พิมพ์หน้านี้ - ‘วรวีร์’ ขอ 2-3 ปีพัฒนาบอลไทย ยินดีคุยแฟนบอล

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

นานาสาระ => กีฬา => ข้อความที่เริ่มโดย: Nattawut-LSV Team ที่ ธันวาคม 10, 2010, 07:46:32 am



หัวข้อ: ‘วรวีร์’ ขอ 2-3 ปีพัฒนาบอลไทย ยินดีคุยแฟนบอล
เริ่มหัวข้อโดย: Nattawut-LSV Team ที่ ธันวาคม 10, 2010, 07:46:32 am
(http://www.thairath.co.th/media/content/2010/12/09/133021/hr1667/630.jpg)

นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดใจ ยังไม่ออกหลังบอลไทยตกรอบแรก ซูซูกิ คัพ ขอเวลาอีกสัก 2-3 ปีพัฒนาทีม ปีหน้าเน้นเกมคัดบอลโลก พร้อมคุยแฟนบอลทุกเมื่อ…

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวภายหลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความตกต่ำของทีมฟุตบอลไทย ที่ร่วงตกรอบศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010 ว่า ต้องขอแสดงความเสียใจและขอโทษแฟนบอลชาวไทยกับผลงานอันล้มเหลวและความตกต่ำที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ขอลาออกจากตำแหน่งแน่นอนเพราะเป็นคนละประเด็นกัน

โดยนายวรวีร์ กล่าวว่า ต้องขอแยกเป็นคนละประเด็น ระหว่างเรื่องลาออกกับไม่ลาออก เพราะบทบาทหน้าที่ของนายกสมาคมฯ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องการทำทีม มีเพียงหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมทุกอย่าง ถ้าบทบาทในเรื่องการดูแลเอาใจใส่ไม่ดี ไม่มีการฝึกซ้อมหรือเก็บตัวตามที่กำหนดไว้ เรื่องนี้ก็ต้องรับผิดชอบ ต้องจัดให้มีการเก็บตัวในโรงแรมอย่างดี และต้องมีการเตรียมตัวอย่างดี มีเงินอัดฉีดและเงินโบนัสต่างๆ พร้อม

“ผมตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ทำทุกอย่างให้เป็นสากล ในกรณีที่ทีมฟุตบอลแพ้ แล้วนายกสมาคมฯต้องลาออก อาจมีเปลี่ยนกันทุกเดือน ซึ่งตามจริงแล้วหลักสากลเขาไม่ได้ปฏิบัติกันอย่างนั้น ถ้าผมเข้าไปก้าวก่ายงานของโค้ช เข้าไปจัดตัวนักเตะเอง ผมก็น่าจะต้องรับผิดชอบ แต่ผมทำหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมตามบทบาทของผมเท่าที่จะทำได้ อย่างทีมชาติอิตาลีเป็นแชมป์โลก ก็มาตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2010  ส่วนฝรั่งเศสเป็นรองแชมป์โลก ก็มาตกรอบแรกเหมือนกัน เพราะฉนั้นหากเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ของเขาสาหัสสากรรจ์กว่าเรามากมาย ซึ่งฝรั่งเศสก็มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องโค้ช” บังยี กล่าว

นายกสมาคมฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนสาเหตุของการตกรอบแรกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010 ผมบอกได้เลยว่าทุกชาติในภูมิภาคนี้ต้องการโค่นเราทั้งนั้น ซึ่งทุกชาติต่างทุ่มเทเต็มที่ในการพัฒนาทีมขึ้นมา เพราะฉนั้นเราจะประมาทใครไม่ได้เลย ผมจะย้ำเตือนตลอดเวลาว่า เราเล่นกับใครในภูมิภาคนี้ เราต้องไม่ผูกขาดว่าเราเป็นเจ้าแห่งภูมิภาคนี้ เพราะเราเคยเป็นแชมป์ซีเกมส์มา 8 สมัย ตอนหลังจึงมีการกำหนดอายุนักเตะที่แข่งในซีเกมส์เหลือแค่ 23 ปี โดยในแต่ละรายการมันก็มีปัญหาหรือองค์ประกอบเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นเหมือนกัน อย่างรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010 ผมก็ไม่อยากตำหนิหรือไปพูดพาดพิงถึงใคร ในวันที่เราแข่งกับมาเลเซีย นัดนั้นถ้าเราได้ลูกโทษสักลูกนึง หรือน่าจะได้สัก 2 ลูก โดยเฉพาะจังหวะที่สุเชาว์ นุชนุ่ม ถูกเสียบล้มในเขตโทษ ก็น่าจะได้ลูกโทษ เพราะเขาไปกับลูกบอล แล้วเขาจะโดดทำไม ซึ่งผู้ตัดสินก็มีส่วน แต่ก็ไม่อยากไปพาดพิง เพราะคำตัดสินมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่มันก็มีปัจจัยอื่นที่เราสามารถอ้างถึงได้ แต่บางทีก็ไม่อยากคิดเลยไปถึงว่าทำไมมันถึงเกิดกับเราตลอดเวลา

“สำหรับกรณีเรื่องการเตรียมทีมน้อยแค่วันเดียวนั้น เรามีการทำความเข้าใจกันอย่างดีก่อนที่เราจะเดินทางไปอินโดนีเซีย เราให้เด็กมีโอกาสพัก ในช่วงนั้นผมต้องยอมรับว่าโปรแกรมการแข่งขันปีที่แล้วมันก็มีการเลื่อนกันมามากมาย เรามีเหตุการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติ มีเรื่องน้ำท่วม จนต้องเลื่อนโปรแกรมมาตลอด ผมยอมรับว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการเตรียมทีมของทีมชาติไทย หลังจากที่กลับมาจากเอเชียนเกมส์ เราก็มีการพักก่อนจะเดินทางไปอินโดฯ แต่ที่เอเชียนเกมส์ เราก็ทำได้ดีนะ ส่วนเรื่องที่เสมอกับทีมมัลดีฟส์นั้น ผมว่ามันเป็นที่จังหวะของฟุตบอลนะ มันเกิดขึ้นได้ ผมก็นั่งดูอยู่ด้วย ยิงแล้วยิงอีกมันก็ไม่เข้า มันก็เป็นเรื่องของจังหวะฟุตบอล ซึ่งผมคิดว่าทีมยักษ์ใหญ่ ไม่เฉพาะในภูมิภาคอาเซียน จะเป็นในระดับยุโรปหรือในโลก  มันก็มีโอกาสที่เกิดขึ้นได้ ตรงนี้มันก็เป็นเรื่องของฟุตบอล”

ส่วนเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องโปรแกรมการแข่งขันว่า สมาคมฟุตบอลฯไปดึงลีกคัพเข้ามาแทรกในโปรแกรม ซึ่งมีไทยพรีเมียร์ลีกในระดับสูงสุด มีไทยคม เอฟเอ คัพ ซึ่งลีกคัพเป็นการแข่งขันระบบเหย้าเยือนด้วย เอามาแทรกโปรแกรมกะทันหันทำให้คิวเตะไทยพรีเมียร์ลีกต้องเลื่อนมา เพราะช่วงแรกเกิดเหตุการณ์ทางการเมือง ทำให้มาอัดแน่นในช่วงหลัง ทำให้ล้มเหลวในทีมชาติ เหมือนไม่ให้ความสำคัญกับทีมชาติ

นายวรวีร์ ระบุว่า จริงๆ แล้วนโยบายหลักของเราชัดเจน คือการสร้างลีกให้แข็งแกร่งมากที่สุด และสร้างทีมชาติให้เข้าสู้ระดับนานาชาติให้ได้ ตอนนี้ลีกเรากำลังเจริญก้าวหน้า มันก็อาจกระทบมาบ้าง ส่วนเรื่องลีกคัพก็มีการตกลงกับทุกสโมสรเป็นอย่างดี ซึ่งลีกคัพจะสร้างรายได้อีกส่วนหนึ่งให้กับสโมสร เพราะตอนนี้การลงทุนของแต่ละสโมสรมีมาก ทางสโมสรก็อยากหารายได้หรือสิทธิประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เพราะฉนั้นถ้าเรามีรายการจัดเสริมให้ในตรงนี้ ก็จะทำให้พวกเขาหารายได้ เพื่อที่เขาจะต้องจ่ายเงินปีๆ หนึ่งเป็นค่าตัวนักฟุตบอล ค่าตัวโค้ช และการบริหารจัดการต่างๆ ซึ่งผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงก็คือสโมสร เขาก็ไม่บ่นอะไรเลย เขาต้องการที่จะทำตรงนี้ แต่ผมต้องยอมรับว่าโปรแกรมที่ซ้ำซ้อนกันเพราะเรามีปัญหาบ้านเมืองไม่ปกติ ฝนตก มันก็ขยับมาเรื่อย แต่ในลีกคัพก็มีการตกลงกับแต่ละสโมสรว่าจะไม่เอาตัวทีมชาติลงเล่น ตรงนี้ได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันอยู่แล้ว แต่ในนัดชิงมันก็มีบ้างที่ทีมนั้นๆ จะเอาตัวทีมชาติลงเล่น

“สำหรับในการแข่งขันปีหน้าจะไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก จะวางแผนเรื่องการเตรียมทีมชาติ ทั้งโอลิมปิกรอบคัดเลือก และฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก  จะเตรียมให้ดีที่สุด และผมขอที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่จะทำให้เราต้องขยับโปรแกรมออกไปอีก อย่างทีมบีอีซีต้องเลื่อนตลอด แต่อย่างไรก็ตามผมไม่โทษใคร ผมถือว่าผมเป็นผู้นำองค์กร ผมขอยอมรับผิด และจะปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป” นายกสมาคมฯ กล่าว

กรณีมีเสียงวิจารณ์ว่าฟุตบอลทีมชาติไทยตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ นายวรวีร์ กล่าวว่า ถ้าดูกันเป็นนัดๆ ก็อาจจะ แต่ถ้าดูภาพรวม และให้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ผมว่าลีกกำลังสร้างนักฟุตบอลที่แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมาก แต่ต้องใช้เวลาอีกสักนิด ผมขอเวลาอีกสัก 2-3 ปี มันจะเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่าทีมชาติของเราจะดีขึ้น อย่างนัดที่พบกับญี่ปุ่นก็เป็นสัญญาณอย่างดีถึงอนาคตของทีมเรา ถ้าลีกลงตัวเรามีความหวังแน่

ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวโค้ช เราต้องให้เวลาในการทำงาน เพราะหากเขายังมีเวลาไม่มากพอแล้วไปปลดเขา ผมคิดว่ายังมีความลังเลใจอยู่มาก แต่มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาด้วย เพราะผมให้สิทธิ์ในการทำงานอย่างเต็มที่ แต่ผมคงต้องปรึกษากับสภากรรมการที่มีความรู้เชี่ยวชาญ เพื่อหารือกัน ผมคิดว่าอาจต้องมีทีมเสริม อยากให้มีคณะกรรมการทีมชาติเหมือนกับต่างประเทศที่คอยมอนิเตอร์ และคอยสนับสนุนส่งเสริมให้กับทีมชาติ

ในเรื่องของอนาคตสำหรับผมแล้ว พุ่งเป้าไปที่การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดอะไรต่างๆ ที่ชัดเจนกับไบรอัน ร็อบสัน ส่วนตัวผมไม่ติดยึดกับอะไรทั้งนั้น

“กรณีที่แฟนบอลไม่พอใจจนถึงขั้นประท้วงใหญ่โตแบบนั้น ผมว่าเชิญผมไปพูดคุยได้เลย แต่ถ้าจะยกป้ายไล่ผมในที่ต่างๆ ผมดูแล้วว่ามันไม่ยุติธรรมกับผมเลย  แต่ถ้าพวกคุณเสนอแนะเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา แล้วผมไม่ทำตาม ก็ถึงมาไล่ผม ขอย้ำผมว่าผมยินดีคุยกับทุกฝ่ายที่ต้องการช่วยให้ทีมชาติของเราไปไกลให้มากที่สุด ผมพร้อมรับคำเสนอแนะต่างๆ จากแฟนฟุตบอลทุกคน” นายวรวีร์ กล่าวทิ้งท้าย

http://news.udonzone.com