หัวข้อ: กลยุทธ์หลังวิกฤต ทิศทางปี 2553 เริ่มหัวข้อโดย: b.chaiyasith ที่ มกราคม 15, 2010, 05:32:00 pm สัมมนา SCB Annual Conference on the Economy (SCB ACE) โดยมี 3 ผู้นำภาคธุรกิจ ร่วมเปิดมุมมอง กลยุทธ์หลังวิกฤต ทิศทางในปี 2553 ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอแยล เมอริเดียน กรุงเทพฯ
(http://www.vcharkarn.com/uploads/184/184396.jpg) ธนาคารไทยพาณิชย์จัดสัมมนา SCB Annual Conference on the Economy (SCB ACE) โดยมี 3 ผู้นำภาคธุรกิจ ได้แก่ คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คุณอนันต์ อัศวโภคิน แระธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าล์ จำกัด (มหาชน) และคุณกานต์ ตระกลูฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือซีเมนต์ไทย ร่วมเปิดมุมมอง กลยุทธ์หลังวิกฤต ทิศทางในปี 2553 ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอแยล เมอริเดียน กรุงเทพฯ ผู้นำพลังงาน ปตท. ย้ำเศรษฐกิจรุ่งแน่ คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) มองว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจในประเทศปรับตัวขึ้นนักลงทุนเริ่มกลับมา ตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น การส่งออกติดลบน้อยลง สถานการณ์เริ่มควบคุมได้ ถือว่าเศรษฐกิจของประเทศผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเมื่อมองจากเหตุการณ์ทั่วโลก ไม่น่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้เศรษฐกิจทรุดลงอีก ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ผู้บริโภคมีความมั่นใจ ตัวชี้วัดหลายๆ ตัวเริ่มส่งผลและสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และนักลงทุนเกิดความมั่นใจได้ดีขึ้น ตลาดทุนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น การส่งออกก็เริ่มมาในทิศทางทีติดลบน้อยลง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ควบคุมได้ จะเห็นว่าตลาดโลกหรือตลาดบ้านเรานั้นกระตุ้นตลาดกันอุตลุด เกิดความมั่นใจได้ส่วนหนึ่ง แต่ว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจก็มีมุมมองที่หลากหลาย แต่สอดคล้องกันว่าไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ดีขึ้น ซึ่งอาจจะสะท้อนไปถึงปีหน้าในไตรมาสแรกบางคนพูดว่าจะกลับมาเป็นบวก อย่างของธนาคารไทยพาณิชย์เองจะเห็นว่าปีหน้าประเมินว่าจะโตและสอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกว่าจะกลับมาเป็นบวก หากถามเรื่องราคาน้ำมัน คุณประเสริฐมองว่า ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ราคาน้ำมันสำเร็จรูป 80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศอยู่ที่ 30 บาท/ลิตร ซึ่งถือเป็นราคาที่ยังรับได้ ที่สำคัญการใช้พลังงานในประเทศโดยเฉพาะภาคขนส่งเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งตรงนี้ไม่ได้เป็นจุดที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากรัฐบาลเองได้พยายามออกมาตรการและอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ธุรกิจพลังงานเจาะสำรวจปิโตรเลียม และโรงกลั่นน่าจะเอาตัวรอดได้และคาดว่าจะฟื้นตัวใน 1-2 ปีข้างหน้า แต่สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกฝ่าย ทั้งนักลงทุนและผู้บริโภคและนักท่องเที่ยว สำหรับการปรับตัวของธุรกิจ ปตท. หลังเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้วจะเน้นการรักษาสภาพคล่องของเงินสด ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้เพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องรวมถึงการบริหารจัดการ และปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง (http://www.vcharkarn.com/uploads/184/184397.jpg) ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ผู้บริโภคมีความมั่นใจ ตัวชี้วัดหลายๆ ตัวเริ่มส่งผลและสร้างความมั่นใจได้ดีขึ้น ตลาดทุนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น การส่งออกก็เริ่มมาในทิศทางที่ติดลบน้อยลง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ควบคุมได้... คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานนั้น เครือ ปตท. บริษัทจะต้องมีการเตรียมแผนการดำเนินงานไว้หลายสมมุติฐานกรณีภาวะเศรษฐกิจดี และกรณีภาวะเศรษฐกิจไม่ดี และจะต้องมรการปรับตัวที่ดีเพื่อจะสามารถผ่านวิกฤตไปได้และจากการที่เกิดวิกฤตมา ทำให้บริษัทมีการปรับตัวในเรื่องการควบรวมกิจการ และมีการซื้อกิจการซึ่งผ่านมาบริษัทได้มีการซื้อเหมืองถ่านหินในต่างประเทศในราคาที่ต่ำ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจประเทศไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างแน่นอนในปี 2553 แต่จะเป็นรูปแบบของตัวยู หรือดับเบิลยู ก็ยังต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดเพราะยังมีปัจจัยที่เป็นผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยไม่ว่าจะเป็นเมืองในประเทศ นโยบายการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล เศรษฐกิจโลกตลอดจนราคาน้ำมัน คุณประเสริฐกล่าวทิ้งท้ายในวิสัยทัสน์ที่มีต่อภาพรวมในปลายปีนี้ถึงปีหน้า อสังหาฯ บ้านเดี่ยว...ฉันเลยโอเค ด้านอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าที่ผ่านมาแลนด์ฯ ปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา แม้แต่ด้านเทคโนโลยีที่นำสมัยยังต้องนำมาปรับใช้กับองค์กร หรือแม้แต่แนวคิดที่จะให้พนักงานทำงานที่บ้านก็เป็นประเด็นหนึ่งที่กำลังคิดอยู่ เพื่อลดทอนค่าใช้จ่าย ส่วน 8 เดือนที่ผ่านมานั้น คุณอนันต์ตอบว่า 8 เดือนที่ผ่านมายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากนัก ทุกอย่างยังทรงตัว เพียงแต่ธุรกิจอสังหาฯ มีข้อน่าสังเกตคือ แม้เศรษฐกิจจะมีปัญหา แต่บริษัทพัฒนาที่ดินที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเฉพาะ 10 อันดับแรก ยอดขายและยอดรับรู้รายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% เกือบทุกราย สาเหตุเป็นเพราะผู้ประกอบการายเล็กรายกลางหายไปจากตลาดจำนวนมาก ขณะเดียวกันวิกฤตรอบนี้โครงสร้างของดีมานด์และซัพพลายในตลาดเปลี่ยนแปลงไปมาก เห็นได้จากยอดจดทะเบียนบ้านใหม่จากเดิมเมื่อ 20 ปีก่อน เป็นบ้านเดี่ยว 30% คอนโดฯ 10% ปัจจุบันยอดจดทะเบียนของคอนโดฯ จะสูงถึง 60% ส่วนบ้านเดี่ยวลดเหลือ 20% นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมุมมองและกลยุทธ์ในการฝ่าวิกฤตที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ผู้นำอุตสาหกรรมก่อสร้างบอก ซ่อมได้(http://www.vcharkarn.com/uploads/184/184399.jpg) ขณะที่ คุณกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCG ก็มองไปในทิศทางเดียวกันกับคุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ คาดว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้นเป็นรูปธรรมนับจากวันนี้ไปถึงปี 2553 ส่วนหนึ่งนั้นมาจากมาตรการของรัฐที่อัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น แต่การฟื้นตัวเศรษฐกิจในรอบนี้ไม่น่าจะเป้นตัววี แต่จะเป็นตัววีเอียงหรือค่อยๆ ปรับตัวขึ้นมากกว่า จึงเป็นห่วงว่าหากอีก 1 ปี ข้างหน้า รัฐบาลถอนการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจกระทบต่อเศรษฐกิจได้ ดังนั้น การป้องกันความเสี่ยงจึงน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด โดยในส่วนของเอสซีจีจะใช้กลยุทธ์คือเน้นการเก็บเงินสดและรักษาสภาพคล่อง ตลอดจนลดต้นทุนเน้นการขยายตลาดไปต่างประเทศ ซึ่ง 6 เดือนแรกผ่านมาผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ อีกทั้งยังเน้นเรื่องพัฒนาการวิจัยและการสร้างแบรนด์ให้มากขึ้น พร้อมกับเร่งเครื่องด้านการบริหารจัดการให้องค์กรเข้มแข็งโดยเฉพาะเรื่อง R&D รวมทั้งการขานรับนโยบายของรัฐบาลถึงเรื่องกระบวนการคิดในลักษณะ Creative Economy ซึ่งทางเอสซีจีก็ได้เข้าสู่กระบวนการนี้มาโดยตลอด ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของวารสารพลังไทย และ วิชาการ.คอม http://www.pttplc.com/TH/Default.aspx |