห็นตรงกันข้าม การอ่านบันทึกวาจา หรือแม้แต่ทัศนคติที่เลือกข้าง ดังจะเห็นได้จากการที่ประธาน JBC ฝ่ายไทยไปให้คำชี้แจงในวาระต่างๆ ทั้งๆ ที่คณะกรรมาธิการทั้งสภาผู้แทนราฎรและวุฒิสภา มีทัศนคติที่เห็นด้วยกับฝ่ายกัมพูชาและการตีความคำตัดสินของศาลโลกเข้าข้างฝ่ายกัมพูชา โดยขาดรากฐานความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาต่อกรณีปราสาทพระวิหาร ด้วยเหตุนี้ จึงควรนำประเด็นดังกล่าวมาร่วมปรึกษาหารืออย่างกว้างขวาง ก่อนจะดำเนินการเจรจา หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร เขียนโดย ลุงโฉลก เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ มีนาคม 28, 2011, 07:54:30 am ๕. การศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ ยังไม่สามารถสรุป
หรือลงมติใดๆ ได้ เพราะเอกสารที่ใช้ในการประกอบการศึกษาและการตัดสินใจยังไม่เพียงพอ เอกสารสำคัญๆ เมื่อร้องขอไปแล้วยังไม่ได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงการต่างประเทศ กรมแผนที่ทหาร ทั้งๆ ที่มีตัวแทนเข้ามานั่งประชุมอยู่ด้วยทุกครั้ง ถือเป็นการบังคับให้ต้องลงมติโดยปราศจากข้อมูล ๖. เนื้อหาในบันทึกการประชุมมีเนื้อหาที่บ่งชี้ว่า ฝ่ายไทยเสียเปรียบฝ่ายกัมพูชาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการย้ายพื้นที่มาดำเนินการในพื้นที่ตอนที่ ๖ ก่อน หรือแม้กระทั่งคำปราศรัยของนายวาร์ คิม ฮอง ประธานกรรมาธิการเขตแดนฯฝ่ายกัมพูชา ที่กล่าวว่าไทยได้ส่งกองกำลังทหารรุกล้ำเข้าไปยังดินแดนของกัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ดังนั้น การพิจารณาของรัฐสภาไทยเพื่อผ่านรายงานบันทึกการประชุม JBC ทั้ง ๓ ฉบับนี้ ย่อมทำให้ประเทศไทยสูญเสียดินแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม และถือเป็นการเริ่มต้นของการสูญเสียดินแดนครั้งใหม่ ตลอดแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา เทพมนตรี ลิมปพยอม, มัฆวานรังสรรค์ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๔ หัวข้อ: Re: เขาพระวิหาร เขียนโดย ลุงโฉลก เริ่มหัวข้อโดย: worathep-LSV team ที่ มีนาคม 28, 2011, 09:06:42 am แม่ง เ ี้ย จริงๆ มันคนไทยหรือเปล่าว่ะ
เห็นเงินมีค่ามากกว่าแผ่นดินเกิด |