พิมพ์หน้านี้ - คนตายแล้วฟื้น

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

นานาสาระ => ลึกลับ-เหลือเชื่อ-ธรรมะ => ข้อความที่เริ่มโดย: kittanan_2589 ที่ กรกฎาคม 26, 2009, 11:44:22 am



หัวข้อ: คนตายแล้วฟื้น
เริ่มหัวข้อโดย: kittanan_2589 ที่ กรกฎาคม 26, 2009, 11:44:22 am
ตายแล้วฟื้น เรื่องนี้คัดลอกมาจากหนังสือ วิญญาณปรากฏตัวและระลึกชาติ ตอน ๓ ของ พลโทสมาน วีระไวทยะ

นักเสาะแสวงและนำมาเขียนเรื่องตายแล้วฟื้นท่านผู้นี้คือคุณสนิท ธนรักษ์ ตัวท่านเองเขียนถึงผู้อื่นที่ตายแล้วฟื้นมาหลายคนแล้ว โดยไม่ได้คิดฝันมาก่อนเลย ว่าตัวท่านเองจะเป็น "คนตายแล้วฟื้น" ด้วยอีกชีวิตหนึ่ง  

ผมเองยินดีมากที่ได้อ่านเชิงศึกษาเรื่องของท่านสนิท ธนรักษ์ ท่านผู้นี้ท่านชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นนักสังคมสงเคราะห์ สร้างบุญกุศลไว้มาก ฉะนั้นเมื่อท่านตายไป (ชั่วคราว) กายทิพย์ (หรือวิญญาณ) ออกจากร่างของท่าน และกายทิพย์ ของท่านจึงมีโอกาสล่องลอยไปสู่สวรรค์ ได้เห็นลักษณะของสวรรค์ หรือถิ่นที่เทพเขาอยู่กัน ผมผู้อ่านเชิงศึกษา และเก็บความสำคัญย่อไว้ เพื่อนำไปสู่การอ่านและศึกษาของคนที่รักการศึกษาด้วยกัน คงลำดับ และความไม่สับสน ของเรื่องดังต่อไปนี้

เมื่อปี ๒๕๒๙ เช้าวันหนึ่ง ท่านผู้รักการกุศลและสังคมสงเคราะห์ท่านนี้ เดินเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันก่อนรับประทานอาหารเช้า เดินไปถึงหน้าห้องน้ำ เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ท่านเกิดหงายหลัง ล้มศีรษะฟาดฟื้นกระดานอย่างแรง ขณะนั้นไม่มีใครเห็น ท่านหมดความรู้สึกไป

ขณะหมดความรู้สึกไปนั้น ตัวท่านเองไม่ทราบดอกว่าจะเป็นการตายหรือการสลบไปแต่ท่านรู้สึกว่า ร่างอีกร่างหนึ่ง ของท่าน (ร่างทิพย์) ลอยสูงขึ้นไปในอากาศ ท่านยังมองเห็นร่างเก่าหรือร่างที่ประสบอุบัติเหตุล้มลงก็ยังนอนอยู่ที่พื้นกระดานที่ล้ม ร่างทิพย์ของท่านซึ่งมีความรู้สึกนึกคิดติดตัวไปเหมือนเดิม แต่ไม่เจ็บไม่ปวด ก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เหลือบแลลงข้างล่าง ก็ยังมองเห็นร่างเก่าของตัวเองนอนอยู่ที่เดิม

ร่างทิพย์ที่ลอยไป ก็ประสบกับกลุ่มเมฆสีขาวมากมายผ่านมา ร่างทิพย์ของท่านสนิท (เป็นทิพย์เบา ไม่หนัก) จึงเกาะก้อน เมฆขาว ที่ดูคล้ายแข็งตัว เพราะกายทิพย์ของท่านสนิทไม่มีน้ำหนัก และก้อนเมฆแถวนั้น ก็คงไม่เหมือน ก้อนเมฆฝน ของเมืองมนุษย์

ร่างทิพย์ของท่านสนิท จึงขึ้นไปนั่งบนเมฆนั้น เมฆนั้นก็ลอยเรื่อยไป และลอยสูงขึ้นด้วยครู่หนึ่งก็ถึงแดนสวรรค์ ที่ว่าถึง แดนสวรรค์ก็เพราะร่างทิพย์ของท่านสนิท ได้เห็นวิมานของเทพยดาเป็นบุษบก ยอดแหลมสวยงามมาก ประดังด้วย เพชรพลอยสีต่าง ๆ งดงามแพรวพราวตาดีมาก (สีมรกต สีทอง สีเงิน สีชมพู ได้เห็นทั้งนั้น) องค์วิมานนั้นมีมากมายหลายองค์ เมื่อท่านสนิทอ่ยากดูองค์วิมานมากขึ้น ท่านก็ไต่ก้อนเมฆขึ้นไป ๆ ก็เห็นวิมานอีกเรื่อย ๆ ไป มีเทพยดาแต่งกายงดงาม ร่างกายขนาดคนเรานี่ แต่สวย นั่งอยู่ตามวิมาน บางวิมานยังว่าง ไม่เห็นมีเทพยดานั่งอยู่ แต่ปราสาทนั้นมีรัศมีงดงาม ไม่ใช่ปราสาทชำรุดทรุดโทรม ท่านสนิทยังไปไม่ทันถึงปราสาทองค์ที่ว่างดี หมายจะดูให้ถนัด จวนจะถึงอยู่แล้ว ก็พอดีได้ยินเสียงเรียก "ตา ๆ ๆ"

มือของร่างทิพย์ของท่านสนิท ก็ดูเหมือนอ่อนลง หลุดจาก้อนเมฆแล้วตกลงมาข้างล่าง แต่ร่างทิพย์ของท่านไม่กระทบอะไร ไม่มีอะไรให้น่าตกใจ กระทั่งรู้สึกตัวที่ร่างเดิมของท่าน รู้สึกตัวที่ร่างเดิมว่า มีคนประคองและปั๊มหัวใจ และมีคนช่วยกันหาม ไปที่เตียงนอน คนที่ช่วยเหลือกับร่างเดิมก็คือ เด็กสองคน ที่มีอยู่ในบ้านเดิมกัน

คงจะมาพบร่างกาย เดิมของท่านสนิท ขณะที่ร่างทิพย์ของท่านสนิทลอยขึ้นไป สำรวจตรวจชมเทพปราสาทอยู่ทีเดียว จึงพยายามเข้าช่วยเหลือร่างเดิมของท่านสนิท แล้วร้องเรียก ตา ๆ ๆ ร่างทิพย์ของท่านจึงลอยกลับลงมาสวมเข้ากับร่างเดิม เป็นอย่างเดิม ถ้าเด็กมาช่วย (ร่างเดิม) ช้าไป และร่างทิพย์ของท่านสนิท ขึ้นไปถึงปราสาทว่าง องค์ที่พบเห็นทีหลัง และร่างทิพย์ของท่านสนิทเกิดพอใจนิยมชมชื่น นั่งพักอยู่เสียที่ปราสาทว่างนั้นล่ะก้อ ร่างเดิมของท่านสนิทอาจไม่ฟื้นก็ได้ และร่างทิพย์ของท่านสนิทก็จะกลายเป็นองค์เทพอีกองค์หนึ่ง ประทับถาวรอยู่ ณ ปราสาทองค์ที่พบทีหลัง ไม่กลับไปรับรู้ กับร่างเก่านิวาสถานเรือนเดิม ท่านก็จะกลายเป็นตายแล้วไม่ฟื้นไปก็ได้

เคยได้ยินมาหลายครั้งแล้วว่า ท่านที่ทำคุณงามความดีไว้มาก ๆ (ร่วมตัว) ประกอบการกุศลไว้ทุกช่วงของชีวิตละก้อ จะเกิดองค์ปราสาทอันสวยงามรอท่านผู้นั้นอยู่บนสวรรค์ พอพ้นจากร่างมนุษย์ก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ เข้าพำนัก ณ ปราสาทนั้นทันที

ปราสาทงามว่างยังไม่มีเทพประทับอยู่ ที่กายทิพย์ของท่านสนิทขึ้นไปพบเห็น และกำลังพยายาม จะให้ได้ขึ้นไปดู ให้ถนัดชัดเจนอยู่นั้น อาจเป็นปราสาทที่เกิดจากบุญกุศลของท่านสนิทที่ได้ประกอบไว้ ทุกช่วงชีวิตของท่าน เพื่อรอรับท่านเมื่อ "ตายไม่ฟื้น" ก็ได้ แต่ความชัดเจนยังไม่ทันเกิดขึ้น ก็มีการช่วยเหลือร่างมนุษย์ของท่าน และมีเสียงเรียก "ตา ๆ ๆ" จากผู้ช่วยเหลือในเมืองมนุษย์ ร่างมนุษย์ในโลกยังไม่สมควรที่จะละไป ควรที่จะอยู่ช่วยสังคมมนุษย์ต่อไปก่อน กายทิพย์ ของท่าน จึงจำต้องละเมืองสวรรค์ กลับไปเข้า (สวม) ร่างมนุษย์อยู่ตามเดิม การ "ตายแล้วฟื้น" ของท่านจึงมีขึ้นเป็นความจริง
ลักษณาการของเทพ มีคำบรรยายไว้ในเรื่องของท่านว่า
๑. เทพในวิมานนั้น รูปร่างขนาดคน ณ โลกมนุษย์เรา
๒. สวมมงกุฎ มองไม่เห็นชัดว่าเป็นชายหรือหญิง
๓. นั่งห้อยเท้าบนที่นั่งในวิมาน
มีบันทึกต่อไปอีกนิดหน่อย แต่สำคัญพอสมควร เพราะทำให้ผู้อ่านรู้ว่า ในบ้านของท่านสนิทนั้นมีโอปปาติกะอยู่ด้วย
"บางคนมาค้างที่บ้านท่านสนิท จะคุยกับเด็กสนุกสนาน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีเด็กคนนั้นอยู่ในบ้าน (โอปปาติกะเด็กนักคุย) ผู้มาค้างบางคนหลับอยู่ดี ๆ ก็มีใครไม่รู้นำผ้าห่มมาห่มให้อบอุ่น ถามคนทั้งบ้านก็ไม่มีใครไปห่มผ้าให้คนนั้น (โอปปาติกะเอื้ออารีห่มให้)"
:Smiley039 http://poonporn.com/story/story000058.html


หัวข้อ: Re: คนตายแล้วฟื้น
เริ่มหัวข้อโดย: kittanan_2589 ที่ กรกฎาคม 26, 2009, 11:46:02 am
เรื่องราวตายแล้วฟื้นรายนี้ เปิดเผยจากพระครูถาวรปัญโญภาส เจ้าอาวาสวัดบ้านเหล่า เขตเทศบาลตำบลบัวบาน ว่า คนตายแล้วฟื้นรายนี้เป็นบุตรสาวพระครูชื่อนางงาม ธารบุญ

อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 5 บ้านเหล่า ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานมาประมาณ 10 ปี ซึ่งที่ผ่านมาได้เทียวรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน ควบคู่กับการรักษาทางหมอผีตามความเชื่อของชาวบ้าน เชิญหมอทรงมารักษาและเสริมสร้างกำลังใจด้วย

เหตุการร์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา นางงามมีอาการกำเริบหนัก ช็อคแน่นิ่งชาวบ้านต้องรีบพาไปส่งโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ แพทย์ได้พยายามปั๊มหัวใจแต่ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้ นางงามได้สิ้นใจที่โรงพยาบาล ในขณะที่ญาติที่อยู่ทางบ้าน ก็ได้เตรียมจัดงานฌาปนกิจศพตามประเพณี แต่แล้วก่อนที่จะรับศพกลับได้ข่าวว่า นางงามได้ฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่สิ้นใจไปประมาณ 30 นาที ทั้งนี้เชื่อว่าคงจะเป็นเพราะกุศลผลบุญ ที่ตนได้บวชมาหลายพรรษาจึงสามารถยื้อชีวิตลูกสาวไว้ได้

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 6 ม.5 บ้านเหล่า ต.บัวบาน อ.ยางตลาด พบบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านกำลังทำพิธีผูกข้อต่อแขนเรียกขวัญและแก้บนให้นางงาม โดยการเชิญหมอธรรมหรือร่างทรงมาประกอบพิธีโดยทุกคนเชื่อว่าสาเหตุที่นางงามฟื้นขึ้นมาก็เพราะว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครอง

นายทรงธรรม ธารบุญ อายุ 43 ปี สามีนางงามกล่าวว่า ก่อนที่ภรรยาจะถูกนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตไปประมาณ 30 นาทีดังกล่าว

ที่ผ่านมามีอาการป่วยด้วยโรคเบาหวานมานาน ต้องไปตรวจสุขภาพและรับยาจากโรงพยาบาลมากินเป็นประจำ กระทั่งวันเกิดเหตุมีอาการทรุดหนัก ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างฉุกเฉิน และสิ้นลมหายใจไปประมาณครึ่งชั่วโมง ตนและญาติพี่น้องทุกคนทั้งตกใจและเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ก่อนที่จะนำร่างของนางงามกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านนางงามก็ได้ฟื้นคืนมาอย่างไม่น่าเชื่อ สร้างความประหลาดใจให้ผู้ทราบข่าวอย่างมาก ต่างมีความยินดีจึงได้เชิญหมอรำทรงมาทำพิธี มีการรำบวงสรวงผีสางเทวดา เจ้าที่เจ้าทาง วิญาณบรรพบุรุษ เจ้ากรรมนายเวร เพื่อสืบชะตาและมีการผูกข้อต่อแขน บำรุงขวัญกำลังใจและเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับนางงามด้วย

นพ.สมปอง เจริญวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า จากการสอบถามแพทย์เจ้าของไข้ทราบว่านางงามป่วยเป็นโรคเบาหวาน

และก่อนเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล ได้เกิดอาการช็อคหมดสติ ญาติจึงพยายามปั้มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตและนำตัวนำตัวส่งโรงพยาบาล เมื่อมาถึงแพทย์ได้พยายามปั้มหัวใจช่วยชีวิต และบอกให้ญาติ ๆ เตรียมทำใจไว้ เพราะอาการของคนไข้ค่อนข้างหนัก และไม่มีท่าที่ว่าจะฟื้นขึ้นมา กระทั่งอยู่ระหว่างการเซ็นชื่อของญาติเพื่อรับศพกลับบ้าน นางงามกลับฟื้นขึ้นมา

ทั้งนี้จากการวินิจฉัยของแพทย์เบื้องต้นทราบว่า อาการดังกล่าวเป็นการช็อคของโรคเบาหวาน ทำให้เลือดขาดกลูโคสหรือน้ำตาล จึงทำให้ช็อคหมดสติ หยุดหายใจไปชั่วขณะ ทั้งนี้หลังจากคนไข้ฟื้นขึ้นมาแพทย์ก็ได้รอดูอาการ อย่างไรก็ตามขณะนี้คนไข้มีอาการดีขึ้นแล้ว สามารถรับทานอาหารแล้ว เดินได้ แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก


หัวข้อ: Re: คนตายแล้วฟื้น
เริ่มหัวข้อโดย: kittanan_2589 ที่ กรกฎาคม 26, 2009, 11:49:52 am
แปลกแต่จริงหนุ่มใหญ่วัย 50 ป่วยเป็นมะเร็งในลำคอเสียชีวิตที่บ้านพี่สาวตอนเช้า ญาติๆ ชาวบ้านช่วยเตรียมงานศพ ผ่านไป 3 ชั่วโมง กลับฟื้นขึ้นมาได้ แต่พี่สาวเชื่อคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน..   

วันนี้ (20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับทราบข่าวว่ามีคนป่วยตายและฟื้นคืนชีวิตกลับมาได้ ทั้งๆ ที่ทางญาติกำลังจัดเตรียมงานศพ จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 2 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พบนายทนนชัย มุมศิลป์ อายุ 59 ปี และนางนมเนย มุมศิลป์ อายุ 57 ปี สองสามีภรรยา กำลังนั่งอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน ซึ่งปลูกเป็นบ้านไม้่ยกสูง   

โดยนางนมเนย ได้พาผู้สื่อข่าวไปยังใต้ถุนบ้าน ซึ่งมีร่างของนายลำเจียก ชมชื่น อายุ 50 ปี น้องชาย นอนอยู่บนแคร่ มีมุ้งกางกันยุงไว้ให้ โดยนายลำเจียก อยู่ในสภาพอิดโรยมาก หนังแห้งติดกระดูก ตาโปนโบ๋ลึก และยังมีกลิ่นเน่าคล้ายศพโชยออกมาด้วย นางนมเนย ได้เข้าไปในมุ้งพร้อมนั่งใกล้น้องชาย และจับแขนน้องชายเอาไว้แน่น ก่อนเล่าให้ฟังว่า นายลำเจียก น้องชายได้ทำงานในกรุงเทพฯ เมื่อหลายเดือนก่อนน้องชายป่วยเป็นโรคมะเร็งในลำคอ ทรุดหนักต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลหลายครั้ง และมาอยู่พักรักษาตัวที่บ้านตน โดยอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เดินไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้ กินอาหารได้บ้าง แต่ระยะ 2-3 วันที่ผ่านมา กินได้แต่น้ำและบางครั้งไม่กินน้ำเลย

นางนมเนย กล่าวต่อว่า จนกระทั่งเมื่อตอน 08.00 น. วันนี้ ตนได้เข้าไปดูแลน้องชายตามปกติ พบว่า นายลำเจียก เสียชีวิตแล้ว ตนพยายามเขย่าเรียกก็ไม่ตื่น จึงเรียกนายทนนชัย สามี มาดูและจับชีพจรพบว่าเสียชีวิตจริง จึงแจ้งญาติๆ และชาวบ้านใกล้เคียงทราบ ต่างพากันมาช่วยเก็บบ้านเพื่อเตรียมจัดงานศพน้องชาย โดยขอโลงศพจากมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ที่ อ.ท่าม่วง เอาไว้ พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ได้นำโลงและยาฉีดศพมาให้ พอเวลาประมาณ 10.00 น. ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธ ได้มาถึง กลับมีเรื่องประหลาดราวปาฎิหาริย์ เมื่อน้องชายตนฟื้นขึ้นมา ตนและชาวบ้านพร้อมญาติ ๆ ที่เตรียมงานต้องตกใจ สอบถามทราบว่าทำไมกลับมามีชีวิตได้ น้องชายตอบว่าไปป่ามาไปรบมา เพราะน้องชายตนเป็นอดีตทหารที่เคยรบที่เขาค้อถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาซ้าย ปัจจุบันนี้ยังฝังอยู่ผ่าออกไม่ได้ 

"เมื่อถามว่ายังไม่ไปดีอีกหรือน้องชายก็ตอบว่า จะรอ นายเข็ม (ชมชื่น อายุ 59 ปี พี่ชายที่อยู่ อ.ท่ามะกา) ก่อน แต่ก็เชื่อว่าน้องชายจะอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะวันนี้ไม่กินน้ำแล้ว และตัวก็เริ่มมีกลิ่นเหม็นเหมือนศพแต่แปลกใจว่าเขาฟื้นขึ้นมาอีกได้อย่างไร" นางนมเนยกล่าว

ด้านนายวัฒนชัย ตั้งการุณจิต อายุ 25 ปี อาสาสมัครมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ซึ่งนำโลงศพมาให้ กล่าวว่า ได้รับการประสานจากมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ให้นำรถไปเอาโลงศพที่ทำการมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ที่ อ.ท่าม่วง เพื่อนำโลงมามอบให้ และนำอุปกรณ์การฉีดยามาเตรียมฉีดยาศพด้วย หลังจากมาตรวจสอบแล้วพบว่ามีคนเสียชีวิตจริง จึงประสานทางมูลนิธิและนำโลงมาให้ ปรากฏว่าเมื่อกลับมาถึงบ้านงานอีกครั้ง ทางญาติคนตายบอกว่าคนตายฟื้นขึ้นมาแล้ว ตนยังคิดว่าพูดเล่น จึงเข้าไปดูให้เห็นกับตาก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่าคนตายฟื้นขึ้นมาจริงๆ ตนยังไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริงๆ


หัวข้อ: Re: คนตายแล้วฟื้น
เริ่มหัวข้อโดย: พรเทพ-LSV team♥ ที่ กรกฎาคม 26, 2009, 12:06:32 pm

วันที่ 20 ก.ค. แล้ว พ.ศ อะไร?



หัวข้อ: Re: คนตายแล้วฟื้น
เริ่มหัวข้อโดย: kittanan_2589 ที่ กรกฎาคม 26, 2009, 12:12:37 pm
เขาบอกมาแค่นี้ครับ