หัวข้อ: จากน้ำท่วมโคราช..ถึงวันสิ้นโลก2012 เริ่มหัวข้อโดย: b.chaiyasith ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 03:45:17 pm (http://www.posttoday.com/medias/20091114/24243.jpg)
ายงานโดย :เรื่อง วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ / ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์ / โซนี่ พิคเจอร์ส: วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ใบลานสามสีที่ตกมาถึงในวัดแห่งหนึ่งของจังหวัดอัตตะปือ (ประเทศลาว) ว่าถึงพุทธทำนายเรื่องคลื่นน้ำสูง 200 เมตรจะเข้าช่องแคบสระบุรี และโคราชตอนล่าง อันเป็นที่มาของข่าวลือในยุคหนึ่งว่าน้ำจะท่วมโคราช จ.นครราชสีมา ตั้งอยู่บนที่ราบสูงโคราช สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 187 เมตร ความคิดขณะนั้นคือเป็นไปไม่ได้ แต่ความคิดขณะนี้ อะไรก็เป็นไปได้หมด นั่นก็เพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติของโลกส่อเค้าความหฤโหดมากขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้กลับกลายเป็นจริง ล่าสุดคือวันสิ้นโลก 21 ธ.ค. 2012 ที่นับจากวันนี้คือ 3 ปีสุดท้ายของโลก 3 ปีสุดท้ายก่อนอารยธรรมโลกจะสิ้นสูญ นี่จะเป็น 3 ปีที่มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไม่!!! 21/12/12 21 ธ.ค. 2012 วันสิ้นโลกที่ทั่วทั้งโลกกำลังพูดถึง เรื่องราวและร่องรอยแห่งปมปริศนา คำพยากรณ์แห่งอนาคตที่แพร่สะพัดอยู่ในเว็บไซต์ชนิดเป็นหมื่นๆ เว็บ ภาพยนตร์ หนังสือ และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ร้อนจัดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดสะท้อนความสนใจถึงขีดสุดต่อหายนะที่กำลังจะนำมาซึ่งวันสุดท้ายของโลก ความแตกตื่นย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเมื่อกว่า 5,000 ปีก่อนในดินแดนเมโสอเมริกา ที่ที่ปฏิทินโบราณฉบับหนึ่งถูกเขียนขึ้น วันแรกของปฏิทินแห่งวันสุดท้ายถูกเขียนขึ้นโดยเผ่ามายา ชนเผ่าโบราณที่ว่ากันว่ามีอารยธรรมสูงสุดในยุคแรกๆ ของโลก ร่องรอยที่ทิ้งไว้อลังการชนิดเหลือเชื่อ ตั้งแต่พีระมิด และศาสนสถานขนาดใหญ่ อารยธรรมรุ่งเรืองสูงสุดด้วยความรู้ด้านศาสนา ปรัชญา คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ การประดิษฐ์ตัวเลข ตัวอักษร ระบบดวงดาวแห่งจักรวาล รวมทั้งการจัดทำปฏิทินลองเคาต์ (Long Count) กลุ่มตัวเลขที่กำหนดผลลัพธ์หรือโชคชะตาแห่งมนุษยชาติทั้งมวล ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ คอลัมนิสต์และนักเขียนอิสระ ผู้เขียนหนังสือ 21 ธันวา 2012 วันพลิกชะตาโลก ให้ความรู้เกี่ยวกับปฏิทินสะท้านโลกว่า พวกมายาได้คิดค้นปฏิทินขึ้น 3 แบบ คือ ปฏิทินที่ใช้สำหรับพิธีทางศาสนา ปฏิทินที่ใช้ทั่วไป และปฏิทินที่เรียกว่าลองเคาต์ ซึ่งไม่ได้นับช่วงเวลาแค่ปีต่อปี 365 วันแล้วตัดยอดไปปีหน้าแบบปฏิทินเกรเกอเรียนในปัจจุบัน หากปฏิทินได้คำนวณช่วงเวลาทั้งหมดนับตั้งแต่มีโลกใบนี้จนกระทั่งวันสุดท้ายของโลกเอาไว้ หน้าตาของปฏิทินโบราณมีลักษณะเหมือนวงกลม 2 วงที่ซ้อนกันอยู่ วงนอกและวงในเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันเหมือน เฟือง กับ เกียร์ ต่างหมุนวนไปรอบๆ คล้ายเฟืองของเครื่องจักร ซี่เฟืองแต่ละซี่ทำงานสอดคล้องกันอย่างซับซ้อนแต่ลงตัวหมดจด ถอดรหัสออกมาเป็นตัวเลข 5 หลัก มายาแบ่งเวลาออกเป็น 5 ตะวัน เราทั้งหลายขณะนี้อยู่ในช่วงของตะวันที่ 5 หรือตะวันสุดท้าย นับหนึ่งวันแรกเมื่อวันที่ 11 ส.ค. เมื่อ 3,114 ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือเมื่อ 5,122 ปีก่อน มหาพายุสุริยะ ปฏิทินผู้นับกาลแห่งโลก ระยะเวลาอันยาวนานมาสิ้นสุดการนับลง ณ วันที่ 21 ธ.ค. 2012 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ทำให้หลายคนคาดการณ์ว่านี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายของโลก วันสิ้นสุดอารยธรรมของมวลมนุษย์โลก ชัชรินทร์ กล่าว ไม่ใช่แค่กำหนดจุดจบโลกไว้ลอยๆ หากวันสุดท้ายบนปฏิทินโบราณยังสอดคล้องกับแนวคิดและข้อมูลใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์โลกปัจจุบันอย่างสุดจะเชื่อ จีนกับสหรัฐอเมริกาตรงกันในเรื่องนี้ ศูนย์โนอา หรือองค์กรสมุทรศาสตร์และบรรยากาศสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmosphere Administration-NOAA) ระบุว่า จะเกิดพายุสุริยะครั้งรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว เช่นเดียวกับศูนย์อุตุนิยมวิทยาดาวเทียมแห่งชาติ (NCMC) ประเทศจีน ซึ่งกล่าวไว้ตั้งแต่ 13 มี.ค. 2007 ว่า ได้ตรวจพบปรากฏการณ์พายุสุริยะครั้งใหญ่ ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนพ.ค. 2012 ก่อนจะทวีความรุนแรงสูงสุดในเดือนธ.ค. 2012 นักวิทยาศาสตร์มีแนวคิดในเรื่องนี้ค่อนข้างหลากหลาย เช่น แนวคิดเรื่องจุดสมดุลของวงโคจรดวงอาทิตย์ ปรากฏการณ์การเรียงตัวของดาวพฤหัสและดาวเสาร์ (Great Chronocrator) หรือแนวคิดเรื่องการเรียงตัวของระบบสุริยะกับจุดศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือก (The Galactic Alignment) รวมทั้งอีกมากมายที่มหัศจรรย์พันลึกเสียยิ่งกว่าไหน เป็นวิทยาศาสตร์ผสมจินตนาการไซ-ไฟ ที่จะนำมาซึ่งปฏิกิริยาแบบวินาศสันตะโรจริงๆ หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องคิดและไตร่ตรองให้หนัก เกิดดับแห่งจักรวาล ดร.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การเกิดดับของจักรวาลเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิต จึงเป็นเรื่องที่คนสนใจ และยิ่งเร้าใจเมื่อเป็นเรื่องที่มีเงื่อนเวลา แต่ต้องระวังสำหรับคนที่ผิดปกติทางความคิด รับข้อมูลแล้วเกิดความเครียด วิตกกังวล และมีความเชื่อที่หลุดไปจากความจริง โดยเฉพาะพวก Thinking Disorder จิตเภท กลุ่มโรคหลงผิด ในต่างประเทศถึงขั้นชิงฆ่าตัวตายไปก่อนก็มี โดยต้องรับรู้ในเชิงบวก คิดวิเคราะห์ด้วยเหตุผล พระนักคิด ว.วชิรเมธี กล่าวว่า วันสิ้นโลกใน 3 ปีหน้า จะจริงไม่จริงก็ยังไม่แน่ แต่ถ้าจะมองผ่านมุมของพุทธศาสนาก็คือ วิธีคิดและวิถีชีวิต กับอารยธรรมของโลกเวลานี้ มนุษย์เดินอยู่บนสายพานแห่งความเร่งที่รวดเร็ว เข้มข้น รุนแรง และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อโลกได้ทุกเมื่อ ปฏิทินวันสุดท้ายของโลกมองในมุมหนึ่งก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราไม่ประมาท เมื่อไม่ประมาทก็สามารถลุกขึ้นมาคิดหาวิธีรับมือกับความเสื่อม ถ้าโลกนี้จะวิบัติ ก็วิบัติเพราะน้ำมือมนุษย์ และก็ด้วยน้ำมือมนุษย์อีกเช่นกันที่จะทำให้โลกนี้หลุดพ้นจากความสิ้นสูญ ว.วชิรเมธี กล่าวว่า ควรใช้ชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะสิ่งที่คาดการณ์ยังอยู่ในอนาคต อย่าเอาความกลัวในอนาคตมาทำให้วันนี้ไม่มีความสุข โลกอาจถึงกาลวิบัติ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันวิบัติในวันนี้เสียหน่อย วันนี้ยังคงอยู่ในมือเรา ลุกขึ้นมาบริหารจัดการวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ คณะทำงาน IPCC และผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวว่า อวสานโลกจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีใครตอบได้ แต่ความจริงก็คือ ถ้าไม่รีบแก้ไข อวสานโลกจะมาถึงแน่ด้วยภัยโลกร้อน ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า 50 ปีจากนี้โลกจะประสบภัยจากภาวะโลกร้อนขั้นเลวร้าย ทั้งสึนามิ แผ่นดินไหว และภาวะน้ำแข็งละลายระดับทวีป อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นอีก 2 องศา ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นอีก 1.6 เมตร เรียกได้ว่าขั้นหายนะ ถ้าโลกไม่วิกฤตใน 3 ปีนี้ ก็ภายในไม่เกิน 50 ปี ตายเสียก่อนตาย(http://www.posttoday.com/medias/20091114/24242.jpg) ไม่ว่าจะอีก 3 ปี หรือ 50 ปี โลกก็แย่แน่ มุมมองต่อวันสิ้นโลกในฐานะนักคิดอิสระ ชัชรินทร์ กล่าวว่า ต้องมีสติและเตรียมใจ เตรียมความคิด เตรียมใจ คือ การเข้าใจและปลงใจต่อสิ่งที่จะเกิด เตรียมความคิด คือ การศึกษาทำความเข้าใจเหตุปัจจัย รวมทั้งศึกษาว่าเราจะเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างไร จริงๆ แล้วก็เปลี่ยนได้ แต่ต้องหมายถึงการเปลี่ยนย้ายทั้งกระบวนทัศน์ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง วันสุดท้ายที่จะมาถึง ควรกระตุ้นให้มนุษย์เกิดสติ เกิดการเตรียมใจ ยอมรับสภาพด้วยความเข้าใจ เกิดความคิดที่จะหมุนเปลี่ยนตัวเองไปสู่การใช้ชีวิตตามหลักศาสนา หรือดังที่ท่านพุทธทาส กล่าวว่า ตายเสียก่อนตาย เรื่องกลียุควันสิ้นโลกนัยหนึ่งแล้วก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อม ความดับ ความไม่จีรัง หรือความไม่แน่นอนของโลก เพื่อที่เราจะได้หาทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมาะสมสอดคล้องกับความไม่แน่นอนนั้น คนไทยใกล้กับศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ ก็ควรหันมาสนใจอย่างจริงจัง แล้วเราจะพบคำตอบของการดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่กำลังใกล้จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ชัชรินทร์ กล่าว ขอบคุณข้อมูล - ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ หนังสือ 21 ธันวา 2012 วันพลิกชะตาโลก สำนัก http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=76202 (http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=76202) หัวข้อ: Re: จากน้ำท่วมโคราช..ถึงวันสิ้นโลก2012 เริ่มหัวข้อโดย: eskimo_bkk-LSV team♥ ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 04:28:24 pm lsv-smile
http://www.youtube.com/v/R6-zBWDtZvM&hl=en_US&fs=1& - ชาติปิ ทุกขา ความเกิดก็เป็นทุกข์ - มะระณัมปิ ทุกขัง เมื่อความตายเข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์ - สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ กล่าวโดยย่อแล้วก็คือ การหลงคิดว่าร่างกายเป็นของเราของเขานั่นแลเป็นตัวทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง ฯ หัวข้อ: Re: จากน้ำท่วมโคราช..ถึงวันสิ้นโลก2012 เริ่มหัวข้อโดย: Nattawut-LSV Team ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 04:41:28 pm พระนักคิด ว.วชิรเมธี กล่าวว่า วันสิ้นโลกใน 3 ปีหน้า จะจริงไม่จริงก็ยังไม่แน่ แต่ถ้าจะมองผ่านมุมของพุทธศาสนาก็คือ วิธีคิดและวิถีชีวิต กับอารยธรรมของโลกเวลานี้ มนุษย์เดินอยู่บนสายพานแห่งความเร่งที่รวดเร็ว เข้มข้น รุนแรง และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อโลกได้ทุกเมื่อ ปฏิทินวันสุดท้ายของโลกมองในมุมหนึ่งก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราไม่ประมาท เมื่อไม่ประมาทก็สามารถลุกขึ้นมาคิดหาวิธีรับมือกับความเสื่อม
lsv-smile HAPPY2!! thank2 |