หัวข้อ: ถอดรหัสฟ้า '26 มิ.ย.' 'จันทร์มืด-มัว' หลักโหรบ่งชี้มีเรื่องร้าย เริ่มหัวข้อโดย: kittanan_2589 ที่ มิถุนายน 25, 2010, 11:01:47 pm (http://lh3.ggpht.com/_wSyLDVvCvE8/Sl94q7IM_jI/AAAAAAAAEyU/YYV308LlYBA/%5BUNSET%5D.jpg)
ในวันที่ “26 มิ.ย. 2553” ที่กำลังจะมาถึง บนท้องฟ้ายามราตรีจะมีปรากฏการณ์ “จันทรุปราคา-จันทรคราส” เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้เป็น “แบบบางส่วน” ซึ่งจากข้อมูลของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ ระบุว่า... จันทรุปราคาบางส่วนครั้งนี้เกิดจากดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเข้าไปในเงามืดของ โลกบางส่วน ทำให้มองเห็น “ดวงจันทร์เว้าแหว่ง” ไป เหตุการณ์ครั้งนี้จะเห็นได้ในพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่โลก สำหรับในไทย จะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 18.47 น. ซึ่งดวงจันทร์ถูกบดบังมากที่สุดแล้ว และกำลังเคลื่อนออกจาก “เงามืด” สู่ “เงามัว” แต่เนื่องจากดวงจันทร์เพิ่งขึ้นจากขอบฟ้ามุมเงย 0-14 องศา ก็อาจทำให้เห็นปรากฏการณ์ได้ยาก เว้นแต่จะอยู่บนที่สูงที่มองขอบฟ้าตะวันออกได้ชัดเจนโดยไม่มีสิ่งบดบัง อีกทั้งเมื่อดวงจันทร์เข้าสู่เงามัว ความสว่างก็จะใกล้เคียงกับการเกิดจันทร์เพ็ญ จนอาจแยกความแตกต่างได้ไม่ชัดเจน คนทั่วไปอาจไม่ค่อยสนใจจันทรุปราคาแบบนี้มากนัก แต่สำหรับนักโหราศาสตร์นี่ก็เป็นปรากฏการณ์บ่งชี้... ทั้งนี้ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุไว้ว่า... จันทรุปราคาในคืนวันที่ 26 มิ.ย.นี้ เป็นอุปราคาครั้งที่ 3 ในจำนวน 5 ครั้ง ของปี 2553 นี้ ซึ่งในทางโหราศาสตร์อุปราคาถือว่ามีอิทธิพล ส่วนผลจะรุนแรงมากหรือน้อยก็ไล่เลียงลำดับได้ดังนี้คือ... 1.ชนิดของอุปราคา สุริยุปราคาให้ผลรุนแรงกว่าจันทรุปราคา 2.ขอบเขตความมืดมน การมืดมิดดวงเป็นสรรพคราสให้ผลรุนแรงกว่าอุปราคาชนิดมืดเป็นบางส่วน 3.ท้องถิ่น ภูมิภาค ประเทศที่แนวอุปราคาพาดผ่านและการมองเห็นอุปราคา 4.ท้องถิ่น ภูมิภาค ประเทศที่ถูกปกครองโดยราศีที่อุปราคาอุบัติ 5.ภพที่ได้รับผลจากอุปราคา 6.ดวงดาวที่เข้ามาสมาคมกับแนวอุปราคา 7.อุปราคาสัมพันธ์กับจุดตั้งรับในดวงชะตาเมือง 8.อุปราคาสัมพันธ์กับจุดตั้งรับในดวงชะตาบุคคล อุปราคาครั้งที่ 3 นี้ ตามหลักโหรคือเกิดจุดจันทร์เพ็ญ เวลา 18.32 น. เกิดจันทรุปราคาบางส่วน ในราศีธนู เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) ในระยะ 10 องศา 46 ลิปดา รัศมีคราสพาดผ่านจตุถนวางศ์ 2 ทุติยตรียางศ์ 3 มูละนักษัตรฤกษ์ที่ 19 ในอาณาเขตของทลิทโทฤกษ์ ซึ่ง มองเห็นได้ที่แถบเอเชียตะวันออกทั้งหมดด้วย กับอิทธิพลของอุปราคาครั้งนี้ที่ต้องระวังนั้น อ.ภิญโญ ระบุไว้ว่า... จันทรุปราคาครั้งนี้เกิดในราศีธนู ราศีชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นทวิภาวะราศี หรือสามัญราศีก็เรียก อุภยราศีก็เรียก จะก่อให้เกิดเรื่องที่ส่งผลยุ่งยากสลับซับซ้อนซึ่งยากแก่การสอบสวน เกิดความยุ่งยากเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงทางการเมือง การชุมนุมของกรรมกรผู้ใช้แรงงาน เป็นห้วงเวลาที่เกิดคดีอาชญากรรมมากขึ้น โรคภัยไข้เจ็บในคนและสัตว์ระบาดอย่างหนัก มีความยุ่งยากในวงการศาสนาและการศึกษา และมีผลตามหลังอุปราคาคือ อุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมาย ในการเดินทาง ทั้งทางทะเล ทางพื้นดิน และทางอากาศ ดังนั้น การเดินทางจึงควรระมัดระวังอย่างยิ่ง อุปราคาครั้งนี้เกิดขึ้นในราศีธนูซึ่งเป็นราศีธาตุไฟ ตอนหัวค่ำ ต้องระมัดระวังจะเกิดอัคคีภัย เกิดไฟไหม้ครั้งสำคัญ เกิดเหตุการณ์สาธารณะที่ตื่นเต้น เหตุฆาตกรรมสำคัญ บางครั้งเกิดการปะทะของกองกำลังต่าง ๆ เกิดภัยของสงคราม เกิดการตายของประชาชน สูญเสียบุคคลสำคัญระดับสูง เกิดการก่อกวน การมีปากเสียง มีเรื่องทำให้จิตใจผู้ชายวุ่นวาย อากาศร้อนจัด ฝนแล้ง มีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องไฟและน้ำในโครงการต่าง ๆ มีการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ประชาชนกระทบกระเทือนเรื่องการดำรงชีวิต นอกจากนี้ อุปราคาครั้งนี้เกิดในอาณาเขตของจตุถนวางศ์ 2 ทุติยตรียางศ์ 3 ราศีธนู ในทางโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมืองระบุว่า จะเกิดโรคระบาด มีโรคภัยไข้เจ็บแพร่หลายเพิ่มมากขึ้น มีเชื้อโรคใหม่เกิดขึ้น ประชาชนจะเจ็บป่วยมาก รัฐบาล กองทัพ ผู้นำระดับสูง ต้องออกมาแสดงบทบาทให้ความช่วยเหลือ ราศีธนูเป็นภพที่ 9 ของดวงเมือง เมื่อเกิดอุปราคาในภพที่ 9 จะเกิดปัญหายุ่งยากวุ่นวายในวงการการศึกษา แพทย์ กฎหมาย วงการ ศาสนาเกิดการสูญเสีย ขัดแย้งเกี่ยวกับนิกาย เกิดพายุครั้งใหญ่ อุบัติเหตุครั้งสำคัญ อุบัติภัยทางทะเลและทางอากาศ เกิดความยุ่งยากจากต่างประเทศและดินแดนอาณาเขต อ.ภิญโญบอกไว้อีกว่า... อุปราคาครั้งนี้เกิดในมูละนักษัตรฤกษ์ที่ 19 ในอาณาเขตของทลิทโทฤกษ์ บาทฤกษ์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นพิษนาค ทลิทโทแปลว่า ผู้ขอ ผู้มักน้อย ยากจนเข็ญใจ มีพระอาทิตย์ (1) เป็นพระเคราะห์ผู้รักษาฤกษ์ บาทฤกษ์ที่ 1 เป็นนวางค์ขาด เรียกว่าจัตตุรฤกษ์ หรือขันธฤกษ์ (พยะกะริขัง) ฤกษ์นี้ใช้ประกอบกิจการเพื่อให้เกิดความเมตตาปรานี สงสาร เห็นใจ ยินยอมให้ความช่วยเหลือหรือร่วมมือแต่โดยดี “ดังนั้น เมื่อเกิดอุปราคาขึ้นในฤกษ์นี้ จะทำให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะตรงกันข้าม คือสังคมจะมีการเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น ไม่เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่มีความเมตตาปรานี ขาดการประนีประนอม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนกันมากขึ้น” ...นายกสมาคมโหราศาสตร์ฯระบุ กับภาพรวม...อิทธิพล “จันทรุปราคา 26 มิ.ย. 2553” ฟังหูไว้หู...ที่สำคัญคืออย่าตั้งตนบนความประมาท !!. ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์ |