พิมพ์หน้านี้ - ข้อควรรู้ เกี่ยวกับแบตเตอรี่ โทรศัพท์ (ย้ายจากบอร์ดเก่า)

LSVคลังสมองออนไลน์ "ปีที่14"

► อิเล็กทรอนิกส์ ► => โทรศัพท์ => ข้อความที่เริ่มโดย: TongTang-LSV team♥ ที่ มกราคม 24, 2007, 12:02:50 pm



หัวข้อ: ข้อควรรู้ เกี่ยวกับแบตเตอรี่ โทรศัพท์ (ย้ายจากบอร์ดเก่า)
เริ่มหัวข้อโดย: TongTang-LSV team♥ ที่ มกราคม 24, 2007, 12:02:50 pm
winai4u              ข้อควรรู้ เกี่ยวกับแบตเตอรี่ โทรศัพท์
                        « เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2006, 16:51:12 »

                       

ข้อควรรู้ เกี่ยวกับแบตเตอรี่

แบตเตอรี่

โทรศัพท์มือถือที่เพื่อนๆใช้กันอยู่นั้น จำเป็นต้องมีแหล่งจ่ายพลังงานเพื่อให้โทรศัพท์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งยิ่งโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆด้วยแล้ว ฟังก์ชั่นมากๆ จำเป็นที่จะต้องใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุสูง สามารถใช้งานได้นานๆ น้ำหนักเบา เวลาการชาร์ทสั้นๆ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน

ช่วงที่ผ่านมา โทรศัพท์มือถือจะใช้แบตอยู่ 2 ประเภทคือ
1. Ni-CD นิกเกิล แคดเมี่ยม ซึ่งจะมีข้อด้อยคือ มีผลเรื่องของเมมโมรี่ เอ็ฟเฟ็คสูงมาก ทำให้อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น เมื่อผู้ใช้ชาร์ทไม่ถูกต้อง
2. Ni-MH นิกเกิล เมทัลไฮไดร ออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบของ เมมโมรี่เอ็ฟเฟ็ค แต่ข้อด้อยคือน้ำหนักที่ค่อนข้างมากไปหน่อย ซึ่งต่อมาก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมใช้ในมือถือรุ่นใหม่ๆ

สำหรับประเภทโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็น Li-on (ลิเทียม ไอออน) และ Li-Polymer หรือ Li-on Polymer (ลิเทียมโพลิเมอร์)

ข้อดีของแบตประเภทลิเทียมคือ
1. น้ำหนักเบา
2. ความจุสูง
3. ใช้เวลาในการชาร์ทสั้น
4. ผลกระทบจาก Memory Effect น้อยมาก แทบจะไม่มีเลย

ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับการใช้งานกับมือถือรุ่นใหม่ๆเป็นอย่างมาก แต่ในประเภทของ Li-on ก็ยังมีผลเรื่องของการใช้งานอย่างหนึ่งคือ หากมีการดิสชาร์ท (การคายประจุแบตเตอรี่) หรือใช้แล้วปล่อยให้ไฟหมดจากตัวเซลของแบตเตอรี่แบบเกลี้ยงเลย อาจเสื่อมประสิทธิภาพได้ หรืออาจจำเป็นต้องกระตุ้นการชาร์ท ระยะหนึ่งก่อนที่จะกลับมาใช้งานปกติ เช่น เมื่อเราทิ้งเครื่องพร้อมแบตเตอรี่จนไฟหมด และไม่ได้ชาร์ท จนกระทั่งไฟหมดจากแบตเตอรี่ เมื่อเสียบสายชาร์ท ไฟอาจไม่สามารถชาร์ทได้ในทันที อาจต้องรอ 30-60 นาที เพื่อกระตุ้นเซลแบต ให้กลับคืนสภาพ ก่อนการชาร์ทได้อีกครั้ง

แต่ในแบตแบบ Li-Polymer ได้รับการพัฒนาจาก Li-on อีกระดับคือ นอกจากจะเบา แล้ว ยังสามารถที่จะปล่อยให้ไฟหมด โดยไม่มีผลเรื่องความเสื่อมประสิทธิภาพของเซล รวมทั้งยังสามารถออกแบบรูปร่างให้เหมาะสมกับมือถือในแต่ละรุ่นได้อย่างง่ายดาย และสามารถออกแบบได้บางเป็นพิเศษ อย่างเช่นแบตของ อีริคสัน T39 เป็นต้น

การชาร์ทไฟในแต่ละแบบ

-สำหรับแบตแบบ Ni-CD และ Ni-MH ใน 3-5 ครั้งแรก ควรชาร์ทไฟทิ้งไว้ประมาณ 12-16 ชม. ก่อนการใช้งาน และในแต่ละครั้งที่ใช้งานควรที่จะใช้จนกระทั่งแบตหมด หรือเหลือน้อยที่สุด -แบตเตอรี่แบบ Li-on การชาร์ทครั้งแรกๆ ไม่จำเป็นต้องชาร์ท 12-16 ชม.อีกต่อไป ชาร์ทเพียงแค่เต็ม แล้วทิ้งไว้อีกซัก1-2 ชม.ก็เพียงพอ แต่แบตอาจจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหลังจากการชาร์ทผ่านไปแล้ว 3-5 ครั้ง โดยในการชาร์ทแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องรอให้แบตหมด หรือแบตอ่อน สามารถชาร์ทได้บ่อยเท่าที่ต้องการครับ เพียงแต่แบตแบบนี้ไม่ควรปล่อยให้ไฟหมดเกลี้ยง และห้าม ดิสชาร์ทครับ
-แบตเตอรี่แบบ Li-Polymer การชาร์ทเหมือนแบบ Li-on คือชาร์ท3 ครั้งแรกแค่เต็ม และสามารถปล่อยให้แบตหมดได้โดยไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในการใช้งาน

แท่นชาร์ท

ควรใช้แท่นชาร์ทที่เหมาะสมกับแบตแต่ละประเภท โดยปกติแล้ว แท่นชาร์ทแบบ ชาร์ท Ni-MH จะไม่เหมาะสำหรับการชาร์ทแบบ Li-On หรือ Li-Polymer ดังนั้น ควรศึกษาว่าแท่นแบบใดเหมาะสมกับแบตรุ่นที่ใช้ ก่อนการซื้อมาใช้งานครับ

สายชาร์ทในรถ

ในแบตประเภท ลิเทียมทั้ง 2 แบบสามารถใช้ที่ชาร์ทในรถได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่หากเป็นแบตแบบ เมทัลไฮไดร แนะนำให้ใช้ที่ชาร์ทในรถเท่าที่จำเป็นเท่านั้นครับ

ที่ชาร์ทแบบหยอดเหรียญตามห้าง

หากไม่จำเป็นจริงๆ ผมขอให้เลี่ยงการชาร์ทแบบหยอดเหรียญตามที่ให้บริการในห้างครับ เพราะเป็นการเร่งกระแสไฟชาร์ทมากกว่าการชาร์ทตามปกติ ทำให้ไฟเต็มเร็ว อาจส่งผลเสียต่อเมนบอร์ด และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ในระยะยาวได้ครับ

ใช้อย่างไรให้แบตทน

-อย่าทิ้งแบตไว้ในที่อุณหภูมิสูง
-ระวังอย่าให้วัสดุเช่นเศษเหรียญ หรือโลหะไปโดนขั้วหน้าคอนแท็ค ในขณะใส่กระเป๋า เพราะอาจลัดวงจร
-อย่าปล่อยทิ้งแบตไว้นานโดยไม่ได้ใช้งาน
-ใช้แท่นชาร์ท หรือสายชาร์ทที่เหมาะสมกับรุ่นเท่านั้น

เมื่อไรจึงจะต้องเปลี่ยนแบต หรือซื้อก้อนใหม่

เมื่อเวลาผ่านไป 1-2ปี ขึ้นไป แบตจะค่อยๆมีระยะเวลาเปิดรอรับสายลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งแทบเรียกได้ว่า ชาร์ทเต็ม ครึ่งวันหมด อย่างนี้ก็ให้หาแบตก้อนใหม่ได้แล้วครับ

การทิ้งแบตเตอรี่

ไม่ควรเปิด หรือแงะแบตเล่น เพราะวัสดุที่ใช้ทำแบต มีอันตรายต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม ควรทิ้งในที่ที่จัดไว้ ในขณะนี้ ทาง ดีแทค และ เอไอเอส ได้มีโครงการตั้งกล่องรับแบตเสื่อมสภาพ ไม่ได้ใช้งาน ดังนั้นหากเพื่อนๆจะทิ้งให้นำไปใส่ไว้ที่กล่องดังกล่าว เพื่อลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมครับ