หัวข้อ: เรื่อง..พระ...องค์ที่ ๑๐ เล่าโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ เริ่มหัวข้อโดย: kittanan_2589 ที่ ธันวาคม 26, 2010, 01:30:16 pm (http://palungjit.com/feature/data/530/b1a8a87cfcaa97de2.jpg)
เรื่อง..พระ...องค์ที่ ๑๐ (สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) เล่าโดยหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง) (หลวงพ่อเล่าว่า วันหนึ่งเจอพระ...องค์หนึ่งมานั่งอยู่ข้างหน้า รูปร่างหน้าตาสวยแล้วท่านก็บอกต่อไปดังนี้) รูปร่างหน้าตาสวย มีผิวพรรณสวยมาก อายุประมาณสัก ๓๐ แต่สวยจริง ๆ แล้วดูนี่ เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ นั่ง ก็ตามปกติเจ้าคณะจังหวัดจะนั่งต้น แล้วก็ฉันนั่งรอง แต่ว่าองค์นั้นมาก่อน เขาไม่ได้นิมนต์ องค์ที่ ๑๐ นี่ พอถึงนั่งต้นเลย (หัวเราะ) นั่งหน้าแถว ติดพระพุทธรูป ผลที่สุดเจ้าของบ้านก็ต้องเอาหมอนมาต่ออีกลูกหนึ่ง ตรง องค์ที่ ๑๐ น่ะ ใช่ไหม ทำยังไง มาถึงก็นั่ง ท่านก็นั่งเฉย เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ ก็ไม่ถาม เราก็ไม่ถาม เวลาตอนเย็นตอนสวดมนต์ขึ้นสวดมนต์นี่เพราะจริง ๆ เสียง แหม..กังวานพราว เสียงก้องกังวานแหลมก็ไม่แหลม เล็กก็ไม่เล็ก ใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เพราะจริง ๆ เสียงนี่กลบเสียงพวกเราหมดเลย อย่านึกว่าดังกลบ ไม่นะ เพราะเสียงพวกเราเหมือนเสียงเป็ดน่ะ จ๊อกแจ๊ก ๆ ของท่านนี่ แหม..กังวานเพราะ ว่าหนังสือ ฑีฆะรัสสะ ครุ ลหุ ถูกต้องหมด จังหวะจะโคนไม่เหลือ สังโยคตรงเป๊ง ถ้าเรียนบาลีแล้วรู้ ทั้งนี้อักขระไม่มีวิบัติเลย เสียงชัด เสร็จแล้วท่านก็เดินกลับ ตอนเช้ามา ตอนเช้าจะไปฉัน ก็เลยถาม เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ บอก “ นี่เจ้าคุณ รู้จักไหมพระองค์นั้นน่ะ ?” ท่านบอก “ เราเป็นเจ้าคณะจังหวัดไม่เคยเห็นเลย.. ?” ถาม “ อายุเท่าไหร่ล่ะ ?” บอก “ หน้าตาไม่ถึง ๓๐ นะ ” ถาม “ ทำไมนั่งหน้าเจ้าคุณ ?” บอก “ ไม่รู้ ข้าก็ขี้เกียจถาม นั่งไหนก็ช่าง ” ความจริงไอ้พระแก่น่ะ มันขี้เกียจนั่งหน้าอยู่แล้ว ตามปกติถ้าไปก่อนมักจะนั่งโน่น ท้ายแถว เพราะนั่งท้ายมันสบายกว่า ว่ามั่ง ไม่ว่ามั่ง (หัวเราะ) ใช่ไหม กินเท่ากัน ดี เราเหนื่อยน้อย ฉะมากกว่าไอ้พวกว่ามากมันกินไม่ได้หรอก ใช่ไหม เหนื่อย ทีนี้ทำยังไง ตอนเช้าไปท่านก็นั่งอยู่ พอฉันเสร็จ เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ ก็ถาม ก็ยกมือพนมเพราะเขานั่งหน้านี่ “ ขอประทานอภัยครับ ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว ?” นับไป เอ๊ะ ! เท่าไรจำไม่ได้ งัดใบสุทธิมาให้ดู ดู เอ๊ะ ! ลองเอา พ.ศ. ลบตายห่าแล้วหว่า.. นี่ ๓๐๐ ปีกว่าแล้ว (หัวเราะ) ฮึ ! ใบสุทธิยังใหม่ ลองดูอายุ ๓๐๐ ปีเศษ เราก็นั่งงง ! มึงก็งง ! กูก็งง ! (หัวเราะ) เอ๊ะ ! มันยังไงกันแน่ ! ... จะว่าสติไม่ดีก็ไม่ได้ ทุกอย่างเรียบร้อยถูกจังหวะจะโคนหมด นี่ความจริงเขียนไว้ใน “ หนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน ” นี่ไม่ละเอียดหรอก ถ้าเขียนละเอียดมากเกินไป บางทีคนเขาก็สงสัยใช่ไหม คนเขาสงสัยอาจจะไม่จริง โม้เกินไปเมื่อก่อน นี่เราคุยกันได้ ท่านบอก “ สงสัยหรือ... ?” บอก “ สงสัย ? มันตั้ง ๓๐๐ ปี ” ท่านบอก “ นี่ความจริงนี่ไอ้ใบสุทธิเนี่ย เขาเขียนใหม่นะ ถ้าใบเก่าน่ะมากกว่านี้อีก ” (หัวเราะ) ถาม “ ใบเก่าเท่าไหร่ ?” เลขขึ้นมา ๒,๐๐๐ กว่า ๒,๔๐๐ ปีกว่า เอ.ชักไม่เป็นเรื่องเสียแล้ว นี่ไม่เป็นเรื่องเสียแล้วซิ ! ไอ้เลขนั่นมันขยายได้ นี่มันใบใหม่ “ ใบเก่าเอามาให้ดูหรือเปล่าคะ ?” ไม่ได้เอามา ถามใบเก่าเท่าไหร่ มันก็เลยขึ้นใบใหม่นี่น่ะ ๒,๔๐๐ ปีกว่า เราเอ๊ะ ! ก็ชักยุ่งล่ะซิ ! พอชักยุ่ง พอจะดูว่า เอ๊ะ ! ท่านเป็นอะไรแน่ มันดำมืด จิตดำมืด เสร็จ ! เลยบอก เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ว่า “ เราถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าดีกว่า ” (หัวเราะ) ท่านหันมาหัวเราะ ถามว่า “ แกจะไปที่ไหนล่ะ ?” บอก “ ที่นี่แหละครับ ” ก็เลยลุกกราบ ๆ ท่าน ไอ้สองเสือข้างหลังเขาหัวเราะฮิ ๆ ๆ มานานแล้ว บอก “ ไอ้ห่า เอ๊ย..ไม่น่าจะโง่เลย กูนี่รู้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ” (หัวเราะ) ไอ้ผีนั่นมันไม่ได้อยู่ใกล้ มันอยู่ห่างไปก็ใช้กำลังใจได้สบาย ไอ้เราก็ไปนั่งสงสัยดูผิวพรรณ แล้วก็ดูเสียง ฟังเสียง ลีลา ด้วยประการทั้งปวง ไม่ใช่พระอรหันต์ธรรมดาเลย พระอรหันต์ธรรมดานี่ทำไม่ได้ แม้จะเป็นปฏิสัมภิทาญาณก็ไม่ได้ ขนาดนั้นไม่ได้ เราก็เลยกราบกัน ต่างคนต่างกราบ ก่อนกลับก็ให้โอวาทว่า “ พวกคุณนี่ตั้งใจดีแล้ว แต่การตั้งใจของพวกคุณ ถ้าไม่ตัดขันธ์ ๕ ได้เพียงใด การตั้งใจของคุณก็ไม่สัมฤทธิ์ผล ฉะนั้นขอทุกคนนะ พยายามอย่าสนใจขันธ์ ๕ ของเรา อย่าสนใจขันธ์ ๕ ของคนอื่น อย่าสนใจวัตถุธาตุทั้งหมดเท่านี้พอ ” ท่านบอกเท่านี้พอ...ก็เลยกราบเรียนถามว่า “ แล้วพวกเกล้ากระผมจะสามารถตัดได้ไหม ?” ท่านบอก “ มันไม่ยากหรอก..เรื่องเล็ก ๆ กำลังใจก็เข้มอยู่แล้ว แต่วันเวลาเท่านั้นนะ นี่มันจะเร่งรัดเกินไปไม่ได้ ถ้าวันเวลายังไม่ถึง ก็ทำไปเพื่อถึงเวลานั้น ถ้าวันเวลาถึงเมื่อไรก็สิ้นสุดกันวันนั้นแหละ แล้วท่านก็ลา เมื่อลาเราก็ต้องกลับบ้าง แหม..พูดเพราะจริง ๆ พูดเพราะมาก เดินลงบันไดไปหาย ! คนข้างบนเห็นลง คนข้างล่างไม่เห็น “ พวกนั้นเขาไม่มีบุญ ” เขามีบุญหรือไม่มีก็ไม่รู้ เราต้องมีแน่ใช่ไหม เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ นี่พอไปแล้ว เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ ทำยังไง ลุกกราบที่ตรงนั้นอีก บอก “ แหม..นึกไม่ถึง ๆ คนอายุ ๒,๔๐๐ ปีเศษ ” ก็พระพุทธเจ้าน่ะซิ ! พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน แหม..สวยจริง ๆ บอกไม่ถูกเลย เล่นเอาไอ้คนบ้านนั้นนอนไม่หลับไปหลายวันเลย อีบ้านนั้นจะพังให้ได้เลย มึงก็ขึ้นมาไหว้ กูก็มากราบ ปิดทองกระดานตรงนั้น เสื่อรื้อไม่ได้ ไอ้เสื่อวัดผืนนั้นต้องซื้อ เสื่อยาวของที่วัดยืมมานะ เขาซื้อเสื่อไว้เลย นี่นะเรียกว่าของดีมีอยู่ ความจริงน่ะมีอยู่อย่างเดียวให้ใจเรารัก ถ้าใจเรารักดีมันไม่ต้องห่วงหรอก ดีถึงเราแน่ ถ้าใจเราไม่รักดี ใจเรารักชั่ว ชั่วมันก็มาถึงเรา ทีนี้ความจริงท่านมาทำไมนะ ความจริงท่านตั้งใจมาโปรด เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ เพราะไอ้เบื๊อกนั่นมันดื้อแพ่ง พูดถึงเรื่องนิพพานมันก็บอกไปไม่ไหว เทศน์กันมา ๓ วัน มันก็ไม่เลิกอยู่นั้นแหละ ก็เลยเทศน์กันไปเทศน์กันมาก็บอก “ ไอ้นักเทศน์หมา ๆ โยมนิมนต์มาทำไมก็ไม่รู้ ” (หัวเราะ) โยมฮาครืน..ตอนกลางคืนลงท้ายเรียกไอ้หนู แกแก่กว่าเราหลายปีในครั้งนั้นเองกลับไปบอก “ คราวนี้อั๊วะจ้วงหนักล่ะโว้ย ” ถาม “ ทำไม ?” บอก “ แหม..ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบพระพุทธเจ้า ” ทุกคนก็มีความเข้าใจ ทุกองค์มีความเข้าใจหมด อย่างนี้ทำไม่ได้คือลีลาอย่างนี้ อรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ถ้าขืนไปทำลีลาอย่างนั้นท่านไม่ทำ เพราะทุกส่วนสัดท่านสวยหมดไม่มีตำหนิ มาดูใน “ มหาปุริสลักษณะ ” ลักษณะของพระพุทธเจ้า อาการ ๓๒ และก็อนุพยัญชนะ ๘๐ ไม่ได้พลาดเลย แล้วก็ที่บาลีกล่าวไว้บอก มีพระโอษฐ์แดงระเรื่อพองาม ส่วนที่จะดำก็ดำสนิท ส่วนที่จะขาวก็ขาว แขนนี้กลมบ๊อง ริ้วรอยนี่ไม่มีเลยเรียบ หนังเป็นริ้วไม่มี นี่เป็น “ พุทธลักษณะ ” จริง ๆ ใช่ไหม เป็นอันว่าฉันก็เลยนั่งฝันเห็นพระพุทธเจ้าท่าน แต่ว่าอีตอนเย็นฝันผิด ตอนเย็นไปสนใจแต่เพียงว่า เอ๊ะ ! ทำไมอายุอ่อนกว่า เจ้าคุณธรรมเสนานีย์ จึงนั่งหน้า แต่ก็ด้วยมารยาทแล้วเลยไม่ถาม เสียงก็ไพเราะ พอเวลาว่านี่ก็ว่าเสียงไพเราะจับใจมาก เราก็อิ่มไปด้วย พอดีตอนเช้าซิ ! ชักสงสัยขึ้นมา พอถึงท่านก็มาอีกล่ะ มาอีกตอนนี้ชักยุ่ง ก็ชักสงสัย ก็ถามพ่อส่งใบสุทธิให้ ๓๐๐ ปี มันไม่ไหวแล้ว กระดูกก็ไม่เหลือ พอถึงถามว่า “ ทำไมอายุมากนักครับ ?” ท่านบอก “ คนละใบนี่ใบใหม่ ใบเก่ามากกว่านี้อีก ” (หัวเราะ) ถาม “ ใบเก่าเท่าไรครับ ?” เลขขึ้นมาเลย ๒,๔๐๐ ปีเศษ โอ้โฮ้ ! พอเท่านี้แหละท่านก็ยิ้มนิดหนึ่ง ทีแรกท่านไม่ยิ้ม พูดเรื่อย ๆ หน้าเฉย ๆ พอยิ้มนิดตกใจ นึกถึงบาลีเลย นึก เอ๊ะ ! พระองค์นี้ยังไงแน่ สงสัย ? จะดูจิต พอจะดูจิตปั๊บ ! เราก็จับภาพจิตเราก่อนเลย เราต้องจับของเราก่อนนะ จับภาพมันไม่ยากนี่ พอจับปั๊บ ๆ สว่างโพลง พอเราจะจับจิตท่าน หนาปึ้ก ! จิตดำปื้อ...ดำปื้อ..เราเสร็จล่ะ ถ้าปฏิสัมภิทาญาณก็หนีไม่พ้น ยังไงเราก็เอาได้ เราก็ล้วงพระพุทธเจ้ามาช่วย ทีนี้เราจะหาพระพุทธเจ้าไม่เจอเสียแล้วซิ ! พอนึกปั๊บดำปื้อ .... ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าไม่มี หาไม่ได้ พระพุทธเจ้าหาย (หัวเราะ) ตาไม่ดี รูปพระพุทธเจ้าหาย ชักเอาแล้ว อีตอนนี้ชักสงสัย ถ้าพระพุทธเจ้าหายนะ ถ้าอย่างนั้นต้ององค์นี้แน่ พอดูไปอีกทีปั๊บ ! แหม..แพรวสวย แต่ว่าคล้าย ๆ จะเปล่งฉัพพรรณรังสี แต่เปล่งไม่ชัด บาง ๆ นิด ๆ แต่สวยมาก ตามธรรมดานี่เปล่งชัดเหมือนกับ พระอาทิตย์ทรงกลด ใช่ไหม สวยบอกไม่ถูกชัดเจน ไอ้นี่ให้พวกเราเห็นน้อย ๆ นิด ๆ เป็นละออง ๆ ก็เลยมั่นใจ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันก็บ้า “ พุทธานุสสติ ” เรื่อย ใครจะไปยังไงก็ไปเหอะ ฉันเล่น “ พุทธานุสสติ ” เดี๋ยวนี้ก็ยัง “ พุทธานุสสติ ” อยู่นั่นแหละ ใช่ไหม เอ้า ! ว่าแล้วก็กลับกันดีกว่า นี่มันจะดึกเดี๋ยวได้ ๕ ทุ่มอีกหรอก จากหนังสือ หลวงพ่อเล่าให้ฟัง เล่ม ๒ โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี พิมพ์ สุวิภา กลิ่นสุวรรณ์ ที่มา www.kanlayanatham.c om |