หัวข้อ: "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" เริ่มหัวข้อโดย: b.chaiyasith ที่ ตุลาคม 22, 2010, 09:56:39 am พงศ์พัฒน์" ลั่นเดินหน้าล้างบาง "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" หลังจากทีมงาน ตร.สอบสวนกลางกองปราบท่องเที่ยว-ตรวจคนเข้าเมือง บุกจู่โจมจับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ใจกลางเมืองกรุง มีทั้งจีนแผ่นดินใหญ่-ไต้หวัน 23 คน ของกลางทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ กล่องแปลงสัญญาณเสียง นอกจากนี้ยังพบหนังสือเดินทางปลอมอีกเพียบ เผยแกะรอยเฝ้าดูพฤติ กรรมอยู่นาน "ผบช.ก." สั่งขยายผล หากพบหน่วยงานไหน ขายข้อมูลให้วายร้ายแสบ เจอเช็กบิลแน่
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 ต.ค. พล.ต.ต. ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท. (ท่องเที่ยว) พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม ผบก.ปอท. (ปราบปรามอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี) และ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤ นาถ รักษาราชการ ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.1 บก.สส.สตม. พร้อมคณะ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนและไต้หวัน เป็นชาย 14 คน และ หญิง 9 คน รวม 23 คน พร้อมของกลาง เครื่องโทรศัพท์ 26 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 6 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 1 ชุด อุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต 7 เครื่อง วิทยุสื่อสาร 8 ตัว กล่องแปลง สัญญาณเสียง (VOIP GATEWAY) 19 เครื่อง และอุปกรณ์ปลอมแปลงหนังสือเดินทางอีกเป็นจำนวนมาก พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากตำรวจไต้หวัน ได้ประสานข้อมูลมายัง บช.ก.ว่ามีคนร้ายชาวจีนและไต้หวัน ลักลอบเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็น ศูนย์คอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายชาติเดียวกันให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม สร้างความเสียหายนับพันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนร้ายที่ปลอมหนังสือเดินทางเพื่อส่งชาวจีนไปยังประเทศที่ 3 จึงสั่งการให้ทั้งกองปราบฯ ท่องเที่ยว และตรวจคน เข้าเมือง วางแผนสืบสวนสอบสวนร่วมกันเฝ้าติดตามพฤติการณ์ผู้กระทำความผิด กระทั่งได้เบาะแสจากสายรายงานว่า มีกลุ่มชาวต่างชาติจำนวนมากมีพฤติกรรมต้องสงสัยมาพักอาศัยอยู่ด้วยกัน 3 จุด จึงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิดจนเชื่อว่าน่าจะร่วมกันกระทำผิดอย่างแน่นอนจึงขออนุมัติหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นที่พัก 3 จุด คือ ที่พักหลังใหญ่ในซอยวิภาวดีฯ 16 เขตห้วยขวาง, บ้านพักในซอยแจ้งวัฒนะ 10 เขตหลักสี่ และห้องพักย่านลุมพินี ทำ ให้พบผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมาก โดย เฉพาะสมุดบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าไปแล้ว โดยกลุ่มคนร้ายได้ไปกดเงินออกที่ปลายทางต่างประเทศ จากการสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพ ซึ่งการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่าบางส่วนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้กว่า 1 ปี มีการติดต่อกับผู้ร่วมกระทำความผิด ที่ไต้หวัน ซึ่งตามแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกหลายราย และบางส่วนได้ถูกทางการไต้หวันจับกุมตัวได้แล้ว นอกจากนี้ผู้ต้องหาบางส่วนได้เตรียมเดินทางต่อไปยังประเทศเวียด นาม มาเลเซีย ฯลฯ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการปลอมแปลงหนังสือเดินทางดังกล่าว เบื้องต้นดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และปลอมแปลงหนังสือเดินทาง ด้าน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.กล่าวว่า กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อเพื่อให้โอนเงินผ่าน ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งยังพบความเคลื่อนไหวและการกระทำความผิดเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งนั้นจึงได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องทุกหน่วยในสังกัด บช.ก.เร่งสืบสวนติดตามแบบเกาะติด นอกจากนี้ได้ประสานไปยัง เจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอย่างเข้มงวด และหากพบว่ามีการขายข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ของลูกค้าให้กับผู้กระทำความผิดก็จะพิจารณาดำเนินคดีเฉียบขาด ส่วนกรณีของผู้ที่ว่าจ้างให้ไปเปิดบัญชีธนาคารนั้นจะต้องตรวจสอบเป็นราย ๆ ไป. |