หัวข้อ: วัดหน้าพระเมรุ วัดที่ไม่ถูกพม่าเผา เริ่มหัวข้อโดย: supoj007 ที่ สิงหาคม 27, 2009, 11:37:52 am (http://img9.imageshack.us/img9/6935/36775034.jpg) วัดหน้าพระเมรุ ตั้งอยู่ริมคลองสระบัวด้านทิศเหนือของคูเมือง (เดิมเป็นแม่น้ำลพบุรี) ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พุทธศักราช 2046 มีชื่อเดิมว่าวัดพระเมรุราชิการาม ที่ตั้งของวัดนี้เดิมคงเป็นสถานที่สำหรับสร้างพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพ ของพระมหากษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งสมัยอยุธยาตอนต้นต่อมาจึงได้สร้าง วัดขึ้น มีตำนานเล่าว่าพระองค์อินทร์ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างวัดนี้เมื่อ พ.ศ. 2046 วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเมื่อครั้งทำศึกกับพระเจ้าบุเรงนองได้มีการทำสัญญาสงบ ศึกเมื่อ พ.ศ. 2106ได้สร้างพลับพลาที่ประทับขึ้นระหว่างวัดหน้าพระเมรุกับวัดหัสดาวาส วัดนี้เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลายและยังคงปรากฏ สถาปัตยกรรมแบบอยุธยาอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (http://img9.imageshack.us/img9/7291/92929870.jpg) เดี๋ยวจะพาเดินชมเที่่ยวกราบ มะมาด้วยกันครับ (http://img291.imageshack.us/img291/9727/34124785.jpg) หัวข้อ: Re: วัดหน้าพระเมรุ วัดที่ไม่ถูกพม่าเผา เริ่มหัวข้อโดย: supoj007 ที่ สิงหาคม 27, 2009, 11:39:49 am (http://img196.imageshack.us/img196/4373/81827939.jpg)
อันดับแรกก็ขึ้นพระอุโบสถ กราบพระพุทธนิมิต อายุ 500 ปี (http://img17.imageshack.us/img17/7239/34157821.jpg) "พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ" พระประธานวัดหน้าพระเมรุ พระพุทธรูปสำริดทรงเครื่องกษัตริย์ที่งดงามองค์หนึ่งของกรุงศรีอยุธยา หน้าตักกว้าง 4.5 เมตร สูง 6 เมตร ซึ่งไม่ถูกพม่าเผาทำลายในการเสียกรุง สิ่งสำคัญที่ปรากฏภายในวัดนี้ คือ พระอุโบสถและพระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่ ซึ่งคงสร้างขึ้นราวรัชกาลของพระเจ้าปราททอง หน้าบันของพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลักปิดทองที่แสดงรูปพระนารายณ์ทรงครุฑแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดา คติดังกล่าวเป็นที่นิยมในสมัยโบราณที่ถือว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ คือเป็นพระนารายณ์อวตาร ดังนั้น หน้าบันของโบสถ์ วิหาร หรือปราสาทราชวังที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างหรือทรงบูรณะก็มักจะทำรูปพระนารายณ์ทรงครุฑเป็นสำคัญ อันมีความหมายว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดหลวง สำหรับ พระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่ก็สร้างในคติของพระพุทธเจ้าาปางโปรดพญามหา ชมพู ตามความในมหาชมพูบดีสูตร ซึ่งเป็นรูปแบบของพระพุทธรูปที่นิยมมากในสมัยอยุธยาตอนกลางต่อลงมาจนถึงสมัย รันตโกสินทร์ตอนต้น พระพุทธรูปองค์นี้อาจเปรียบเทียบได้กับพระพุทธรูปทรงเครื่องภายในเมรุทิศ เมรุรายของวัดไชยวัฒนารามที่สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าปราททองได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้จึงอนุมานได้ว่าพระพุทธรูปประธานภายในพระอุโบสถวัดหน้าพระเมรุก็ คงจะสร้างขึ้นในช่วงเวลานั้นด้วยเช่นกัน (http://img15.imageshack.us/img15/2/2482552111103.jpg) (http://img220.imageshack.us/img220/3140/53999197.jpg) วิหารน้อย กราบหลวงพ่อคันธารราฐ อายุ 1500 ปี (http://img44.imageshack.us/img44/6909/14435508.jpg) (http://img196.imageshack.us/img196/7531/40534252.jpg) สถานที่ประดิษฐาน วิหารน้อย วัดหนาพระเมรุ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พุทธลักษณะ ศิลปะแบบทวารวดีพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท ปางปฐมเทศนา ขนาด สูง ๔.๒ เมตร วัสดุ หินปูนสีเขียวแก่ (Bluish Limestone) พระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ประทับนั่งห้อยพระบาทศิลปะแบบทวารวดีเช่นนี้ในประเทศไทยพบเพียง ๕ องค์ ซึ่งนับว่าน้อยอย่างยิ่ง และในจำนวนนี้มีเพียงองค์นี้องค์เดียวที่สร้างจากศิลาเขียว อีก ๔ องค์ที่เหลือเป็นพระชุดเดียวกันที่สร้างจากศิลาขาวทั้งสิ้น ถึงกระนั้นก็ยังก่อให้เกิดความสับสนกันอยู่เนือง ๆ พระพุทธรูปศิลา (เขียว) องค์นี้ ประดิษฐานอยู่ ณ วิหาน้อยวัดหน้าพระเมรุพระนครศรีอยุธยา ในขณะที่พระพุทธรูปศิลาชุดขาว ๔ องค์ มีแหล่งเดิมอยู่ที่วัดพระเมรุ จังหวัดนครปฐม การขุดพบพระพุทธรูปศิลาองค์หนึ่งซึ่งเป็น พระพุทธรูปศิลาขาวที่นครปฐมในปี ๒๔๘๒ และ ร่องรอยที่แสดงว่ามีพระพุทธรูปลักษณะเช่นนี้ทั้งหมดสี่องค์ ทำให้เกิดความพยายามที่จะติดตามหาพระสามองค์แรกขึ้น พระพุทธรูปสามองค์ถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่ต่าง ๆ ก่อนที่จะขุดพบองค์ที่ ๔ เป็นเวลานาน จึงค่อนข้างลำบากและมืดมน จากการติดตามพบว่า องค์หนึ่งนั้นเคลื่อนย้ายไปไว้ยังวัดพระปฐมเจดีย์นั้นเอง แต่อีกสององค์เมื่อติดตามหาอยู่เป็นเวลานานก็พบว่าได้ถูกเคลื่อนย้ายมาถึง ยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานกันว่าได้เคลื่อนย้ายมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งปรักหักพังเป็นชิ้นส่วนทั้งจากกาลเวลา และการถูกลักลอบขโมยชิ้นส่วนไปขายในร้านค้าของเก่า ย่านเวิ้งนาครเขษม ในระหว่างการติดตามหาพระพุทธรูปศิลา (ขาว) จากวัดพระเมรุ นครปฐม ให้ครบสี่องค์ได้เกิดความสับสนขึ้น โดยมีผู้เข้าใจว่าพระพุทธรูปศิลา (เขียว) ที่วัดหน้าพระเมรุ พระนครศรีอยุธยาเป็นพระองค์หนึ่งในชุดดังกล่าว แต่ได้ถูกซ่อมแปลงส่วนพระกรผิดจากยกพระหัตถ์เสมอพระอุระ ในท่าแสดงปฐมเทศนาไปเป็นวางพระหัตถ์บนพระชานุ ซึ่งผู้รู้จากกรมศิลปากรได้นำมาเขียนชี้แจงในประวัติพระพุทธรูปศิลาขาวในเวลาต่อมาแล้ว พระพุทธรูปศิลา (เขียว) เก่าแก่ร่วมพันปีองค์นี้ ประดิษฐานอยู่ ณ วัดหน้าพระเมรุมาเป็นเวลานานโดยไม่ทราบประวัติความเป็นมา ลักษณะองค์พระกล่าวได้ว่าสมบูรณ์มีเพียงส่วนเรือนแก้วที่หักหายไป ภายหลังเมื่อมีการขุดแต่งวัดมหาธาตุพระนครศรีอยุธยา พบเศษเรือนแก้วที่หายไปจมอยู่ในดินลึกลงไปชั้นล่างท่านผู้รู้สันนิษฐานว่าพระพุทธรูปศิลานี้คงเคยประดิษฐานอยู่ ณ วัดมหาธาตุมาก่อน วัดมหาธาตุนั้นเป็นวัดเก่าแก่มีมาก่อนกรุงศรีอยุธยา เมื่อมาบูรณะในสมัยอยุธยาคงขุดพบพระพุทธรูปศิลาองค์นี้แต่ขุดขึ้นมาไม่หมด ภายหลังจึงมีการเคลื่อนย้ายไปไว้ยังวัดหน้าพระเมรุและประดิษฐานอยู่ ณ วัดนั้นสืบมาปัจจุบัน (http://img20.imageshack.us/img20/1552/13411199.jpg) (http://img40.imageshack.us/img40/8692/68515102.jpg) (http://img36.imageshack.us/img36/9906/92730165.jpg) เดินอ้อมไปด้านหล้งพระอุโบสถ เพื่อไปกราบหลวงพ่อขาว กัน ครับ (http://img196.imageshack.us/img196/1200/88099289.jpg) (http://img183.imageshack.us/img183/1755/44435587.jpg) (http://img16.imageshack.us/img16/3528/15021614.jpg) อ่านประวัติดู ช่วยตอบหน่อยว่า พม่าเผ่าวัดอื่นๆวอดวาย แต่ทำไมไม่ยอมเผา วัด หน้าพระเมรุ (http://img16.imageshack.us/img16/8590/27372271.jpg) |