หัวข้อ: หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม ผู้วิเศษแห่งเขาพลอง เริ่มหัวข้อโดย: kittanan_2589 ที่ ตุลาคม 28, 2010, 07:47:37 am (http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1195096&d=1287967243)
ประวัติที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนของเทพเจ้าแห่งเขาพลอง หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม โดย หมูมหาเวทย์ หลวงพ่อชื้น เกิดที่บ้านวัดงิ้ว ต.ท่าชัย อ.เมือง จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2437 เป็นบุตรคนโตของ คุณพ่อแส คุณแม่จันทร์ ธรรมชัย หลวงพ่อชื้น มีพี่น้องร่วมท้องรวม 5 คน ได้แก่ 1.หลวงพ่อชื้น อริยธัมโม (มรณภาพแล้ว) 2.นายเหว่า (ถึงแก่กรรม) 3.นายพร้อม (ถึงแก่กรรม) 4.นางถม (ถึงแก่กรรม) 5.นางปุย (ถึงแก่กรรม) หลวงพ่อชื้น เรียนหนังสือจบชั้น ป.4 จากโรงเรียนวัดงิ้ว ต.ท่าชัย อ.เมือง จ.ชัยนาท และไม่ได้เรียนต่อ ออกมาช่วยพ่อแม่ทำมาหากินจนอายุ 18 ปี ก็สมัครเข้ารับราชการทหารที่มณฑลทหารบกที่ 4 จ.ชัยนาท (สมัยนั้น) จนเลื่อนยศเป็น สิบตรี สิบโท สิบเอก ตามลำดับ โดยใช้นามสกุลว่า ธรรมชัย หมายถึง ธรรมะย่อมมีชัยชนะเหนือสิ่งทั้งปวง สมัยเป็นทหาร หลวงพ่อชื้น เคยร่วมรบในสงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่ 1 จนสงครามเลิก ก็ลาออกจากราชการหันไปค้าไม้กับเพื่อนร่วมรบในสงครามอินโดจีนด้วยกัน 2-3 ปี และกลับเข้ารับราชการอีกครั้งติดยศ จ่าสิบตรี และเลื่อนยศตามลำดับจนถึง ร.ท. ก็ออกจากราชการกินบำนาญในช่วงปี พ.ศ. 2475 โดยเพื่อนฝูงและคนคุ้นเคยมักชื่อท่านติดปากเรียกว่า ร้อยโทชื้นหรือหมวดชื้น หลังออกจากราชการทหาร ร.ท.ชื้น หันมาสนใจศึกษาธรรมะและแสวงหาความรู้ด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน ดั้นด้นไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาทุกคนจะเรียกหลวงพ่อกบว่า สมเด็จพระบรมครู หลวงพ่อเขาสาริกา ด้วยอุปนิสัยหลวงพ่อกบไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่ก็รับไว้เป็นศิษย์ โดยให้ ร.ท.ชื้น ศึกษาธรรมะและฝึกนั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานจาก อาจารย์สาย ยอดสุวรรณ ศิษย์ฆาราวาสของท่าน ดังนั้น ร.ท.ชื้น จึงถือว่าเป็นศิษย์สายเดียวกับมหาชวน หรือหลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด ฝั่งธนบุรี เกจิชื่อดังในอดีต ขณะศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน ร.ท.ชื้น ได้รับการถ่ายทอดขั้นตอนและเคล็ดลับการเจริญวิปัสสนาฯจาก อาจารย์สาย ยอดสุวรรณ และอาจารย์ชื่น สดศรี ชาว จ.นครสวรรค์ ศิษย์ฆราวาสของหลวงพ่อกบอีกท่านหนึ่งจนแตกฉานและสำเร็จธรรมขั้นสูง รวมทั้งมีโอกาสสนทนาธรรมและขอวิชาความรู้จาก หลวงพ่อโอภาสี ที่อาศรมบางมดบ่อยครั้งด้วย ภายหลัง หลวงพ่อกบ ชราภาพ ได้ให้อาจารย์สายมอบหมายให้ ร.ท.ชื้น เป็นอาจารย์ถ่ายทอดการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานให้คณะศิษย์สืบต่อมา โดย ร.ท.ชื้น สอนลูกศิษย์อยู่ที่วัดเขาสาลิกาพักหนึ่งก่อนขยับขยายที่อยู่ ย้ายมาปลูกบ้านเปิดเป็นสำนักสอนปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานอย่างจริงจัง ที่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 4 ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.ชัยนาท (ใกล้วัดพระยาตากปัจจุบัน) ได้รับการเคารพนับถือจากบรรดาศิษย์สายหลวงพ่อกบและสายหลวงพ่อโอภาสีด้วยดีเสมอมา จนหลวงพ่อกบและหลวงพ่อโอภาสีละสังขาร ทำให้ลูกศิษย์หลั่งไหลมาหา ร.ท.ชื้น มากขึ้น ราวปี พ.ศ. 2506 ร.ท.ชื้น อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดตะเคียนเลื่อน ต.ตะเคียนเลื่อน อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ อยู่ในเพศบรรพชิตราว 2 ปี ประมาณ พ.ศ. 2508 ก็จำต้องลาสิกขามาเป็นฆาราวาสนุ่งขาวห่มขาว เพราะติดภารกิจสอนศิษย์ปฏิบัติวิปัสสนา อีกทั้งต้องดูแลครอบครัว ขณะครองเพศบรรพชิต หลวงพ่อชื้น ได้สนใจศึกษาด้านคาถาอาคม การลงอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ โดย หลวงพ่อชื้น มีโอกาสแลกเปลี่ยนวิชากับ หลวงพ่อแสวง ญาติของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จนกลายเป็นสหายธรรมที่สนิทกันมากรูปหนึ่ง รวมทั้งศึกษาวิชาอื่น ๆ เพิ่มเติมจากหลวงพ่อโอภาสีด้วย อย่างไรก็ตามขณะดำรงชีวิตเป็นฆราวาส ตั้งแต่วัยหนุ่ม ร.ท.ชื้น ได้แต่งงานอยู่กินกับ นางสำลี ธรรมชัย มีบุตรชาย-หญิงด้วยกัน 3 คน คือ 1.นางเฉลียง สุนทราคม (ถึงแก่กรรม) แต่งงานกับ ร.ต.แกล้ว สุนทราคม (ถึงแก่กรรม) มีบุตรชาย 2 คน หญิง 1 คน 2.นางเฉลา เทพกาญจนา (อดีตข้าราชการครูโรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง กทม.)ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ แต่งงานกับ พล.อ.ต.สุพจน์ เทพกาญจนา (ถึงแก่กรรม) พี่ชายของบิดา นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา นักการเมืองคนดัง มีบุตรด้วยกันเป็นชาย 3 คน และหญิง 1 คน (ถึงแก่กรรม) 3.พ.ต.ประโยชน์ ธรรมชัย (ถึงแก่กรรม) อดีตปลัดอำเภอ หัวหน้ากิ่ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย แต่งงานกับ นางยุวดี ธรรมชัย (ถึงแก่กรรม) มีบุตรชาย ด้วยกัน 1 คน นอกจากนี้ ร.ท.ชื้น ยังมีบุตรกับภรรยาชาว จ.อุทัยธานี อีก 1 คนชื่อ นายจำรูญ ธรรมชัย (ถึงแก่กรรม) ต่อมาในปี พ.ศ. 2509 ร.ท.ชื้น เห็นว่าที่บ้านคับแคบไม่เพียงพอกับความศรัทธาของคณะศิษย์ จึงหารือกับบรรดาผู้ปฏิบัติธรรมสายหลวงพ่อกบและหลวงพ่อโอภาสี ค้นหาสถานที่เหมาะสม และร่วมกันสร้างวัดที่เขาพลอง ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท หรือชื่อเป็นทางการในเวลาต่อมาว่าวัดปฐมเทศนาอรัญวาสี หรือชาวบ้านเรียกว่าวัดเขาพลอง พร้อมสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่สีทองอร่ามประดิษฐานไว้บนยอดเขาพลองถึงทุกวันนี้ ปี พ.ศ. 2512 หลังจาก นางสำลี ภรรยาถึงแก่กรรม ร.ท.ชื้น ก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้ง (ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าบวชที่ไหน สันนิษฐานเพียงว่าน่าจะเป็นวัดตะเคียนเลื่อนเหมือนครั้งแรก) ได้ฉายาว่า อริยธัมโม หมายถึง ผู้ที่ได้ธรรมะอันสูงส่ง และสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานให้ผู้ศรัทธาเรื่อยมาจวบจนมรณภาพในวันที่ 25 ต.ค. พ.ศ. 2521 รวมอายุ 84 ปี ระหว่างครองเพศบรรพชิต หลวงพ่อชื้น ได้รวบรวมปัจจัยจากผู้ศรัทธาหาและทุนทรัพย์พัฒนาวัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (เขาพลอง) อย่างต่อเนื่องจนเจริญรุ่งเรืองสืบมา รวมทั้งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงก่อสร้างพระพุทธอริยธัมโม พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ศิลปะสุโขทัยประดิษฐานบนเชิงเขาพลองข้างสวนนกชัยนาท ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องเหลียวมองเพราะความงดงามและยกมือไหว้ด้วยความศรัทธาทุกคน ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปี เสร็จในปี พ.ศ. 2519 หลวงพ่อชื้น เป็นพระภิกษุที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและใจบุญใจกุศล สมัยวัยหนุ่มมักเจียดเงินเดือนขณะรับราชการทหารไปซื้ออาหารเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ เช่น นกกระจอก นกกระจาบ นกพิราบ สุนัข แมว และแจกคนยากจนอยู่เป็นประจำ ถือได้ว่าท่านมีแต่ให้และไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดตอบแทน ลูกศิษย์ผู้สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อชื้น นายเชื้อ สว่างเนตร หรืออาจารย์เชื้อ สว่างเนตร ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ อายุมากแล้ว แต่สุขภาพแข็งแรง ดวงตาสว่างสดใส เป็นผู้สืบทอดและสอนวิปัสสากัมมัฏฐานให้ผู้ศรัทธาในช่วงวันเพ็ญเดือน 3 วันเพ็ญเดือน 6 และวันเพ็ญเดือน 12 ที่วัดเขาสาริกา วัดเขาพลอง และวัดพุทธบูชา อาศรมบางมด ธนบุรี อาจารย์สิริสิงห์ หรือหมอแขก เป็นพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาวเดินทางมาพำนักที่อาศรมหน้าทางขึ้นวัดเขาพลองหลายปี ศรัทธามาถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อชื้น ได้รับการสืบทอดวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์ท่านอื่น ๆ แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ จึงไม่สามารถสั่งสอนใครได้ (เป็นข้อห้ามในหมู่ลูกศิษย์ หากใครฝ่าฝืนหรือไม่เชื่อฟังจะมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานา ประสบความวิบัติ เป็นบ้าก็มีมาแล้ว) ภายหลังหมอแขกแต่งงานกับลูกสาวร้านทองใน จ.ชัยนาท ย้ายไปทำกิจการร้านทองที่ จ.แม่ฮ่องสอน กลายเป็นพ่อเลี้ยงเมืองเหนือไปเรียบร้อยแล้ว วัตถุมงคลของหลวงพ่อชื้น อริยธัมโม ด้วยความที่ หลวงพ่อชื้น เคยเล่าเรียนคาถา วิธีลงอักขระเลขยันต์ และศึกษาธรรมะมายาวนาน เพื่อรำลึกพระคุณครูอาจารย์ คณะศิษย์จึงจัดสร้างวัตถุมงคลไว้เป็นอนุสรณ์หลายแบบ มีทั้งเหรียญรูปทรงต่าง ๆ รูปหล่อบูชาหลวงพ่อกบ หลวงพ่อโอภาสี และตัวท่านเอง รวมทั้งผ้ายันต์ มีทั้งเป็นผ้าและกระดาษ แจกญาติโยมที่มาทำบุญและลูกศิษย์ ซึ่งวัตถุมงคลทุกรุ่น หลวงพ่อชื้นจะปลุกเสกเดี่ยว 1 พรรษาหรือ 1 ไตรมาส ทุกวัน ปัจจุบันวัตถุมงคลทุกประเภทหายาก ลูกศิษย์หวงกันมาก ๆ จึงไม่ค่อยพบหมุนเวียนให้เห็นกัน เรียกได้ว่า ของดีมีเงินมีทองไช่ว่าจะได้ครอบครองกันง่าย ๆ (http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=1195094&d=1287967243) ที่มา - http://sites.google.com/site/patihan...ng-khea-phlxng |