หัวข้อ: สามก๊กภาคพิสดาร (1) (ตาโป๋เป่าปี่) เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ พฤศจิกายน 12, 2010, 05:52:13 am http://www.naewna.com/news.asp?ID=236149
ภาคเดิม แผ่นดินจีนยุคสามก๊ก เป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของนักการเมืองกลุ่มต่างๆ แผ่นดินแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ฮ่องเต้ตกอยู่ในภยันตรายและถูกละเมิดพระราชอำนาจอย่างหนักจากนักการเมืองบางพวก "ตั๋งโต๊ะ" เป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่คนหนึ่งที่มาจากหัวเมือง เข้ามามีอำนาจในเมืองหลวงภายใต้การสนับสนุนของเหล่าขุนศึกบางคน ทำตัวเป็นศูนย์กลางของอำนาจ ไปไหนมาไหนมี "ลิโป้" ขนาบข้าง สร้างความครั่นคร้ามแก่ผู้พบเห็น "ลิโป้" เป็นหนุ่มใหญ่จากเมืองฉุยฝู่ที่อยู่ในมณฑลชานตงทางภาคคะวันออกเฉียงเหนือของจีน หนุ่มใหญ่คนนี้เยี่ยมยุทธ์ในการต่อสู้เป็นอย่างมาก แต่เป็นคนเห็นแก่ได้เป็นที่สุด สามารถทรยศถึงขั้นฆ่าฟันผู้มีบุญคุณให้ความอุปการะดูแลให้ล้มตายลงไปอย่างเลือดเย็น เพียงแค่ได้รับสิ่งที่ต้องการตามที่มีผู้นำมามอบให้ ภาคพิสดาร แผ่นดินเสียมก๊ก แม้จะเคยเป็นแผ่นดินที่ร่มเย็นสงบสุข น้ำท่าบริบูรณ์ฝนตกต้องตามฤดูกาลนำมาซึ่งความสะดวกสบายในการเพราะปลูก ผู้คนในแผ่นดินนี้ไปไหนมาไหนใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสจนได้ชื่อเรียกขานกันไปทั่วว่า "ยิ้มเสียมก๊ก" แต่ในขณะนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ทั่วทั้งแผ่นดินเกิดความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายระหว่างกันไม่เหมือนก่อน เหตุเป็นเพราะนักการเมืองเสียมก๊กกำเริบเสิบสานลำพองในอำนาจยิ่งกว่าครั้งใดๆที่ผ่านมา นอกจากกำเริบเสิบสานลำพองในอำนาจแล้ว นักการเมืองเสียมก๊กยุคนี้ยังอุกอาจกระทำการฉ้อราษฎร์บังหลวงแบบเย้ยฟ้าท้าดิน ไม่เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้นแม้กระทั่งฮ่องเต้ โกงกินกันอย่างตระกละตระกลามจนแผ่นดินเสียมก๊กในขณะนี้เหลือแต่หนังกับกระดูก มีหนี้สินพะรุงพะรังทั้งประชาชนและบ้านเมือง หยาบช้าสามานย์ด้วยคำโกหกหลอกลวงผู้คนในแผ่นดินเสียมก๊กให้หลงเชื่อเพื่อประโยชน์ตน ยุให้แยกแตกสลายไปทั่วทุกหัวระแหง ไม่เว้นกลไกรัฐที่ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงแต่งตั้ง โยกย้ายและควานหาประโยชน์ ทุกตำแหน่งแหล่งที่คนดีไม่มีโอกาส เพราะทุกตำแหน่งสำคัญๆ เหล่านั้นถูกนำออกประมูลขายกันอย่างโจ่งแจ้ง คนดีถูกเก็บถูกดอง มีแต่พวกโกงชาติยินดีเป็นม้ารับใช้เท่านั้นจึงจะได้เข้าไปอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆเหล่านั้น เป็นชะตากรรมของชาวเสียมก๊กตั้งแต่ "โจสิน" เข้ามามีอำนาจ แม้ในขณะนี้ "โจสิน" จะหมดอำนาจไปแล้ว เพราะถูกขุนศึกคณะหนึ่งไล่เตะออกไปก็ตาม แผ่นดินเสียมก๊กก็ยังไม่สงบสุขและเป็นปัญหาสืบเนื่องกันมาไม่สิ้นสุดจนทุกวันนี้ ชาวเสียมก๊กยังคงต้องผจญกับนักการเมืองเลวๆทั้งหลาย อยู่ต่อไปด้วยความระทมขมขื่น แม้กระทั่งฟ้าก็ยังต้องร้องไห้ หลั่งน้ำตารินไหลท่วมแผ่นดินเสียมก๊กไปแทบทั่วในขณะนี้ ค่ำวันนั้นเสียงฟ้าร้องฟ้าลั่นสนั่นกึกก้อง ท่ามกลางความมืดจากเมฆนาบท้องฟ้า "ตั๋งเทือก" กับ "ลิห้อย" กำลังนั่งเสพสุรากันอยู่ ระหว่างนั้นเองมีลมแรงพัดกระหน่ำ เมฆดำเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นรูปคล้ายมังกรผยองท่องอยู่ในอากาศ "ตั๋งเทือก" ชี้ให้ "ลิห้อย" ดู แล้วถามว่า "ท่านแจ้งหรือไม่คือมังกรสำแดงฤทธิ์ จึงเกิดลมและเมฆมืดมิดอย่างนี้ แลมังกรนั้นมีฤทธิ์ประการใด" "ลิห้อย" รู้ทันว่าเป็นการถามเพื่อหยั่งความคิดว่าใครจะเป็นมังกรผู้มีฤทธิ์อย่างที่เห็น จึงแสร้งตอบว่าตนมีปัญญาน้อย ไม่ทราบเรื่องอย่างนี้ "ตั๋งเทือก" จึงว่า "อันมังกรนั้นมีฤทธิ์เดชมาก สามารถแปลงร่างให้ใหญ่ก็ได้ ให้เล็กก็ได้ เหาะเหินซ่อนเร้นได้ เวลาแปลงร่างใหญ่ก็จะกระจายเมฆพ่นหมอก แม้แปลงร่างเล็กก็จะดั่งพญางูที่ซ่อนร่าง แม้ลอยขึ้นไปก็จะบินผงาดเผ่นโผนโจนทะยานเหนือเมฆแห่งจักรวาล แม้ซ่อนร่างก็จะแอบแฝงอยู่ในคลื่นทะเล ปัจจุบันนี้เป็นฤดูฝน มังกรจะฉวยโอกาสเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงประดุจบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แล้วออกมาฝาดโผนในทุกทิศทุกทาง ดังนั้นการปรากฎกายของพญามังกรจึงอุปมาดังได้พบยอดบุรุษในแผ่นดินเสียมก๊ก ที่จะก้าวเข้ามาครองอำนาจต่อไปนั่นเอง" แล้ว "ตั๋งเทือก" ก็ถาม "ลิห้อย" ว่าทุกวันนี้ท่านเห็นผู้ใดมีสติปัญญา มีฤทธิ์เดชมากเหมือนพญามังกรสำแดงฤทธิ์อย่างนี้บ้าง "ลิห้อย" ได้ฟังดังนั้นก็บอกว่าตนมีความรู้และสติปัญญาน้อย ทุกวันนี้อยู่ได้ก็เพราะบารมีท่านเท่านั้น "ตั๋งเทือก" ยกจอกสุราขึ้นจิบพร้อมกล่าวว่า ขอท่านอย่าได้กล่าวเลยว่าเป็นเพราะบารมีเรา ถ้าไม่มีท่าน ก็ไม่มีเราในวันนี้ "ลิห้อย" ยกจอกสุราขึ้นทำทีเป็นคารวะในคำพูดของ "ตั๋งเทือก" พร้อมกับกล่าวขอบคุณ แต่ในใจของ "ลิห้อย" นั้นอยากจะบอก "ตั๋งเทือก" ว่า "ไม่มีมึง กูก็เป็นใหญ่ได้" lsv-smile |