หัวข้อ: วิธีสังเกตว่าท่านใดเป็นพระโพธิสัตว์ เริ่มหัวข้อโดย: kittanan_2589 ที่ มกราคม 03, 2011, 08:10:51 am (http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1299977&stc=1&d=1293939702)
หัวข้อ: Re: วิธีสังเกตว่าท่านใดเป็นพระโพธิสัตว์ เริ่มหัวข้อโดย: kittanan_2589 ที่ มกราคม 03, 2011, 08:11:12 am ที่มาจากหนังสือ รู้แจ้งโลก
พระโพธิสัตว์แปลว่าที่พึ่งของสัตว์ ตามหลักศาสนาพุทธ ยุคนี้มีท่านผุ้รู้ตนเองว่าเป็นพระโพธิสัตว์นั้นมีจำนวน มาก ทั้งที่รุ้ได้ด้วยญาณที่เกิดจากจิตของตนเอง รู้ว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ เคยปรารถนาความเป็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต เคยอธิษฐานตั้งจิตปรารถนาไว้ในอดีตชาติอันยาวนาน วิธีสังเกตว่าท่านผู้ใดเป็นพระโพธิสัตว์นั้นไม่ยาก ส่วนมากจะเป็นผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตา มีจิตใจ ปรารถนาช่วยเหลือผุ้อื่นตลอดเวลา เห็นใครมีความทุกข์ก็ปรารถนาจะฉุดช่วยให้เขาเป็นสุข ถ้าช่วยเหลือผู้อื่น ได้ก็จะสุขใจยิ่ง ถ้าช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังมีความทุกขอยู่ไม่ได้ กำลังใจแห่งจิตก็หาความสุขไม่ได้ บางครั้งจิต ใจก็เป็นทุกข์ไปกับผู้อื่นด้วย จนกว่าจะหาทางช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ได้นั่นแหละถึงจะพอใจ นี่คือจิตของ ท่านที่มีชื่อว่าพระโพธิสัตว์ ถ้าบุคคลใดรู้จักจิตของตนด้วยตนเอง อย่างนี้ถือว่าบุคคลนั้นมีคุณความดีพิเศษใน ทางจิตที่ละเอียดยิ่งขึ้น พระโพธิสัตว์บางท่านไม่ได้รู้และเข้าใจว่าตนเองนั้นเป็นพระโพธิสัตว์ รู้แต่ว่าตนเองเป็นผู้ที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น บางครั้งก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่า ทำมมีจิตเมตตามีความรักต่อคนอื่นที่มีความทุกข์ เห็นคนหรือสัตว์ที่ ความทุกข์แล้วมีความเอ็นดูสงสารเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักหรือเกี่ยวข้องกันมาก่อน เห็นผู้อื่นมีความทุกข์ ตัวเองก็ทุกข์ไปด้วยอย่างนี้เป็นต้น กว่าจะได้รู้และเข้าใจว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ก็ต่อเมื่อ มีผู้อื่นที่มีความรู้ สูงกว่าตนมารับรอง มาแนะนำหรือบอกกล่าวว่า เธอเป็นพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ประเภทนี้ยังถือว่าไม่ดีเท่าไหร่ เพราะกำลังใจอ่อนอยู่ อาจจะหลงตนเองได้ง่ายๆ และก็ถูกหลอกใช้ จากผุ้ที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์ จากความดีของผู้ที่มีจิตเป็นพระโพธิสัตว์ เช่นจิตของพระโพธิสัตว์นั้นชอบสั่งสมบุญ ความดี สั่งสมบารมีกำลังใจ จึงมักถูกหลอกใช้จากเจ้าสำนักต่างๆ ให้หาเงินมาสร้างวัดสร้างสำนัก สร้างวิหาร สร้างเจดีย์ สร้างพระพุทะรูป โดยอ้างว่าได้บุญความดีบารมีเยอะ บ้างก็หลงเชื่อตามเขา หาเงินปัจจัยมาร่วมสนับสนุนสร้างแต่วัตตถุ แต่ละวัดแต่ละสำนักพากันสร้างสถานที่ใหญ่โตมโหฬารมากมาย เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ทั้งที่รู้ว่าอีก ไม่นานโลกนี้ก็พังสลาย แต่กลับร๊บเร่งแข่งขันประชันกันสร้างความดี ด้วยการก่อสร้างเพียงอย่าง เดียว จนขาดการสร้างความดีภายในจิตด้านสติปัญญา ทั้งๆ ที่การสร้างความดีภายในนั้น ชื่อว่าเป็น เลิศกว่าการสร้างความดีภายนอกด้านวัตถุ ถ้ายุคแห่งความเสื่อมโทรมบ้ามเมืองล่มสลายเช่นสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แผ่นดินถูกทำลายจากการสู้รบ พระภิกษุผู้ปฏิบัติดีมากแต่ขาดที่อยุ่อาศัย อย่างนี้ถือว่าควรส่งเสริม ไม่ใช่เหมือนยุคปัจจุบันนี้ วัดและสถานที่ ปฏิบัติมีมากมายจนกลายเป็นวัดร้าง ก็ยังพากันเร่งสร้างอารามจนใหญ่โต ยิ่งสร้างความเจริญทางวัตถุ จิตใจก็ยิ่งเสื่อมลงซึ่งปัญญา เป็นเหตุปัจจัยให้ทรัพย์สิงเงินทอง จมอยุ่กับทรากอิฐหิน ปูน ทราย บ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวาย ผู้คนแตกความสามัคคีและยากจนลงทุกขณะ เพราะอะไรกันเล่าลองคิดดูเถอะมนุษย์เอ๋ย.. มนุษย์ที่มีจิตเป็นพระโพธิสัตน์นั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดอยุ่ในประเทศไทย หรือประเทศที่มีพระพุทธศาสนา เท่านั้น อาจจะเป็นใครก็ได้ นับถือหรือไม่นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งก็ได้ อาจจะเป็นคนรวยคนจนหรือเป็นสัตว์เดรัจฉานที่อาศัยอยุ่ทั่วโลกก็ได้เช่นกัน หัวข้อ: Re: วิธีสังเกตว่าท่านใดเป็นพระโพธิสัตว์ เริ่มหัวข้อโดย: mr.ton003 ที่ มกราคม 03, 2011, 09:10:47 am ขอบคุณครับ :D HAPPY2!!
|